รีวิว Wonka วองก้า: มิวสิคัลสุดหรรษา กับโรงงานช็อกโกแลตสุดมหัศจรรย์
รีวิว Wonka วองก้า เรื่องราวมหัศจรรย์ของนักประดิษฐ์นักมายากลและผู้ผลิตช็อกโกแลตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับ Charlie and the Chocolate Factory (2005) เนื่องจากมันเป็นภาพยนตร์เรื่องโปรดของเด็กหลาย ๆ คน จนปัจจุบันปี 2023 เรื่องราวของวิลลี่ วองก้าและโรงงานช็อกโกแลตของเขาก็ได้ถูกนำเสนอใหม่อีกครั้ง แต่ก็เหมือนว่าจะเป็นแค่การรีบูตโดยที่พล็อตเรื่องแทบจะเหมือนเดิมแบบเป๊ะ ๆ แต่ตราบใดที่คุณยังชื่นชอบในช็อกโกแลตสุดหอมหวาน Wonka จะยังคงเป็นภาพยตร์เพลงตลกอบอุ่นหัวใจที่จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไปกาล
- ชื่อเรื่อง: Wonka / วองก้า
- ประเภท: เด็กและครอบครัว, ดนตรี เรื่องตลก ความเพ้อฝัน
- ผู้กํากับ: Paul King
- ผู้ผลิต: David Heyman, Alexandra Derbyshire, Luke Kelly
- ผู้เขียน: Simon Farnaby, Paul King
- เวลาหนัง: 1h 56m
- ผู้จัดจําหน่าย: Warner Bros. Pictures
- บริษัทโปรดักชั่น: Heyday Films
- มิกซ์เสียง: Dolby Atmos, Dolby Digital
ติดตามหนังมิวสิคัลสุดหรรษากับโรงงานช็อกโกแลตสุดมหัศจรรย์ ได้ที่: ดูหนังใหม่
รีวิว Wonka วองก้า: มิวสิคัลสุดหรรษา กับโรงงานช็อกโกแลตสุดมหัศจรรย์
รีวิว Wonka วองก้า เชื่อว่าคนที่โตมากับการเช่าหนังร้านน่าจะรู้จักกับ “วิลลี่ วองก้า” เจ้าของโรงงานช็อกโกแลตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก Charlie and the Chocolate Factory (2005) คือการปรากฏตัวครั้งแรกของวองก้าในฐานะนักมายากลนักแสดงและเจ้าของโรงงานช็อกกาแลต แต่สำหรับ Wonka 2023 เลือกที่จะถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตเบื้องหลัง ก่อนที่สร้างตัวตนอันโด่งดังของวิลลี่ วองก้า ในฐานะนักทำขนมและเจ้าของโรงงานช็อกโกแลต ทำให้เราได้เห็นว่าจริงๆ แล้วชีวิตชายคนนี้ต้องพบกับอุปสรรคมากมาย Wonka 2023 มีความเป็นหนังมิวสิคัลที่ใช้สีสันสดใสเน้นการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละครวองก้า ชายหนุ่มผู้มีความฝันและทะเยอทะยาน การเดินทางมาหาความฝันในเมืองใหญ่ หลายคนถูกความฝันทำร้ายเสียจนต้องล้มลุกคลุกคลาน เช่นเดียวกับวองก้าที่เผชิญกับอุปสรรคและด่านทดสอบมากมายเหลือเกิน แต่พรสวรรค์ที่อยู่ในตัวเขากลับเปล่งประกายและผลักดันให้เดินหน้าต่อไป
ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่น ๆ ได้ที่: รีวิวหนังฝรั่ง
เรื่องย่อ
‘Wonka’ เป็นเรื่องราวของ วิลลี่ วองก้า รับบทโดย ทิโมธี ชาลาเมต์ หนังจะพาเราไปรู้จักกับเขาตั้งแต่ต้นว่าเป็นใครมาจากไหนแล้วมาทำอะไรในเมืองนี้ ”วิลลี่ วองก้า” คือชายรูปร่างสมส่วนสุภาพบุรุษชายผู้ทะเยอทะยานในการขายช็อกโกแลต แต่การจะทำความฝันให้สำเร็จนั้นไม่ไช่เรื่องง่าย วิลลี่ วองก้า ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย และที่ยากสุดคือในเมืองแห่งนี้มีพ่อค้าช็อคโกแลตอยู่แล้วหลายเจ้า ได้แก่ อาเธอร์ สลักเวิร์ธ (รับบทโดย แพตเตอร์สัน โจเซฟ), พร็อดโนส (รับบทโดย แมตต์ ลูคัส) และ ฟิกเกิลกรูเบอร์ (รับบทโดย แมทธิว เบย์นัน) ต้องเจอการไล่จับตัวของ ผู้บัญชาการตำรวจ (คีแกน-ไมเคิล คีย์ – Keegan-Michael Key) แถมระหว่างทางก็ยังมี ลอฟตี / อูมปา-ลูมปา (ฮิว แกรนต์ – Hugh Grant) มาตามขโมยช็อกโกแลตอีก โชคดีที่เขาได้เจอกับ นูดเดิล (คาราห์ เลน – Calah Lane) เด็กหญิงตัวน้อยที่คอยช่วยเหลือ เพื่อทำให้ฝันของวองก้ากลายเป็นจริง
Wonka ต่างจาก Charlie and the Chocolate Factory อย่างไร?
