รีวิว Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์ – หนังชีวประวัติของ “J. Robert Oppenheimer” ชายผู้สามารถเขย่าโลกทั้งใบ

ในปี 1945 ระเบิดปรมาณู ”ลิตเติลบอย” ถูกทิ้งลงที่เมืองฮิโรชิม่าประเทศญี่ปุ่น และนั่นคือการใช้นิวเคลียร์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โศกนาฏกรรมที่โลกไม่เคยลืม “Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์” เรื่องราวชีวประวัติของนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน J. Robert Oppenheimer หัวหน้าโครงการแมนฮัตตัน โครงการที่เป็นผู้ให้กำเนิด ‘ระเบิดนิวเคลียร์’ ผู้ที่ได้ชื่อว่า ‘บิดาแห่งระเบิดปรมาณู’ แต่อีกมุมหนึ่งเขาถูกขนานนามว่า ‘ผู้ทำลายล้างโลก’

ติดตามเรื่องราวชีวประวัติของ J. Robert Oppenheimer บิดาแห่งระเบิดปรมาณู ได้ที่: ดูหนังใหม่

  • ชื่อเรื่อง: Oppenheimer
  • ประเภท: ประวัติศาสตร์, ละคร ชีวประวัติ
  • ผู้กํากับ: คริสโตเฟอร์ โนแลน
  • ผู้ผลิต: เอ็มม่า โธมัส, ชาร์ลส์ โรเวน, คริสโตเฟอร์ โนแลน
  • ผู้เขียน: คริสโตเฟอร์โนแลน
  • วันที่วางจําหน่าย (โรงภาพยนตร์): 21 กรกฎาคม 2023
  • เวลาหนัง: 3h 0m
  • ผู้จัดจําหน่าย: Universal Pictures
  • บริษัท ผลิต: Gadget Films, ยูนิเวอร์แซลพิคเจอร์ส, ซินก๊อปปี้, แอตลาส เอ็นเตอร์เทนเม

รีวิว Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์ - หนังชีวประวัติของ "J. Robert Oppenheimer" ชายผู้สามารถเขย่าโลกทั้งใบ

รีวิว Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์ หนังชีวประวัติของ “J. Robert Oppenheimer” ชายผู้สามารถเขย่าโลกทั้งใบ

รีวิว Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์ อย่างที่เรารู้กันดีว่าใน Oppenheimer จะได้เจ้าพ่อนักแสดงอย่าง ‘คิลเลี่ยน เมอร์ฟี่’ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘Thomas Shelby’ จากซีรีส์ชื่อดัง ‘Peaky Blinder’ ซึ่งผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน ก็เคยออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยว่าเขาความหลงใหลในดวงตาสีแสนสวยของคิลเลี่ยนมาก ๆ ในฉากหนึ่งของ ‘Batman The Dark Knight’ ที่คิลเลี่ยนปรากฏตัวในหนังโนแลนแกก็พยายามหาวิธีให้พี่คิลเลี่ยนแกใส่แว่นที่โปร่งใสที่สุดเพื่อที่เขาจะได้มองเห็นตาสวยๆ ของเฮียคิลเลี่ยน ซึ่งเหตุผลจริง ๆ ที่เขาเลือกคิลเลี่ยน เมอร์ฟี่มาแสดง ก็ยังไม่มีใครรู้ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอนคือคริสโตเฟอร์ โนแลน ไม่เคยทำให้แฟน ๆ ผิดหวังด้วยความชัดเจนในการเป็นนักเล่าเรื่องชั้นยอดที่ผสมผสานปมเรื่องสุดซับซ้อนและลึกล้ำเข้ากับงานเทคนิคและความรุ่มรวยในการใช้ภาษาภาพยนตร์ (Film Language) ในการถ่ายทอดเรื่องราวที่หลายคนดูหนักหน่วงให้ชวนติดตามและกระตุ้นสมองให้ทำงานตลอดเวลากับ ‘Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์’ ภาพยนตร์ขนาดยาวลำดับที่ 12 ก็ยังคงความซับซ้อนและเทคนิคด้านภาพและเสียงไว้อย่างครบถ้วนแถมจะหนักข้อยิ่งขึ้น เพราะเดิมทีหนังของเขามักแตะทฤษฎีที่น่าสนใจเพียงแค่แขนงเดียว แต่กับหนังเรื่องนี้เราอาจขนานนามว่าเป็น “สุดยอดภาพยนตร์” สำหรับหนังเสด็จพ่อโนแลนก็ไม่ผิดนัก

