รีวิว Spenser Confidential
รีวิวหนังฝรั่ง ภาพยนตร์เรื่อง สเปนเซอร์ ลุย ล่า ปราบ ทรชน เป็นภาพยนตร์ที่ดูแต่ก็ไม่ถึงกับต้องรีบดู เป็นเรื่องที่คิดว่าความสนุกอยู่ในระดับกลาง ๆ เพราะอารมณ์ของหนังที่ทำให้คนดูรู้สึกว่ามันยังไม่ถึงที่สุดทั้งในด้านของฉากแอกชันและ
ฉากแอกชันและบอกตามตรงว่า SPENSER CONFIDENTIAL (2020) ไม่ใช่หนังที่มีฉากแคชั่นมันส์ ๆ ทั้งเรื่องอย่างที่คาดหวัง แถมตัวละครที่(ผู้เขียน)โดนตกมาจากในทีเซอร์ก็ไม่มีมีบทบาทเท่าไหร่ ทำให้ดูไปใจฝ่อไป แต่ถ้าใครที่เข้ามาดูโดยปราศจากอคติก็จะเป็นหนังที่มีทั้งแอกชัน
สืบสวนสอบสวน รวมทั้งความฮาปนกับความตลกร้ายของชีวิต ซึ่งในส่วนของฉากแอกชัน การสืบสวนซึ่งเป็นประเด็นและความน่าสนใจหลักของเรื่องนั้นดูไม่ค่อยน่าติดตามและดูง่ายเกินไป รวมถึงฉาคแอกชันที่ดูธรรมดา (และอาจจะน้อยไปสำหรับหนังแอกชัน) แต่ถึงอย่างนั้นหนังก็ยังมีอะไร
ให้ติดตามอยู่เพราะคาแรคเตอร์ของตัวเอกที่ดูน่าสนใจและมีฉากบู้มาเป็นช่วง ซึ่งสามารถทำให้ดูได้จนจบ อารมณ์และโทนของหนังส่วนใหญ่จะค่อนข้างเครียด แม้ว่าตัวละครจะปล่อยมุกออกมาทั้งเรื่องแต่ก็ไม่ได้ลดความเครียดของหนังเลย หากใครที่ต้องการดู SPENSER CONFIDENTIAL (2020) เพื่อคลายเครียดในวันหยุดบอกได้เลยว่า คุณอาจจะต้องเครียดมากกว่าเดิม
บอกตามตรงว่า SPENSER CONFIDENTIAL (2020) ไม่ใช่หนังที่มีฉากแคชั่นมันส์ ๆ ทั้งเรื่องอย่างที่คาดหวัง แถมตัวละครที่(ผู้เขียน)โดนตกมาจากในทีเซอร์ก็ไม่มีมีบทบาทเท่าไหร่ ทำให้ดูไปใจฝ่อไป แต่ถ้าใครที่เข้ามาดูโดยปราศจากอคติก็จะเป็นหนังที่มีทั้งแอกชันการสืบสวนเวลามีผู้
กำกับหนังคนดังมาร่วมงานกับเน็ตฟลิกซ์เราก็เดา ๆ ได้ว่าน่าจะด้วยเหตุผลประมาณ 3 ข้อนั่นล่ะ คือ อย่างแรกมันเป็นโพรเจกต์ที่ค่ายหนังใหญ่ไม่สนใจทำ หรือไม่ก็ สองคือเป็นโพรเจกต์ที่ผู้กำกับคนนั้นอยากลองอะไรใหม่ ๆ เปลี่ยนบรรยากาศ และสามก็คือไม่เลือกงานไม่ยากจน (ฮา) สำหรับ
ปีเตอร์ เบิร์ก ผู้กำกับเจ้าของงานแอ็กชันธริลเลอร์ใหญ่ ๆ ที่มักอิงจากเรื่องจริงอย่าง Lone Survivor (2013) และ Patriots Day (2016) ที่งานยุคหลังนอกจากจะเน้นความซีเรียสจริงจังจากเหตุการณ์จริงแล้ว การมาร่วมงานกับ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ก็กลายเป็นคู่ขวัญคู่ใหม่ไปเลย เหตุผลที่ทั้งคุ่มาร่วมงานกับเน็ตฟลิกซ์ดูจากงานนี้ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องของการเปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน เพราะนอกจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่ได้ลองทำ
