รีวิวหนัง Lift ปล้นเหนือเมฆ เตรียมขำกรามค้างไปพร้อม ๆ กัน เมื่อเหล่านักแสดงสุดฮามาร่วมทีมกันปล้นความมันส์จึงบังเกิด
รีวิวหนัง Lift ปล้นเหนือเมฆ เชื่อว่าหลายคนในที่นี้น่าจะรู้จัก เควิน ฮาร์ท (Kevin Hart) มาจากแฟรนไชส์ภาพยนตร์ Jumanji ในฐานะตัวโจ๊กตัวฮาประจำเรื่อง ซึ่งหลังจากนั้นเราจะได้เห็นเฮีย เควิน ฮาร์ท แสดงภาพยนตร์แนวคอมเมดี้เป็นส่วนใหญ่ราวกับว่าบทตัวฮาตัวตลกเนี่ยมันเกิดมาเพื่อเฮียแก จนในปี 2024 เขาก็กลับมาอีกครั้งในภาพยนตร์ lift (2024) ปล้นเหนือเมฆ แต่ทว่าในการมาครั้งนี้ เควิน ฮาร์ท มารับบทเป็นหัวหน้าทีมปล้นระดับประเทศ อีกทั้งยังมาในลุคมาดขรึม IQ สูงปรี๊ด การฉีกบทบาทของตัวเองแบบนี้เป็นอะไรที่แฟน ๆ ไม่เคยเห็นและไม่คาดคิดมาโดยตลอด แต่ไม่ว่าเฮียเควินจะเป็นอะไรผมเชื่อว่าแฟนคลับก็จะคอยติดตามแกไปตลอดทุกเรื่องนั้นแหละ
- ชื่อเรื่อง: Lift / ปล้นเหนือเมฆ
- แนว: แอ็คชัน, ตลกคอมเมดี้, อาชญากรรม
- ผู้ผลิต: Audrey Chon, Kevin Hart, Adam Kassan, Simon Kinberg, Matt Reeves, Bryan Smiley
- ผู้เขียน: Jeremy Doner, Daniel Kunka
- ผู้กํากับ: F. Gary Gray / เอฟ แกรี่ เกรย์
- สตรีมมิ่ง: Netflix
- เวลาหนัง: 1h 44m
- มิกซ์เสียง: Dolby Digital
- โปรดักชั่น: 6th & Idaho Productions, HartBeat Productions, Genre Pictures
- คะแนน: PG-13 (ภาษารุนแรง|ความรุนแรงและการกระทํา|เนื้อหาที่มีการชี้นํา)
ติดตามเรื่องราวการปล้นสุดมันส์กับเหล่านักแสดงสุดฮาได้ที่: ดูหนังใหม่
รีวิวหนัง Lift ปล้นเหนือเมฆ เตรียมขำกรามค้างไปพร้อม ๆ กัน เมื่อเหล่านักแสดงสุดฮามาร่วมทีมกันปล้นความมันส์จึงบังเกิด
‘‘Lift ปล้นเหนือเมฆ’’ เป็นอีกเรื่องที่พิสูจน์ว่าศักยภาพของ Netflix ไม่ได้ดรอปเลย เราจะเห็นได้จากที่ผ่าน ๆ มา ส่วนใหญ่แล้วหนังแอ็คชั่นมันจะทำออกมาได้ดีจนติดอันดับเสมอ อีกหนึ่งประเด็นที่ทำให้คนสนใจ ‘Lift’ เป็นพิเศษ คือการมาของนักแสดงตลก Kevin Hart ที่ในครั้งนี้ไม่ได้มาพร้อมบทฮาอีกต่อไปแล้ว อันนี้ไม่รู้ว่าเกี่ยวหรือเปล่าผู้กำกับอาจจะอยากเอา เควิน ฮาร์ต (Kevin Hart) มาทำทรงเท่เป็นกุนซือทีมปล้นในแผนฉกทองจากมาเฟียตลาดหุ้น เรียกว่าฉีกบทเด่นของเควินแบบไม่เหลือเค้าโครงเลย 555+ ส่วนผลงานที่โดดเด่นของ F. Gary Gray ก็มี ‘The Italian Job’ และ ‘Fast 8’ ซึ่งผลงานเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นเครื่องการันตีแล้วว่าผู้กำกับคนนี้ของจริงแค่ไหน
เรื่องย่อ