รีวิว Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์ - หนังชีวประวัติของ "J. Robert Oppenheimer" ชายผู้สามารถเขย่าโลกทั้งใบ

ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่น ๆ ได้ที่: รีวิวหนังฝรั่ง

เรื่องย่อ

‘Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์’ เป็นหนังชีวประวัติของบุคลากรคนสำคัญของโลกกับ ‘J. Robert Oppenheimer’ เรื่องราวจะพาเราไปรู้จักกับชายที่ถูกขนานนามว่า ‘บิดาแห่งระเบิดปรมาณู’ J. Robert คืออัจฉริยะตั้งแต่เด็ก เขาเติบโตนำหน้าเพื่อน ๆ ร่วมชั้นมาตลอด จนกระทั่งในช่วงมหาลัยเขาถูกขนานนามว่าอัจฉริยะ ก่อนที่ในเวลาต่อมาเขาจะกลายมาเป็นนักวิทยาศาสตร์หัวกะทิที่มีผู้ตนต่างให้การยอมรับ จนกระทั่งชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วประเทศสหรัฐฯ ทางรัฐบาลจึงทาบทามเขาให้เข้ามารับหน้าที่ดูแลโครงการลับสุดอดที่มีชื่อว่า ‘แมนฮัตตัน’ เพื่อพัฒนาอาวุธสุดร้ายแรงเพื่อหวังที่จะยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กินเวลามากว่าหลายปี 2 ไปจนถึงชีวิตส่วนตัวของเขาที่มักจะมีสายสัมพันธ์กับหญิงสาวหลายคน และการต่อสู้ในชั้นศาลเมื่อเขาถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับฝ่ายคอมมิวนิสต์และกลายเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคง

รีวิว Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์ - หนังชีวประวัติของ "J. Robert Oppenheimer" ชายผู้สามารถเขย่าโลกทั้งใบ

ชีวประวัติของ J. Robert Oppenheimer ชายผู้ที่ถูกขนานนามว่า “ผู้ทำลายโลก”

ชายคนหนึ่งนามว่า ‘J. Robert Oppenheimer’ หรือที่หลาย ๆ คนต่างเรียกเขาว่า ‘บิดาแห่งระเบิดปรมาณู’ เขาคือนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ นักฟิสิกส์ชาวอเมริกันที่เป็นผู้บุกเบิกโครงการแมนฮัตตันที่นำไปสู่การสร้างระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก ตั้งแต่ต้นยันจบ เราต่างรู้ดีว่านิวเคลียร์นั้นน่ากลัวแค่ไหน ซึ่งในสมัยนั้นก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย บ้างก็ว่านิวเคลียร์ไม่ควรมีอยู่บนโลกใบนี้ บ้างก็ว่าโครงการวิจัยและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกาคือสิ่งที่จำเป็นในหยุดสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างไรก็ดี Oppenheimer ได้รับทบาทให้เป็นผู้นำโครงการแมนฮัตตันในช่วงปี 1942-1945 และเขาเป็นผู้รับผิดชอบในการกำกับดูแลการก่อสร้างและทดสอบระเบิดปรมาณูสองลูกที่ทิ้งลงที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิของญี่ปุ่นในปี 1945 หลังจากเกิดเหตุการณ์ทิ้งระเบิดในครั้งนั้น ทำให้ Oppenheimer รู้สึกผิดกับผลที่ตามมาของระเบิดปรมาณู และเขาได้กลายเป็นผู้ต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์ในภายหลัง เรื่องราวที่ทั้งโลกไม่เคยลืมนี้ถูกนำมาถ่ายทอดให้เราได้เรียนรู้และแง่มุมในการก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์

รีวิว Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์ - หนังชีวประวัติของ "J. Robert Oppenheimer" ชายผู้สามารถเขย่าโลกทั้งใบ