กับเน็ตฟลิกซ์แทนค่ายหนังแล้ว เนื้อหาของหนังก็ยังได้ดัดแปลงนิยายชุดสืบสวนการคอร์รัปชันในแวดวงตำรวจที่มีตัวละครนำชื่อ สเปนเซอร์ ของนักเขียนดังนาม โรเบิร์ต บี. พาร์กเกอร์ ซึ่งเคยเป็นซีรีส์ทางโทรทัศน์ช่วงปี 1985 เรื่อง Spenser: For Hire มาเปลี่ยนให้กลายเป็นแนวบู๊ปนฮาร้าย ๆ ด้วย ซึ่งงานหนังตลกเรื่องสุดท้ายของเบิร์กนี่ต้องย้อนไปตอนทำ Hancock (2008) นู่นเลยทีเดียว เรื่องนี้แกน่าจะได้ปลดปล่อยพอสมควร
ปีเตอร์ เบิร์ก กับ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกันใน Lone Survivor จากนั้นก็ได้ร่วมงานกันมาตลอด
ด้วยความที่ดัดแปลงเอามันจากนิยายที่ซีเรียส ๆ หน่อยทำให้ตัวหนังมีความทั้งจริงจังและไม่จริงจังไปพร้อมกัน ในขณะที่ปริศนาในคดีและเหล่าตัว
ร้ายจะค่อนข้างดูสมจริงและซีเรียส แต่ผู้ชมก็จะไม่เบื่อเพราะบุคลิกของสเปนเซอร์ อดีตตำรวจที่เข้าคุกเพราะไม่ชอบความอยุติธรรมนั้นเป็นตัวละครที่มีสีสัน ปากหมา หน้ายับ รักหมากว่าแฟน และชอบแกว่งเท้าเข้าไปหาเสี้ยนทุกครั้งที่เห็นคนบริสุทธิ์เดือดร้อน ยิ่งการเข้าคู่กับพวกตัวละครอื่นฝั่งพระเอกที่คาแรกเตอร์จัดเกินปกติ ทั้ง ฮอว์ก (ได้ วินสตัน ดู๊ก ที่เล่นเป็น เอ็มบากู ในหนัง Black Panther มาเล่น) ตัวละครผิวสีคู่หูสุดหน้าตายและ
รักสัตว์ของสเปนเซอร์ที่ถูกปรับจากตำรวจในนิยายมาเป็นเด็กฝึกของค่ายมวย ตาลุงเฮนรี่ ชายแก่ที่ให้ความช่วยเหลือด้านที่พักหลังพระเอกออกจากคุกมาก็เป็นตาแก่ไม่ทันเทคโนโลยีแต่มีความเก๋าแบบโอลด์สคูล รวมถึง ซิสซี่ แฟนสาวของสเปนเซอร์ที่ผีเข้าผีออกอารมณ์รุนแรงเดาใจยาก ทั้งหมดเมื่อรวมตัวกันก็เลยกลายเป็นแก๊งที่ไม่ลงรอยกันเองแต่ก็เข้าขากันเยี่ยมเวลาคับขัน ช่วยให้หนังดูสนุกพอสมควร ดูหนัง
รีวิว Spenser Confidential
รีวิว Spenser Confidential ข้อเสียของหนังก็เป็นความไม่สุดเท่าไหร่นักนั่นล่ะ เพราะในแง่ของตัวละครนำก็จัดเป็นตัวละครที่น่าสนใจ ดูได้เพลิน ๆ เรื่อย ๆ แต่ยังไม่ได้ติดใจขนาดอยากดูซีรีส์ต่อเนื่องไปหลังจากนี้ (ถ้ามีอย่างที่ท้ายเรื่องห้อยปมไว้) ในขณะที่ฝั่งตัวร้ายด้วยเนื้อหาการคอร์รัปชันในแวดวงตำรวจที่พัวพันกับ