เรื่องราวของทีมนักปล้นมหากาพย์ที่นำโดย Cyrus Whitaker (รับบทโดย Kevin Hart) หัวหน้าทีมปล้นที่ถูกตำรวจติดต่อมาเพื่อให้ทำภารกิจใหญ่ครั้งนี้ แลกกับการที่เขาและลูกทีมของเขาทุก ๆ คนจะถูกลบประวืตอาชญากรรมทั้งหมด ข้องเสนอแบบนี้ใครล่ะจะปล่อยให้หลุดมือเขาจึงรับงานนี้ทันทีอย่างไม่ลังเล โดยภารกิจในครั้งนี้จะเป็นการปล้นทองมูลค่าสูงถึง 500 ล้านดอลลาร์ แต่การปล้นครั้งนี้ไม่ไช่หมู ๆ อย่างที่พวกเขาเคยทำมาเพราะสถานที่โจรกรรมมันอยู่บนเครื่องบินโดยสารที่มีความสูงจากพื้นโลกถึง 40,000 ฟุต ทองที่พวกเขาจะต้องไปปล้นนั้น เป็นของ Lars Jorgensen (รับบทโดย Jean Reno) เจ้าพ่อสุดโหดที่จะนำทองคำนี้ไปซื้อเทคโลยีอันตรายมาใช้เพื่อก่อเหตุร้าย ซึ่งพวกเขารู้ดีถึงความยากในภารกิจครั้งนี้ แต่เพื่อชีวิตใหม่ของเขาและลูกทีมทุกคน นี่จึงเป็นโอกาสใหญ่ที่ไม่ควรพลาด ซึ่งท้ายที่สุดแล้วภารกิจโจรสู้โจรในครั้งนี้จะจบลงอย่างไร พวกเขาจะสามารถขโมยทองมาได้สำเร็จหรือไม่ อย่าไปฟังใครถ้าคุณยังไม่ได้ ดูหนังออนไลน์ ปล้นเหนือเมฆ ด้วยตาของตัวเอง Lift (ปล้นเหนือเมฆ) สามารถรับชมได้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflix
ติดตามหนังมาใหม่น่าดูได้ที่: รีวิวหนังใหม่
Kevin Hart ในบทบาทหัวหน้าทีมปล้นมาดขรึมหัวไวแต่…
หลังจากที่ตั้งตารอคอยกันมาอย่างยาวนาน ‘Lift ปล้นเหนือเมฆ’ ก็ถูกนำมาสตรีมลงบน Netflix ให้ได้ดูพร้อม ๆ กันแล้ว นอกจากพล็อตเรื่องเวอร์ ๆ แล้วยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนอยากเห็นในหนังเรื่องนี้ คือการมาของ Kevin Hart หลังจากเรื่องสุดท้ายที่ได้เห็นเขาใน The Man From Toronto (2022) แถมในรอบนี้ไม่ได้มาแบบติ๊งต๊องแต่มาในรูปแบบใหม่สุดคูลสุดเท่ที่ลบภาพจำของตัวเองไปเลย ซึ่งบอกตามตรงว่ากระแสหนังจะดูไปในแง่บวกและพลังอวยจากหลาย ๆ สำนักเยอะมาก แต่บอกตามตรงนะว่าค่อนข้างผิดหวังกับหนังพอสมควร ผู้เขียนแอบรู้สึกว่า ‘นี่มันไม่คุ้มค่าการรอคอยเอาเสียเลย’ เพราะหนังมันมาในสูตรสำเร็จที่แสนธรรมดามาก ๆ มากแบบที่สุดเลย เนื้อเรื่องที่เราสามารถเดาได้แบบฉากต่อฉาก ใครจะทำอะไร จะทำแบบไหน เรื่องจะจบอย่างไร ผู้เขียนสามารถเดาได้ถูก 90% เลย แต่ถึงมันอาจจะไม่ได้ดีมากหรือมีอะไรให้น่าจดจำ แต่ตัวหนังมันก็ยังดูสนุกเพลินๆ แก้เบื่อได้ ตัวบทเขียนมาแบบสูตรสำเร็จ เริ่มด้วยการแนะนำให้เรารู้จักทีมพระเอกว่ามีใครบ้าง แต่ละคนมีความสามารถอะไร จากนั้นหนังก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เราได้เห็นตำรวจมาเสนอภารกิจให้พระเอก และก็ตามสูตรพระเอกรับทำ จากนั้นก็ช่วงกลางเรื่องก็จะเป็นการเตรียมแผนก่อนปล้นว่าจะต้องมีอุปกรณ์อะไร และต้องทำอะไรบ้าง ปิดด้วยองก์สุดท้ายคือการทำภารกิจปล้น และปิดท้ายด้วยการหักมุมเล็กๆ ตามแบบฉบับหนังปล้น คือทุกอย่างมันสูตรสำเร็จมาก
นี่แหละคือการแสดงแบบ ‘ธรรมชาติ’ ที่แท้จริง
แม้ว่าหนังจะมีพล็อตเรื่องที่เส้นตรงแบบจ๋า ๆ เลย แต่การที่จะตัดสินใจว่าหนังเรื่องไหนดีเรื่องไหนห่วยไม่ได้วัดเพียงแค่จุดใดจุดหนึ่ง เพราะหนังจะมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ทำให้มันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ส่วนที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดของเรื่อง และขอยกให้เป็น The Best ของ ‘Lift ปล้นเหนือเมฆ’ นั่นคือเหล่านักแสดงในเรื่องทุกคนแสดงออกมาได้ดีเนียนกริบ และขอชื่นชมเหล่าทีมงานที่ออกแบบตัวละครคาแรคเตอร์ต่าง ๆ ให้แต่ละตัวละครในเรื่องมีเสนห์ขนาดนี้ แม้ว่าหนังจะมีพล็อตเรื่องที่ชวนเบื่อ แต่สิ่งที่มาคอยอุรอยรั่วเล่านี้ได้ก็คือเหล่านักแสดงในเรื่องนั่นเอง
