รีวิว Transformers Rise of the Beasts กำเนิดจักรกลอสูร (2023) มหากาพย์ยักษ์ใหญ่ของโลกภาพยนตร์

หากพูดถึงมหากาพย์หนังที่อยู่กับเรามาอย่างยาวนานที่สุด นับตั้งแต่ปี 2007 ที่ Transformers ภาคแรกได้ถูกฉายลงจอภาพยนตร์ให้คนทั่วทั้งโลกได้รับชมกัน และมีภาคต่อออกมาเรื่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้ เป็นหนังหุ่นเหล็กอีกเรื่องที่จะถูกจารึกว่าเป็นหนังอมตะตลอดกาล

บางคนบอกว่า Transformers ควรจะจบตั้งแต่ ภาค 3 แล้ว เพราะมันเริ่มออกทะเลแล้ว ส่วนตัวแล้วเรามองว่าจักรวาลของจักรกลอสูรยังไปได้อีกไกล แต่ท้ายแล้วก็ไปตันอยู่ที่ ภาค 5 นั่นแหละครับ ฮ่าๆ อย่างไรก็ดีผู้กำกับ สตีเวน คาเพิล จูเนียร์ ก็ได้พลิกหน้าประวัติศาสตร์ และเริ่มร่างจักรวาลจักรกลอสูรใหม่อีกครั้ง เรื่องราวการเดินทางครั้งใหม่ของเหล่าหุ่นยนต์จะเป็นอย่างไร ไปติดตามรับชมหนังกันได้ทาง ดูหนังออนไลน์

รีวิวหนังฝรั่ง ในวันนี้ พวกเราจะมาเอ๋ยถึงหนังจักรกล อสูร Transformers: Rise of the Beasts เป็นหนังฉบับรีบูต และก็เป็นภาคต่อจาก หนังภาคก่อน อย่าง Bumblebee เมื่อปี 2018 ที่ยังคงมีเบื้องหลังเกิดเรื่องราว ใน ตอนสมัยปี 1990s อยู่ จำต้องบอกเลยว่าตัวผมเองนั้น ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของแฟรนไชส์ Transformers

เรียกได้ว่าเคยดูมาบ้าง ในตอนเด็ก ที่ยังไม่ประสีประสา เพียงพอมองเห็น ภาคนี้เป็นภาคแยกที่ เรื่องราว มิได้ต่อจากภาคเก่าๆ ผมก็เลยตกลงใจเข้าไปดู เป็นการไปดูแบบมิได้มุ่งหวัง อะไรเลย

โดยรวม สําหรับภาค ปัจจุบันก็ยังคงถูกอกถูกใจคอแอคชั่น แน่ๆ เพราะเหตุว่าฉากต่อสู้ยังคงจัดเต็ม มีฉากหรูๆสนุกๆมากมายก่ายกอง ตามสไตล์

ถึงแม้ขั้นแรกของหนังอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีความเนื้อยอยู่บ้าง แต่ว่าก็มิได้ทําลาย ความสนุกสนาน ของ Transformers full movie ไปซักเท่าไหร่ไม่ว่าจะเรียกว่าเป็น ภาคต่อของ ‘Bumblebee’ หรือจะดูมันว่าเป็น Soft Reboot

ด้วยการถือเอาส่วน ประกอบเดิม มาเล่า ผ่าน นักแสดง ใหม่ราวกับตอนยุค ภาค 4 แล้วก็ภาค 5 จะเห็น ว่ามันเป็น Hard Reboot ที่ตั้งจิตใจจะวางทางเพื่อหลีก ห่างจากจักรวาล พ่อเบย์ ด้วย การวางเส้นเรื่อง ทั้งหมดทั้งปวงเป็นของตนเอง ตามที

เรื่องราวในภาค บัมเบิ้ลบี เซ็ตเล่าเรื่องราว ในปี 1987 มาตอนนี้ เกิดจักรกลอสูร เลือกจะเล่าเรื่องในปี 1994 เหมือนปกติ ที่มนุษย์ทั้งหลายแหล่ ไม่เคยล่วงรู้เลยว่า เชื้อ สายเอเลี่ยนอย่าง ออโต้บอทนั้นกบดานอยู่อาศัยบนโลกนี้มาอย่างชํานานนับได้ หลายศตวรรษ

แต่ว่าดูอย่างกับว่า ภัยรุกราม ที่พวกเขา แอบหนีมานานนั้นจะตามหาพวกเขาพบจนได้ ซึ่งมันจะนํามาซึ่งการทําให้มนุษยชาติจําเป็นต้องลําบาก หนักแน่นอน บางอย่าง ที่เคยถูกเก็บ หลบซ่อน กําลังถูกเผย รวมทั้ง โน่น น่าพาให้ คนร้าย ตัวใหม่มา เยี่ยม แล้วก็รุกราม โลก “ยูนิครอน” ผู้เดินทางไปทั่ว ทั้งยังจักรวาล เพื่อกลืนรับประทานดาว