นักการเมืองและแก๊งอาชญากรรมใหญ่โตมาก แต่เพราะหนังไม่ได้เทให้กับเรื่องพวกนั้นเพียงพอมันก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าพวกตัวร้ายน่ากลัวหรือเจ๋งขนาดที่กล่าวอ้างมาเลย ยิ่งฉากแอ็กชันก็เป็นแบบที่เดาได้ (เช่นฉากรถบรรทุกที่เป็นภาคบังคับมากว่าจะต้องมีแน่ ๆ) และก็เป็นอะไรที่โอลด์สคูลมาก ๆ ไม่ได้หวือหวาน่าจดจำอะไร
นี่ยังเป็นหนังเรื่องแรกของแรปเปอร์ดังอย่าง โพสต์ มาโลน ด้วย ก็ได้โชว์ฝีมือการแสดงกวน ๆ จิต ๆ อยู่นิดหน่อย
Spenser Confidential
โดยรวมแล้วก็เป็นหนังที่ฆ่าเวลาพอได้ ไม่ได้ถึงกับแนะนำอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ถึงกับว่าจงหนีไป เป็นงานที่เอาความผ่อนคลายเป็นที่ตั้งทั้งตัวผู้สร้างและผู้ชม หนังใช้ความเสือกของพระเอกในแบบที่กวนทีนเหลือร้าย ด้วยความที่เขาเป็นตำรวจเก่ามาก่อน มาคราวนี้เป็นพลเมืองธรรมดาไม่มีอภิสิทธิ์ในการเข้าไปสืบแบบแต่ก่อน ก็เลยต้องใช้มุกหลอกล่อแบบกึ่งโหดกึ่งฮากับเป้าหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล พร้อมกับต้องโดนรุมซ้อมมัน
ทุกครั้งที่เข้าไปสืบอะไรแบบนี้ ไม่เว้นกระทั่งฉากฟัดกับหมาที่ฮามาก หนังเรื่องนี้จึงเป็นแอ็กชั่นแบบอัดกันตุ้บตั๊บ+ตลกกับความซวยของพระเอกที่อยู่คู่กันทุกครั้ง ซึ่งแต่ละมุกก็เป็นธรรมชาติเนียนไปกับเรื่องดีมาก แบบทำเอาฮาเล็กฮาใหญ่ไปได้เรื่อยๆ ออกจะคล้ายๆ วิ่งสู้ฟัดของเฉินหลงแบบนั้นเหมือนกันครับ ดูหนังฟรี
แต่ก็ไม่ใช่บทจะอยู่ที่พระเอกคนเดียว “ฮอว์ค” คู่หูหนุ่มผิวดำร่างยักษ์ก็แทคทีมเสริมแอ็กชั่นกับความฮาได้อย่างร้ายกาจ เผลอๆ อาจจะขำกว่าของมาร์คเองก็ได้ เพราะด้วยหุ่นหมีควายพอมาเล่นมุกตลกมุ้งมิ้งๆ แล้วมันอดขำไม่ได้จริงๆ หนึ่งในมุกเด็ดเลยก็คือ “กรีดรถคนร้ายเป็นรูปแมวคิทตี้ให้
มันเจ็บใจเล่น” แถมฮอว์คเองก็มีความหลังฝังใจเกี่ยวกับความยุติธรรมนี้ด้วยเช่นกัน ยิ่งทำให้การจับคู่นี้ดูเนียนเชื่อได้เลยว่าสองคนนี้กำลังทำตัวเป็น “แบทแมนแอนด์โรบิน” ในเมืองบอสตันที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมทั้งจากผู้ร้ายและกับตำรวจเทาๆ เหมือนก็อธแธมไม่มีผิด แถมยังมีคุณปู่จอม
ซ่าที่เป็นเจ้าของค่ายมวยที่ฮอว์คอยู่มาเสริมทีมทำตัวเป็นเหมือน “อัลเฟรด” พ่อบ้านที่ให้ท้ายแบทแมนออกไปสร้างวีรกรรมอยู่ตลอด ยิ่งทำให้เรื่องนี้เหมือนแบทแมนจริงๆ เข้าไปอีก ตามแบบที่แฟนสาวของสเปนเซอร์จิกกัดทั้ง 3 คนไว้ไม่มีผิด และตัวเธอที่เป็นนางเอกในเรื่องนี้ก็จัดว่าเด็ดร้ายไม่แพ้กัน หนังจึงไม่ได้มีตัวละครไหนถูกทิ้ง และก็ยังดูเป็นสูตรที่ลงตัวเข้าขากันดีพิลึก
