รีวิว The Creator เดอะ ครีเอเตอร์: การสำรวจโลกของ AI และมนุษย์ผ่านเรื่องราวของโจซัว
“The Creator” หรือแปลไทยแบบตรงตัวก็ “ผู้สร้าง” หนังเรื่องนี้เป็นหนังแอ็คชั่นไซไฟฟอร์มยักษ์ที่ถ่ายทำในประเทศไทย มีนักแสดงนำคนดังเช่น จอห์น เดวิด วอชิงตัน, เคน วาตานาเบะ, และเจมม่า ชาน และเป็นผลงานของผู้กำกับ แกเร็ท เอ็ดเวิร์ดส์ ที่เคยกำกับ Rogue One และ Godzilla เป็นผลงานที่สร้างสรรค์อย่างลงตัว ที่สะท้อนถึงความสามารถในการสร้างสรรค์ที่ไม่ซ้ำใคร ทั้งนี้ ผลงานของ “The Creator” ไม่ได้เพียงแค่สร้างสรรค์ แต่ยังสามารถสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมอีกด้วย หนังมีความยาวประมาณ 2 ชั่วโมง (133 นาที) และได้รับคะแนน 7.4/10
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง: The Creator เดอะ ครีเอเตอร์
- ประเภท: ไซไฟวิทยาศาสตร์, การผจญภัย, ดราม่า
- ผู้กํากับ: Gareth Edwards
- ผู้สร้าง: Gareth Edwards, Kiri Hart, Jim Spencer, Arnon Milchan
- ผู้เขียน: Gareth Edwards, Chris Weitz
- เวลาหนัง: 2 ชั่งโมง 13 นาที
- ผู้จัดจําหน่าย: 20th Century Studios
- บริษัทที่ผลิต: 20th Century Studios, Entertainment One, New Regency Productions
ตัวอย่าง: The Creator เดอะ ครีเอเตอร์
ติดตามการสำรวจโลกของ AI และมนุษย์ผ่านเรื่องราวของโจซัวได้ที่: ดูหนังใหม่
รีวิว The Creator เดอะ ครีเอเตอร์ นำเสนอภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความซับซ้อน ผ่านฝีมือผู้กำกับ แกเร็ท เอ็ดเวิร์ดส์
“The Creator เดอะ ครีเอเตอร์” ถูกกำกับโดย แกเร็ท เอ็ดเวิร์ดส์ (Gareth Edwards) เขาเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงจากผลงานในภาพยนตร์เรื่อง “Rogue One” และ “Godzilla” ในครั้งนี้เขาได้เขียนบทจากเนื้อเรื่องที่พัฒนาขึ้นเอง เป็นภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความซับซ้อน ภาพยนตร์นี้เล่าถึงเรื่องราวในอนาคตที่ AI ได้ทำการระเบิดนิวเคลียร์และส่งผลให้เกิดสงครามระหว่างมนุษย์และ AI ภาพยนตร์นี้มีการสร้างสรรค์ที่น่าประทับใจในการสร้างโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความไม่แน่นอน
ตัวละครในภาพยนตร์นี้มีความลึกซึ้งและมีความสามารถในการสื่อสารความรู้สึกและความคิดของพวกเขาอย่างชัดเจน ทายเลอร์ ที่เป็นนายสิบในกองทัพสหรัฐฯ และมายา เฟย ที่เป็นภรรยาท้องลูกของเขา ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและน่าสนใจ The Creator ไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ แต่ยังเป็นการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยี และความสามารถของเราในการควบคุมและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ภาพยนตร์นี้ยังสะท้อนถึงความกลัวและความหวังที่มนุษย์มีต่อ AI และอนาคตที่เราอาจจะต้องเผชิญ