อีกทั้ง โนอาห์ ดิอาซ เด็กวัยหนุ่ม บรูคลินที่บ้านฐานะไม่ค่อยดี มีน้องชายที่ เจ็บป่วย รวมทั้ง ครอบครัว จําเป็นต้องติดหนี้ติดสิน ค่ารักษาพยาบาล ทําให้เขาจําเป็นต้อง ดิ้นรนหางาน ทําให้ได้

แต่ว่าชะตากรรม พาเขาไปพบกับหุ่นออโตบอท ชื่อ มิราจ เข้า โดยบังเอิญ เหมือนกับ เอเลน่า วอลเลซ หญิงสาวผิวสี ผู้มีความรู้ สถานที่สําหรับทํางาน อยู่ในพิพิธภัณฑสถาน แต่ว่าดันบังเอิญพบวัตถุโบราณ ชิ้น สําคัญ ทั้งปวง

ทําให้เหล่าเอ เลียน นักสู้แล้วก็เปลี่ยนร่าง จําเป็นต้องออกมา จ่าเป็นต้องออกมา กีดกั้น คนร้าย ตัว ใหญ่ อย่าง ยูนิครอน ผู้มากับเหล่าลูกน้องตัวใหม่ ที่นําโดย สเกิร์จ

หลังจากได้รับชม Transformers rise of the beasts trailer อีกจุด ที่นักเขียนรู้สึกว่า คนไม่ใช่น้อย ก็คงจะรู้สึก ไม่น้อยกับภาคนี้แน่นอนล่ะ ก็คือ บรรดา ฉาก แอ็ก ชันนะครับ ซึ่งเอาเข้าจริง ภาคนี้มันก็ยังคงมีความเป็น Bayhem หน่อยๆ ตาม อิทธิพล โปรดิวเซอร์ นั่นแหละ

แต่ว่า สิ่งที่ต่าง อย่างชัดเจนเป็น ภาค นี้เป็น หนัง สเกล กลาง ที่มิได้หวือหวา แบบระเบิดเขาเผา กระต๊อบ แล้ว โดยยิ่งไปกว่านั้น ฉากแอ็กชัน ตอน ไคลแม็กซ์ ที่จัดว่าทําเป็น สนุกสนาน รวมทั้ง ละลานตา

เพียงแต่ว่า บางทีอาจจะมิได้มีฉาก ยอดเยี่ยม หรือมีมุมกล้อง – ติดต่อ หวือหวาเท่าของ พ่อเบย์ ถ้า เกิด คนใด ถูกใจ ความยอดเยี่ยมแบบทะลุอาคาร ระเบิดรถยนต์ ก็บางทีอาจจะมีความ รู้สึกว่า มันจืดชืดไปหน่อย

แต่ว่าถ้าหาก คนไหนกัน พึงพอใจ กับ เรื่องราว ในแบบ ไม่ต้อง เน้นย้ําา แอ็กชัน หวือหวา มีกลิ่นความเป็นหนังซูเปอร์ฮีโรหน่อยๆเท่านี้ก็จัดว่า ละลานตา แล้วก็ ตื่นเต้นกว่าฉากแอ็กชันใน “Bumblebee’ มากมายๆแล้วล่ะ ถึงแม้ภาคนี้จะแอบ มองเห็น บางซีนที่ CGI ไม่ค่อยเสถียร ประเดี๋ยวดีเดี๋ยวหลุดบ้าง แต่ว่าก็นับว่าพอเพียง ที่จะยอมรับได้นะ

อีก จุด ก็คือ เรื่องเกี่ยวกับการกระจัดกระจาย บทครับผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เสียดาย อย่างแรง ก็คือ ไหนๆก็อุตส่าห์เอาเผ่าแม็กซิมัลมาโชว์ นับว่าเป็นจุดขายหลักของภาคนี้ด้วย

รวมทั้งเอาเข้าจริง นักสู้เผ่า แม็กซิมัล ทุกตัว ก็นับว่า โก้ และก็เก่งขั้นเทวดาเลย ล่ะ แถมพอเพียง รวมกลุ่มกับ ออโต บอตตอน ต่อสู้ด้านหลังๆเรื่อง ก็เปลี่ยนเป็นว่า พา ให้ แม็กซิมัลบางตัว มีหน้าที่ลดลง

กระทั่งเกือบจะแปลงเป็นบทสมทบ จืดชืดๆ ไปเลย นอกเหนือจากนั้น ก็คือ บรรดา Plot Hole หลุดๆที่เชิญขัดใจ และก็การตัดสินใจของผู้ แสดง บางตัว ที่ตกลงใจ ทํา บางสิ่ง กลางทาง ที่นักเขียนก็พอนึกเหตุผลออก

แม้กระนั้น ก็แอบไม่เมกเซนส์ถึงเหตุผลสักเท่าไหร่ แม้ว่าจะยังไม่ถึงกับขนาดเพอร์เฟกต์ ด้วย หลายๆ ส่วนประกอบที่ยังมีจุดบกพร่อง แต่ว่าก็น่าจะเป็นจังหวะอันดีที่จะทําให้ผู้คน จํานวนมาก ที่เคยเหนื่อยใจ ปลง เอือมสุดจะทน หมดเชื่อถือ