รีวิว Spenser Confidential “สเปนเซอร์” อดีตตำรวจจอมเสือก แอ็กชั่นตลกกวนๆ ได้ใจของ ‘มาร์ค วาห์ลเบิร์ก’ 2แม้เรื่องจะฮาแต่ก็ยังแฝงดราม่าแก่นเรื่อง “ความยุติธรรม” ไว้ตลอด ทั้งสเปนเซอร์กับฮอว์ค ที่มีปูมหลังรันทดๆ กับการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมจนลงเลยในคุกมาก่อน เหยื่อที่สเปนเซอร์เข้าไปช่วยก็มีนิสัยต่อสู้เพื่ิอความยุติธรรมเช่นกัน หนังให้ความรู้สึกว่าโลกนี้มันช่างหาความยุติธรรมยากเหลือเกินแม้จะมีคนที่พยายามทำแบบ
พระเอกแล้วก็ตาม อะไรๆ มันก็ไม่ง่าย และต้องแลกมากับการเสี่ยงสูญเสียอะไรไปด้วยเช่นกัน ทำให้ตัวเอกทั้งสองคนดูเป็นฮีโร่จริงๆ ที่พยายามอย่างหนักให้ได้มาเพื่อดับความอยุติธรรมที่ร้อนรุ่มในใจ แม้ตัวเองจะแทบไม่ได้เกี่ยวข้องเลยด้วยก็ตาม มีขำนิดๆ ตรงพระเอกจะพยายามบอกว่าคนที่เขาเข้าไปช่วยเคยรู้จักทางใดทางหนึ่งมาก่อน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า หรือเป็นมุกเอาฮาของเรื่องก็ไม่รู้เหมือนกันครับ
โดยรวมแล้วก็เป็นหนังที่ฆ่า
รีวิว Spenser Confidential นางเอกของเรื่องที่แสบๆ พอกัน
หนังสนุกเพลินๆ แต่ว่าก็มีข้อเสียที่คนคิดมากอาจจะไม่ชอบเลยก็ได้ เพราะด้วยความที่หนังออกแนวแอ็กชั่นตลก อะไรหลายๆ อย่างที่พระเอกไปเจอแล้วสืบได้มามันก็เลยดูง่ายๆ ไปซะหมด หนังไม่ได้มีความรู้สึกกดดันแบบลุ้นว่าพระเอกจะเอาตัวรอดยังไง เพราะถึงจะโดนรุมเป็นสิบ สุดท้ายก็
ต้องมีมุกตลกแทรกมาให้ผ่านจุดนั้นไปได้แบบไม่สมเหตุผลสักเท่าไหร่ แถมด้วยตัวร้ายที่เดากันได้ตั้งแต่แรกๆ ทำให้เรื่องนี้ออกจะเรียกว่าพล็อตกลวงๆ เป็นเส้นตรงให้พระเอกทำภารกิจปราบอธรรมกันชิลๆ ไม่มีความซีเรียสเครียดเลยสักนิด แต่ถ้ามองกันดีๆ หนังก็ตั้งโจทย์ทำมาให้ดูแบบเปิดหัวโล่งๆ อย่าไปคิดอะไรกันตั้งแต่แรกๆ อยู่แล้วครับ ดูหนังออนไลน์
หนังสนุกเพลินๆ แอ็กชั่นเน้นต่อยตีมีอีดาบไล่ฟันแบบหนังฮ่องกง ผสมกับมุกฮาแบบเนียนๆ ขำนิดขำหน่อยไปจนถึงขำมากตลอดเรื่องยันจบ พร้อมกับฉากแง้มเปิดไว้ชัดเจนว่าความเสือกบ้าความยุติธรรมของพระเอกนี่แหละทำให้ถ้าหนังเรื่องนี้ดังยอดดี Netflix คงได้เข็นสเปนเซอร์ภาคต่อออกมาเรื่อยๆ แน่ครับ ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Spenser Confidential