เรื่องย่อ The Creator เดอะ ครีเอเตอร์
เรื่องราวเริ่มต้นในปี 2065 ที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ทำการระเบิดนิวเคลียร์ที่ลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย ซึ่งส่งผลให้ประเทศทั่วโลกที่ตะวันตกเริ่มสงครามกับ AI เพื่อป้องกันการสูญพันธุ์ของมนุษย์ แต่ในทางกลับกัน ประเทศในเอเชียใหม่ (ประกอบด้วยประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน บังคลาเทศ ภูฏาน เนปาล และบางส่วนของอินเดีย) ยังคงยอมรับ AI
ทหารสหรัฐฯ พยายามสังหาร “นิรมิตา” ผู้สร้างสถาปัตยกรรม AI ที่ลึกลับ ทหารเรือสหรัฐฯ NOMAD ถูกพัฒนาขึ้นเป็นสถานีอวกาศที่สามารถโจมตีจากวงโคจร โจชัว ทายเลอร์ ซึ่งเป็นนายสิบในกองทัพสหรัฐฯ ทำหน้าที่เป็นสายลับกับภรรยาท้องลูกของเขา มายา เฟย ซึ่งทหารเชื่อว่าเป็นลูกสาวของนิรมิตา เมื่อทหารโจมตีบ้านของเขา ทำให้เปิดเผยว่า ทายเลอร์ เป็นสายลับที่พยายามใช้มายาเพื่อหานิรมิตา มายาหนีออกไปแต่ถูกโจมตีด้วย NOMAD ต่อมา
ห้าปีต่อมา ทายเลอร์ทำงานเป็นส่วนหนึ่งของทีมทำความสะอาดในลอสแอนเจลิส นิรมิตายังอยู่อย่างอิสระ และอเมริกันยังมุ่งมั่นที่จะหาและจับเขา ทหารสาวแอนดรูว์ส์ของกองทัพสหรัฐฯ ยังคงขอความช่วยเหลือจากทายเลอร์เกี่ยวกับการหานิรมิตาและห้องปฏิบัติการ AI ลับ เนื่องจากความรู้ของทายเลอร์จากการทำงานเป็นสายลับมีความสำคัญ
ติดตามหนังฝรั่งและซีรีส์ฝรั่งเรื่องอื่น ๆ ได้ที่: รีวิวหนังฝรั่ง
โลกในมุมมองที่แตกต่าง ความขัดแย้งทางความคิดเกี่ยวระหว่าง “มนุษย์” และ “AI”
สิ่งที่ทำให้ “The Creator เดอะ ครีเอเตอร์” โดดเด่นคือการนำเสนอโลกในอนาคตในปี 2070 ผ่านมุมมองที่แตกต่าง การใช้โลเคชั่นสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญในเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศไทยกว่า 40 สถานที่จาก 16 จังหวัด ใน 212 ฉาก ทำให้เราได้เห็นภาพของโลกอนาคตแบบ Cyberpunk ท่ามกลางทุ่งนาป่าเขา ชนบท สถานที่และบรรยากาศแบบไทย ๆ
หนังเรื่องนี้ยังสะท้อนให้เห็นความขัดแย้งทางความคิดเกี่ยวกับ AI และในทางการเมือง ฝั่งนิวเอเชียคือตัวแทนของความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่โอบรับ AI เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ในขณะที่อเมริกากลับมองเห็น AI เป็นเพียงเครื่องมือจักรกลที่วิวัฒน์ตัวเอง และพร้อมจะคุกคามมนุษยชาติได้ตลอดเวลา
รีวิว The Creator เดอะ ครีเอเตอร์ การถ่ายทำในประเทศไทยและการสร้างโลกของ ‘The Creator’ ในมุมมองของวัฒนธรรมและสังคม
สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดก็คือการถ่ายทำในประเทศไทยกว่า 80% เราจะได้เห็นว่าผู้กำกับเลือกที่จะสร้างโลกนั้นขึ้นมาด้วยการเก็บหรือทิ้งสิ่งใดบ้าง ฉากส่วนใหญ่ที่ปรากฏแสดงให้เห็นว่าเกิดขึ้นในพื้นที่ประเทศไทยและโลกฝั่งเอเชีย มีตัวละครหุ่นยนต์ที่บวชเป็นพระ เท่ากับยกระดับเอไอให้มีความเป็นปัจเจกเช่นเดียวกับมนุษย์ รวมไปถึงมี “ความผิดพลาด” เหมือนกับมนุษย์ทั่วไป ทำให้ฉากต่างๆมีความเป็นธรรมชาติแบบชนทบ้านๆ พร้อมกับการผสมผสานกับวัฒนธรรมของท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ยังมีคนไทยไปร่วมทำงานด้าน Production Service และเป็นนักแสดงประกอบด้วย
การเลือกใช้ฉากหลังของหนังเป็นสถานที่ในประเทศไทย ทำให้ได้เราเห็นหนังฮอลลีวูดที่มีการใช้ภาษาไทยในการพูดคุย โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ภาษาถิ่นเป็นหลัก เช่น ภาษาใต้และภาษาอีสาน รวมไปถึงวิถีเกษตรกรรมที่สะท้อนถึงการเป็นอาชีพผู้ผลิตอาหารของผู้คนแถบนี้ เส้นแบ่งระหว่างอาชีพไม่จำกัดอีกต่อไปเพราะหุ่นยนต์ก็ทำอาชีพเดียวกับมนุษย์ได้เช่นกัน แต่ขณะเดียวกันก็มีบางอาชีพที่หนังสร้างให้กับหุ่นยนต์เอไอรับหน้าที่นั้นไป เช่น ตำรวจของ Nomad ที่อาจสื่อว่าต้องทำงานตามคำสั่ง ไม่อาจกำหนดการตัดสินใจด้วยตัวเองได้
ความรู้สึกหลังรับชม The Creator เดอะ ครีเอเตอร์
หนังเรื่องนี้มีการแสดงที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะจากนักแสดงหลัก ทั้งสองคน ที่สามารถสื่อถึงอารมณ์ และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเอไอได้ดี นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้ยังมีฉากแอ็คชั่นที่น่าตื่นเต้น และมีความระเบิดระเบียน ที่ใช้เทคนิคการถ่ายทำ และเอฟเฟกต์พิเศษที่สมจริง อีกทั้งหนังเรื่องนี้ยังมีข้อคิด และประเด็นที่น่าสนใจ ที่สะท้อนถึงความเป็นมนุษย์ ความเชื่อ และความรับผิดชอบ ของมนุษย์และเอไอ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต หนังเรื่องนี้ไม่ได้แบ่งแยกว่าใครเป็นฝ่ายดี หรือฝ่ายร้าย แต่เป็นการสร้างความเข้าใจ และความเห็นอกเห็นใจ ระหว่างสองฝ่ายที่ต่างกัน
สรุปแล้ว The Creator เดอะ ครีเอเตอร์ เป็นหนังที่มีคุณภาพ และมีความเป็นเอกลักษณ์ ที่น่าภาคภูมิใจ ทั้งในเรื่องของเนื้อเรื่อง การแสดง การถ่ายทำ และการผลิต หนังเรื่องนี้เป็นหนังไซไฟที่ไม่ควรพลาด และเหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย และทุกคนที่รักการผจญภัยในโลกหลังสงคราม ส่วนตัวแล้วขอให้คะแนน 9/10 จากการรีวิว แม้ว่า “The Creator” จะมีภาพที่สวยงามและมีฉากที่น่าตื่นเต้น แต่ก็ยังขาดความลึกซึ้งในเรื่องราวและการสร้างตัวละคร1 แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หนังเรื่องนี้ยังคงเป็นผลงานที่น่าสนใจและควรได้รับการชม
ร่วมติดตามซีรีส์ภาคต่อแนวสยองขวัญ เจาะลึกเข้าไปในโลกอันน่าสะพรึงกลัวของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ ได้ทาง: รีวิวซีรีส์ Sweet Home ซีซั่น 2