จนกระทั่ง หลงๆลืมๆ แฟรนไชส์นี้ไปแล้ว ดราม่า รวมทั้งพาร์ต ความเกี่ยวเนื่อง บางทีอาจไม่จับจิต เท่า Bumblebee’ ความออริจินัลมันหน้าใจ ความยอดเยี่ยมความ Beyhem

บางที อาจ ไม่วินาศสันตะโรเท่า ภาค 1 แม้กระนั้นก็สัมผัสได้ว่า ตัว แฟรนไชส์เอง มีความ พากเพียรที่จะหาสูตรใหม่ๆ ให้กับหนังแบบที่ห่วงใยผู้ชมเพิ่มมากขึ้น ไม่ บากบั่นฟาด ศีรษะเข้าบ้าน ราวกับ ที่เคยทํามา

ScreenRant ได้กล่าวว่า Transformers ภาพยนตร์ ภาคปัจจุบัน ในแฟรนไชส์ Transformers ได้รับคะแนนรีวิวจากผู้ชม บนเว็บ Rotten Tomatoes ในระดับสูงสุด ของ แฟรนไชส์

ถึงแม้คะแนนรีวิวจากนักวิพากษ์วิจารณ์ ต่างถิ่นจะยังคงอยู่ ในระดับ “มะเขือเน่า” (Rotten) ก็ตาม ในเวลาที่เขียนเนื้อหาของบทความอยู่นี้ Rise of the Beasts ได้คะแนนเทียบเท่ากับ Black Panther 2 ที่ได้คะแนนรีวิวจากผู้ชมไปถึง 88% คะแนนนี้มาจากการรีวิว ของผู้ชมกว่า 500 คน

ซึ่งสูงขึ้นมากยิ่งกว่า Transformer ภาคแรก เมื่อปี 2007 ที่เคยได้คะแนนไปมากถึง 85% จาก ผู้ชมที่รีวิว กว่า 250,000 คน ในอีกด้านหนึ่ง ยังคงได้รับคะแนนรีวิว จาก นักวิพากษ์วิจารณ์ ในระดับมะเขือเน่าเหมือนกันกับ อีก หลาย ภาค ในแฟรนไชส์ อยู่ที่ 53%

ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับ “Bumblebee’ ที่ได้ คะแนนรีวิว จาก นักวิพากษ์วิจารณ์ ในระดับค่อนข้างไม่ดี สวย รวมทั้ง สูงสุดของ แฟรนไชส์ นี้ถึง 91% แม้กระนั้น คะแนนรีวิวจากผู้ชมยังน้อยกว่า อยู่ที่ 74%

Transformers: Rise of the Beasts นับได้ว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 7 ของ แฟรนไชส์ Transformers ซึ่ง 5 ภาคแรก ดูแล โดย ไมเคิล เบย์ ก่อนที่จะมาซอฟต์รีบูตในภาค แยกอย่าง Bumblebee รวมทั้งต่อยอดมา กระทั่ง Rise of the Beasts

ถึงแม้หนัง Transformers แบบ Bayhem จะสร้างความ ละลานตา ใน ภาคแรก แล้วก็ ก่อเกิด แฟรนไชส์ ภาพยนตร์หลักพันล้าน ที่ทําให้ Paramount Pictures ในตอนนั้นอู้ฟู่ประเภท ที่ค่ายภาพยนตร์อื่นๆ ได้

แต่ว่า มองตาปริบๆ ใน ตอนสุดท้ายของ เรื่อง ยังมีซีน ด้านหลัง เครดิต อีกหนึ่งตัว ที่เชื้อเชิญให้ตะโกน อีกทั้ง ในด้าน ความน่าดึงดูดใจ แล้วก็ชักชวนให้ ถามว่ายัง ยังไงดีล่ะ?

แม้กระนั้น ถึง ไม่มีฉากนั้น ภาพยนตร์หัวข้อนี้ก็ปฏิบัติภารกิจ ของมัน ก้าวหน้า ที่สุด กับ การมอบความสนุกสนานเพียวๆ กับความกระจ่าง สําหรับการเป็น หนัง เพื่อ แฟนคลับรวมทั้งเด็กๆ ที่จะสามารถย่อยมันได้ง่าย มีความโชเน็น แล้วก็ ธรรม มะชนะอธรรม

แต่ว่า นักแสดง ก็มิได้แบนราบเสียเชิงเดียว ทุกตัวมี ความ ไดนามิค เคลื่อน ไม่ว่าจะฝั่งมนุษย์ หรือจักรกล ถ้าเกิด ตอนนี้ ดูหนังที่จําต้องแปลความ หรือ เรื่อง ราว เอาจริงเอาจังมาเยอะแยะแล้ว ต้องการ บรรเทากับอะไรที่กล้วยๆ ขอให้หนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในคำตอบนั้นนะครับ