Spenser Confidential เป็นภาพยนตร์แนวต่อสู้ตลกขบขันดังนั้นแน่นอนเลยว่าตัวละครเอกของเราไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือคู่หูของเขาไม่ว่าจะเจอศัตรูทีไรก็โดนอัดจนน่วมทุกทีเรียกได้ว่าเป็นมวยลองมาตลอดทั้งเรื่องมีการผสมผสานการต่อสู้สไตล์ฮ่องกงออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียวมีการผสมผสานมุขตลกเข้ามาได้อย่างแนบเนียนตั้งแต่ในระดับเล็กน้อยไปจนถึงขำจนปอดโยกตัวละครพระเอกและคู่หูของเขานั้นถือว่ามีความเข้ากันได้เป็นอย่างดี เว็บดูหนัง
ตัวละครสมทบทั้งหลายนั้นก็ทำออกมาจิกกัดสภาพสังคมได้อย่างยอดเยี่ยม แต่จุดด้อยของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือเป็นภาพยนตร์ที่ช่วงสืบสวนสอบสวนนั้นค่อนข้างง่ายจนเกินไปดูเหมือนไม่มีอะไรเลยทำให้ความเข้มข้นในส่วนนี้หายไปบทค่อนข้างธรรมดาไม่ได้มีอะไรสลับซับซ้อนทำให้สามารถเดาได้ง่ายโดยเฉพาะตัวร้ายที่ไม่มีความคลื่นลึกหนาบางเลยแม้แต่น้อยในขณะเดียวกันจากการต่อสู้ทำออกมาได้ดี
แต่ก็อยู่ในระดับธรรมดามาตรฐานทั่วไปไม่ได้มีอะไรที่น่าประทับใจดังนั้นมันจึงเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับการรับชมเพื่อฆ่าเวลาสำหรับคนที่อยากจะหาหนังตลกรับชมเพื่อความสนุกสนานเท่านั้นหากรับชมเป็นจริงเป็นจังคุณคงรู้สึกหงุดหงิดการกระทำของตัวละครไม่น้อยเลยทีเดียว นี่ยังเป็นหนังเรื่องแรกของแรปเปอร์ดังอย่าง โพสต์ มาโลน ด้วย ก็ได้โชว์ฝีมือการแสดงกวน ๆ จิต ๆ อยู่นิดหน่อย โดยรวมแล้วก็เป็นหนังที่ฆ่าเวลา
พอได้ ไม่ได้ถึงกับแนะนำอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ถึงกับว่าจงหนีไป เป็นงานที่เอาความผ่อนคลายเป็นที่ตั้งทั้งตัวผู้สร้างและผู้ชม สเปนเซอร์ (มาร์ค วาห์ลเบิร์ก) อดีตตำรวจถูกดึงเข้าสู่โลกอาชญากรรมใต้ดินของบอสตันเมื่อค้นพบความจริงเบื้องหลังฆาตกรรมซ่อนเงื่อนและการพยายามสมคบคิดเพื่อปกปิดคดี แม้จะถูกคุกคามและข่มขู่ แต่สเปนเซอร์ก็มุ่งมั่นที่จะแสวงหาความยุติธรรมด้วยตนเองเพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าไม่มีใครอยู่
มาร์ค วาห์ลเบิร์ก ก็ยังเอาอยู่ในบทแบบทั้งจริงจังทั้งตลกหน้าตาย คาแรกเตอร์น่าจดจำดีในฝั่งตัวเอก ดูเพลิน ดูง่าย มุกตลกเป็นแบบยิ้ม ๆ ไม่ถึงกับฮา ไม่ได้มีฉากที่น่าจดจำ เรื่องการสืบสวนและตัวร้ายเข้มไม่สุด หนังสนุกเพลินๆ แอ็กชั่นเน้นต่อยตีมีอีดาบไล่ฟันแบบหนังฮ่องกง ผสมกับมุกฮา
แบบเนียนๆ ขำนิดขำหน่อยไปจนถึงขำมากตลอดเรื่องยันจบ พร้อมกับฉากแง้มเปิดไว้ชัดเจนว่าความเสือกบ้าความยุติธรรมของพระเอกนี่แหละทำให้ถ้าหนังเรื่องนี้ดังยอดดี Netflix คงได้เข็นสเปนเซอร์ภาคต่อออกมาเรื่อยๆ แน่ครับ เว็บดูหนังฟรี