แล้วยิ่งงานภาพเนี่ยต้องขอบอกว่าค่อนข้างเฉย ๆ แต่ไม่ได้ถึงขั้นส่ายหัวนะคือกราฟิกอยู่ในเกณฑ์มาตราฐานแล้วศ ซึ่งก็เป็นเรื่องดีเพียงแต่ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว้าวอะไรมากมา ส่วนที่ชอบเป็นพิเศษน่าจะเป็น CG ที่ทำให้ฉากหลังมันดูอลังการเราจะได้เห็นหลายซีน เอาเป็นว่าไปลองดูกันเองเถอะครับ มันอาจไม่ใช่หนังปล้นที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในหนังปล้นที่ดูแก้เบื่อได้สนุกเพลินๆ ยิ่งถ้าคุณเป็นคนชอบหนังปล้นโจรกรรมอะไรแบบนี้อยู่แล้วนะ ผมว่าคุณก็คงจะชอบหนังเรื่องนี้ได้โดยไม่ยากเย็น
รีวิวหนัง Lift ปล้นเหนือเมฆ เตรียมขำกรามค้างไปพร้อม ๆ กัน เมื่อเหล่านักแสดงสุดฮามาร่วมทีมกันปล้นความมันส์จึงบังเกิด
สิ่งที่ขัดใจผู้เขียนสุด ๆ เลย คือการที่หนังกระจายบทได้ไม่ได้พอ อย่างที่มีคนเคยกล่าวไว้ ต่อให้ lift ปล้นเหนือเมฆ นักแสดง จะเล่นดีแค่ไหน ถ้าบทมันไม่ไหวก็คือจบ สิ่งนี้นับเป็นจุดสำคัญที่ผู้สร้างภาพยนตร์หลาย ๆ คนมักมองข้าม แล้วไปเน้นที่ตัวนักแสดงกับโปรดักชั่นอื่น ๆ เป็นหลัก จนมันออกมากลายเป็นหนังปล้นทั่ว ๆ ไปที่ดูไม่มีอะไรเป็นที่น่าจดจำเลย ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าหนังไม่ได้เน้นความสมจริงหรือองค์ประกอบต่าง ๆ ของหนังเท่าไหร่ แต่บางอย่างมันก็ทำออกมาแย่จนน่าเกลียดเหมือนหยิบยืมมาจากหนังโจรกรรมในช่วง 2 ทศวรรษ นำมายำและปรุงรสออกมาเป็นเมนู่ชามใหม่ โดยที่แทบจะหาเสน่ห์ในตัวเองไม่เจอ บทหนังค่อนข้างอ่อนปวกเปียกตามสไตล์หนังสตรีมมิงที่โยนทุนให้มาสร้างแบบงั้น ๆ ไม่ได้เน้นเนื้อหา แต่ไปเน้นงานสร้างซีจีที่ไม่สวยในฝั่งนั้นมากกว่า ซึ่งหากไม่มีข้อบกพร่องเหล่านี้ ไม่แน่นะ ‘Lift ปล้นเหนือเมฆ’ อาจจะเป็นหนังปล้นที่ดีที่สุดก็ได้นะ
บทสรุป
สรุปแล้ว ‘Lift ปล้นเหนือเมฆ’ ก็เป็นหนังที่สามารถดูได้ทุกเพศทุกวัย แม้ว่าผู้เขียนจะมีข้อติดหลายอย่างสำหรับหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะบทหนัง พล็อตเรื่องที่เรียบง่ายจนเกินไป รวมไปถึงองค์ประกอบต่าง ๆ แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่านี่เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นของผู้เขียนเพียงคนเดียว ซึ่งหนังอาจจะไปถูกจริตคุณก็ได้ อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงเป็นหนังที่สามารถดูได้แบบเพลิน ๆ ชิว ๆ ยิ่งถ้าหากคุณเป็นคนไม่ได้คิดอะไรมากก็ถือว่าเป็นหนังที่สนุกใช้ได้อีกเรื่องเลย
ติดตามหนังมิวสิคัลสุดหรรษากับโรงงานช็อกโกแลตสุดมหัศจรรย์ได้ที่นี่: รีวิว Wonka วองก้า