ด้วยความที่เป็นหนังที่สร้างต่อจาก ‘Charlie and the Chocolate Factory’ หลาย ๆ คนจึงมักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Wonka ซึ่งต้องขอย้ำว่านี่ไม่ไช่หนังภาคต่อแต่อย่างใด Wonka ก็คือ Wonka ซึ่งเปรียบเสมือนการรีบูตมากกว่าเพราะพล็อตหนังก็เหมือนกับแบบฝาแฝดเลย จุดที่พัฒนาหลัก ๆ ก็มีเพียงแค่เรื่องเอฟเฟคงานภาพและการแสดงที่ทำออกมาได้ดูดีกว่าภาคต้นฉบับในปี 2015 เท่านั้นแหละ แต่ถ้าไม่เคยดูมาเลย มาดูภาคนี้ก็ยังไม่ถึงกับงง และแม้หนังเรื่องนี้ กับเวอร์ชันป๋าเดปป์ จะมาจากสตูดิโอ Warner Bros. เหมือนกัน แต่งานโปรดักชันดีไซน์ และ Easter Egg บางจุด กลับชวนให้นึกถึงเวอร์ชันของ จีน ไวล์เดอร์ มากกว่า
สิ่งที่ผมประทับใจใน Wonka ปี 2023 คือการแสดงที่น่าสนุกและมีเสนห์ของ “ทิโมธี ชาลาเมต์” นักแสดงหนุ่มรูปหล่อสุดเท่ที่ไม่ได้ดีแค่หน้าตา แต่ยังมาพร้อมมุกตลกฮา ๆ ในเรื่องที่ชวนให้ดูฮาได้ตลอดทั้งเรื่องไม่มีเบื่อ และยังมีนักแสดงอีกหลาย ๆ คนที่ทำได้ดีเพียงแต่เราไม่ได้กล่าวถึงเพราะเยาะมากก ไม่เพียงเท่านั้น Wonka ยังมีประเด็นเข้มๆ ให้เราได้ติดตามกัน อธิบายให้เห็นภาพและเข้าใจได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการผูกขาดทางการค้า จิกกัดกลุ่มนายทุน รวมไปถึงสะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำและการทุจริตคอร์รัปชันในสังคม
หนังผจญภัยแฟนตาซีดูเพลิน ๆ ไม่ต้องคิดเยอะ
ในครึ่งแรก ตัวหนังมีความเป็นหนังผจญภัย หนังแนว Underdog มีความเป็นวัยรุ่นพันล้านที่ต้องต่อสู้กับอุปสรรคเพียงเพื่อจะขายช็อกโกแลตให้ได้สักชิ้น ซึ่งอุปสรรคก็มีตั้งแต่โดนไล่ที่ โดนกลั่นแกล้ง ถึงขั้นหวังผลเอาชีวิตก็มี จนครึ่งหลัง ตัวหนังก็สอดแทรกความเป็นหนังจารกรรมเอาไว้แบบบาง ๆ ซึ่งถ้ามองด้วยสายตาแบบหนังผู้ใหญ่ มันก็อาจจะมีความเป็นสูตรสำเร็จที่เบาบาง และมีการคลายปมที่ใช้ความบังเอิญ ความขี้โกงตามสไตล์ วิลลี่ วองก้า ไปสักหน่อย แต่ถ้ามองผ่านเลนส์ของหนังเด็ก และแฟนตาซี หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้สนุกเพลิดเพลิน และน่าคล้อยตามจนไม่ต้องมานั่งงมหาตรรกะอะไรอีกแล้วล่ะ
ส่วนในด้านของการแสดง ก็ต้องบอกว่า ผู้กำกับ พอล คิง คิดถูกอย่างมาก ๆ ครับ ที่เลือก ทิโมธี ชาลาเมต์ มารับบท เพราะไม่ใช่แค่เพียงแสดงดี ร้องดีเท่านั้น แต่เรียกได้ว่าทิมมีคือวองก้า และแทบจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของหนัง อันนี้ก็ต้องชื่นชมครับว่า คาแรกเตอร์ของ วิลลี่ วองก้า เวอร์ชันนี้แทบจะไม่ผูกพันกับหนังเวอร์ชันไหนเลย