ประเด็นต่าง ๆ ที่ Oppenheimer ต้องเผชิญ

ยอมรับเลยว่าเหตุผลแรกที่ตั้งใจจะไปดู Oppenheimer คือหวังว่ามันจะมีฉากระเบิดตู้มต้ามแบบโกโก้ครั้น แต่พอหลังจากได้ไปรับชมจริง ๆ หนังค่อนข้างแตกต่างจากภาพในหัวพอสมควร แต่แม้จะไม่เหมือนที่คิดไว้แต่ก็ไม่ได้แย่เลย เพราะหนังยังมีความดีงามของหนังที่ผู้กำกับโนแลนพยายามนำเสนอ ซึ่งมันมากกว่าการระเบิดเอามันแก่นแท้ของหนังแท้จริงแล้วมีอะไรมากกว่านั้น หนังพาให้เราไปรู้จักกับชายผู้สร้างนิวเคลียลูกแรก หนังพาเราไปรู้จักกับประวัติศาสตร์ในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นเรื่องราวที่หลาย ๆ คนในยุคสมัยนี้อาจจะยังไม่เคยรู้เลยก็ได้ จึงสามารถบอกได้เต็มปากเต็มคำว่า ‘Oppenheimer’ เป็นหนังที่ให้อะไรมากกว่าที่คิดจริง ๆ มันทำให้เห็นภาพของสงครามที่ชัดเจนขึ้น แน่นอนว่าสงครามล้วนไม่ดีกับทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ การใช้สีขาวดำหลังจากอเมริกาชนะจึงเปรียบเสมือนความเทาที่ยากจะบอกว่าใครถูกหรือผิด 100% เพราะแท้จริงแล้วทุกสิ่งบนโลกล้วนเป็นสีเทา ประเด็นหนึ่งที่มีผู้ชมบางส่วนอาจกังวลเกี่ยวกับ Oppenheimer อยู่บ้างไม่มากก็น้อย เห็นจะเป็นกลวิธีนำเสนอที่อาจดู ‘เข้าถึงยาก’ เพราะ Oppenheimer ดูจะมีท่าทีที่ชวนให้เรานึกถึงผลงานก่อนหน้าของ Christopher Nolan อย่าง Memento (2000) กับกลวิธีนำเสนออันแยบยลด้วยการเล่าแบบหลังมาหน้า พร้อมสลับระหว่างภาพสีและขาว-ดำ หรือ Tenet (2020) ที่แม้ว่าภาพยนตร์จะมาในแนวแอ็กชันสายลับคู่หู แต่เนื้อหาภายในก็คอยประโคมทฤษฎีและศัพท์เทคนิคมากมายใส่ผู้ชมจนเกือบจะตามไม่ทัน

การดำเนินเรื่องของหนังอาจจะทำให้ผู้ชมบางกลุ่มมึนงงพอควร ส่วนตัวผู้เขียนไปดูมาสองรอบ บอกเลยว่าใช้เวลาพอสมควรในการคิดวิเคราะห์ตามหนัง แต่ถึงผู้เขียนจะพูดแบบนี้แต่การรับชมหนังเรื่องนี้ไม่ไช่อะไรที่ยากขนาดนั้น มันจะงงก็ไอตรงที่ผู้กำกับโนแลนแกนำเสนอเรื่องราวแบบไม่ตามลำดับเวลาเนี่ยแหละ โดยบอกเล่าผ่านสองเส้นเรื่องควบคู่กันไป ได้แก่ เส้นทางชีวิตของ J. Robert Oppenheimer ตั้งแต่ยังเป็นเพียงนักศึกษาอัจฉริยะไปจนถึงการเข้าร่วมโปรเจกต์แมนฮัตตัน ควบคู่ไปกับเหตุการณ์ไต่สวนคดีของ Oppenheimer ที่ถูก Lewis Strauss (Robert Downey Jr.) ประธานคณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณู หรือ AEC (Atomic Energy Commission) กล่าวหาว่าเขาเป็นสายลับให้กับฝ่ายตรงข้าม ขณะที่กำลังพัฒนาโปรเจกต์แมนฮัตตัน โดยเล่าสลับไปมาผ่านภาพสีและขาว-ดำ นี่ยังไม่นับรายละเอียดปลีกย่อยระหว่างทางที่เต็มไปด้วยบทสนทนาของตัวละครมากมายที่เยอะจนเราตามไม่ทัน ไล่มาตั้งแต่ชื่อของนักวิทยาศาสตร์หลายสิบชื่อที่มีความเกี่ยวข้องกับโปรเจกต์แมนฮัตตัน การประชุมของ Oppenheimer และเหล่านักวิทยาศาสตร์ระดับหัวกะทิในการหาวิธีสร้างระเบิดนิวเคลียร์ ไปจนถึงเกมการเมืองต่างๆ ที่ Oppenheimer ต้องเผชิญ ส่วนที่เหลือก็ไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงละ

รีวิว Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์ - หนังชีวประวัติของ "J. Robert Oppenheimer" ชายผู้สามารถเขย่าโลกทั้งใบ

รีวิว Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์ สุดยอดหนังชีวประวัติแห่งปี 2023 ที่มาเสิร์ฟความอลังการของปรมาณูล้างโลกให้เต็มสองตา