แต่เป็น วิลลี่ วองก้า เวอร์ชันไอ้หนุ่มใสซื่อที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจได้ตลอดทั้งเรื่องจริง ๆ รวมถึงนักแสดงทุก ๆ คนที่ถือว่ารับบทกันได้เป็นอย่างดี อีกคนที่อยากพูดถึงก็คือ ฮิว แกรนต์ ที่แม้จะโผล่มาไม่เยอะ แต่กลับขโมยซีนได้ร้ายกาจมาก แถมความหน้าตายของพี่แกยังเข้ากับคาแรกเตอร์ อูมปา-ลูมปา ได้เข้ากันอย่างน่าประหลาดดีแท้
รีวิว Wonka วองก้า: มิวสิคัลสุดหรรษา กับโรงงานช็อกโกแลตสุดมหัศจรรย์
รีวิว Wonka วองก้า อีกประเด็นที่ส่วนตัวผู้เขียนชอบมาก ๆ เลยคือโรงงานช็อกโกแลตที่ได้สร้างความประทับใจให้เด็ก ๆ มาตั้งแต่สมัยอดีตจนปัจจุบัน มันคือโปรดเด็กหลายคน ๆ ที่วันนี้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ก็ยังคงชอบในรสชาติอันหอมหวานของมันอยู๋ แต่ยังคงตราตรึงกับเรื่องราวของวองก้าในโลกแฟนตาซีและจินตนาการ แต่สำหรับ Wonka 2023 ในเวอร์ชันที่แสดงโดย ทิโมธี ชาลาเมต์ ก็ไม่ได้มาเพื่อแทนที่ความทรงจำนั้น
ทว่าเขามาเพื่อวาดภาพเล่าเรื่องอีกด้านหนึ่งของวิลลี่ วองก้า เต็มไปด้วยความสดใสและมีชีวิตชีวา ผู้ชมจะได้รู้ที่มาที่ไปของ “ตั๋วทองคำ” ที่วองก้าส่งต่อให้ผู้คนมากมายในอีกหลายปีต่อมา รวมถึงได้เข้าใจความหมาย และเข้าถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนั้น เรื่องราวการสร้างโรงงานช็อกโกแลตของเขาจึงเปรียบเป็นจดหมายรักที่ส่งให้กับทุกคนผ่านช็อกโกแลต ซึ่งเป็นตัวแทนของความรัก ความหวัง ความฝัน และอิสรภาพ
บทสรุป Wonka วองก้า
แม้ว่าหลาย ๆ คนจะบอกว่านี่เป็นการรีบูตที่ไม่คุ้มค่าเลย พล็อตเรื่องเดิม ๆ เส้นเรื่องเดิม ๆ ที่คนดูรู้อยู่แล้วว่าจะจบลงอย่างไร แต่ทว่าผู้เขียนกับรู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับตลอดระยะเวลาที่รอมา 10 กว่าปีนะ แม้จะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ แต่การที่เราได้เห็นเหล่าตัวละครที่เรารักเมืองที่เรารักกลับมาโลดแล่นใหม่อีกครั้ง เท่านี้ก็เป็นอะไรที่คุ้มค่าสุด ๆ แล้วสำหรับผู้เขียน เพราะฉะนั้นผู้เขียนขอยืนยันว่าการดูภาพยนตร์ Wonka จนจบเป็น 2 ชั่วโมงที่ไม่สูญเปล่าเลย สุดท้ายนี้ผู้เขียนก็เชื่อว่ายังมีอีกหลาย ๆ คนที่ยังไม่เคยดู ‘Charlie and the Chocolate Factory’ อาจจะเพราะด้วยโทนสีหรือบรรยากาศในเรื่องที่ดูแล้วไม่ถูกจริต แต่อย่างน้อยก็อยากให้ลองเปิดใจกับ ‘Wonka’
ติดตามชีวประวัติของ “J. Robert Oppenheimer” ชายผู้สามารถเขย่าโลกทั้งใบ ได้ที่: รีวิว Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์