รีวิว Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์ อย่างที่เรากล่าวไปข้างต้นว่า Oppenheimer ค่อนข้างเฉพาะกลุ่มพอสมควร ด้วยเนื้อหาที่ดูแล้วเหมือนจะเข้าถึงยากส่วนใหญ่แล้วจึงไม่ตอบโจทย์คนหนุ่มสาวสักเท่าไหร่ แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว Oppenheimer ถือว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของตัวผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน เลยนะ ไม่ว่าจะการนำเสนอเรื่องชั้นเชิงการเล่าที่ปะติปะต่อกันราวกับจิ๊กซอว์ 10000 ชิ้น ที่ถูกต่อด้วยความประณีตจนออกมาเป็นผลงานศิลปะชั้นเยี่ยม อีกทั้งยังมีบทสนทนาเชิงปรัญชาที่ถูกบรรจงมาเป็นอย่างดี รวมไปถึงงานสร้างสุดยิ่งใหญ่ที่จะมามอบประสบการณ์ชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์สุดพิเศษให้แก่ผู้ชมได้สัมผัสอย่างเต็มเปี่ยม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงภาพยนตร์ IMAX) ไม่ว่าจะเป็นงานภาพสุดตื่นตาตื่นใจจากฝีมือของผู้กำกับภาพ Hoyte Van Hoytema ที่ฉายภาพความยิ่งใหญ่และอันตรายของระเบิดปรมาณูในฉาก Trinity Test ได้อย่างน่าสะพรึงกลัว บวกกับระบบเสียงของโรง IMAX ที่ช่วยเสริมให้เสียงระเบิดภายในเรื่องดังกึกก้องเสมือนว่าเราอยู่ในเหตุการณ์พร้อมกับตัวละคร จนทำให้เราเผลอยกมือขึ้นมาปิดหูเพราะกลัวเสียงระเบิดในเรื่อง (เราทำแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด) ไปจนถึงดนตรีประกอบจากปลายปากกาของ Ludwig Göransson ที่ไม่ได้ทำหน้าที่บีบคั้นอารมณ์ของผู้ชมเท่านั้น แต่ยังช่วยขยายความให้เราได้สัมผัสกับความสับสนและกดดันที่ตัวละครกำลังเผชิญได้ชัดเจนมากขึ้น จนอาจกล่าวได้ว่า Christopher Nolan และทีมสร้างไม่ได้ประณีตกับทุกรายละเอียดเพื่อสร้างงานศิลปะชั้นเยี่ยมขึ้นมาชิ้นหนึ่งเท่านั้น แต่ผลงานของพวกเขายังช่วยขับเน้นให้ระบบของโรงภาพยนตร์ ทั้งภาพ เสียง บรรยากาศ ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มประสิทธิภาพไปพร้อมกันด้วย

บทสรุปหลังรับชม Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์

ในภาพรวมแล้วคุณอาจจะมองว่า ”Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์” เป็นหนังที่ค่อนข้างเข้าถึงได้ยาก แต่อันที่จริงหนังถูกนำเสนอได้เพอร์เฟคไม่ว่าจะเป็นการดำเนินเรื่องที่ตัดสลับไปสลับมาทำให้เราได้รู้เหตุการณ์ทั้งหมดในเวลาเดียวกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง รวมไปถึงฉากเอฟเฟคต่าง ๆ และการแสดงที่ถูกนำเสนอในเรื่องก็ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องให้เครดิตผู้กำกับ Christopher Nolan และนักแสดงนำ Cillian Murphy ที่สร้างสรรค์ผลงาน Masterpiece ออกมาให้พวกได้รับชมกันอย่างนี้ สุดท้ายนี้เราอยากจะบอกว่า Oppenheimer คือประสบการณ์ชมภาพยนตร์ในโรงที่เราจะไม่มีวันลืม และสำหรับใครที่ยังกังวลว่า Oppenheimer ดูเข้าถึงยากไปไหม ดู เราว่าการได้ลองไปสัมผัสกับประสบการณ์ชมภาพยนตร์ที่ Christopher Nolan และทีมสร้างตั้งใจจะมอบให้แก่ผู้ชม มันก็คุ้มค่ามากแล้วจริงๆ

ติดตามหนังบาร์บี้เวอร์ชั่น Live Action ได้ที่: รีวิวหนัง Barbie ย้อนวันวานความทรงจำในวัยเด็ก กับบาร์บี้ฉบับไลฟ์แอคชั่น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *