รีวิวหนังฝรั่ง The Hobbit 2 (2013) เดอะ ฮอบบิท 2 ดินแดนเปลี่ยวร้างของสม็อค

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้เรามาแนะนำหนังฟอร์มยักสุดอลังการภายใต้ผลงานของผู้กำกับชื่อดัง ปีเตอร์ แจ็คสัน ที่ได้รับการดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อดังที่ประพันธ์โดย เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ซึ่ง the hobbit เป็นเรื่องราวที่ถูกสร้างหลังจาก the lord of the ring แต่เป็นเหตุการณ์ก่อนหน้า the lord แม้ว่า the hobbit 2 จะถูกสร้างออกมาภายหลัง แต่จากหลายต่อหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทำออกมาได้แย่กว่า the lord แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายมากมาย ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตราฐาน คือหนังไม่ได้แย่นะ แต่แค่ the lord ทำไว้ดีมากเกินไป 5555555 เอาหละครับเรื่องราวจะเป็นอย่างไรอย่าลืมไปติดตามกันที่นี่ ดูหนังออนไลน์

The Hobbit : The Desolation of Smaug เดอะ ฮอบบิท: ดินแดนเปลี่ยวร้างของสม็อค ในภาคสองนี้ นับว่า เป็นเรื่องราว ตลอด ของ ภาคแรก โดย สําหรับการเผชิญภัยเพื่อเดินทางไปยังเอเรบอร์ในคราวนี้มีความเข้มข้นมาก

ยิ่งกว่าเดิม แต่ว่า การเดินทางจะต้องเจอปัญหา จํานวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการถูกไล่ล่าจาก ศัตรู ดั้งเดิม พวก ออร์ค แมงมุมยักษ์ในป่า โดนเอล์ฟจับไปขัง ทั้งบิดามด แกนดัล์ฟก็จะต้อง ปลีกตัวออก ไป มิได้ร่วมเดินทาง ในคราวนี้

ทําให้เหล่าคนแคระแกร็น จําเป็นต้องเอาชีวิตรอด คุ้นเคย อย่าง ทุกลักทุเล โดยในภาคนี้ได้ ใบเสร็จรับเงิน โบ แบ๊ กกินส์ เป็นตัวสําคัญที่ทําให้เหล่า คนเล็กแกร็น รอดมาได้อย่างเฉียดฉิว

the hobbit 2 เรื่องย่อ เรื่องราว ของภาคนี้ ข้างหลังออกมาจากใต้แนวเขามิสตี้ แผนกเดินทางที่มีภารกิจกู้อาณาจักรเอเรบอร์ มุ่งหน้าเดิน ทางต่อ โดย นอกเหนือจากการที่จะโดนพวกออร์คตามไล่ล่าแล้ว บิดา มดแกนดัล์ฟ ยัง ปลีกตัวออกไป

จนถึง เหล่า คนเล็กแกร็น แทบเสียท่า ให้กับ แมงมุมยักษ์ ในป่าเมิร์กวูด โดนเอล์ฟป่าผู้ดุร้ายสมัยก่อนมิตร ที่เปลี่ยนเป็น อริจับกุมตัวไปขัง ซึ่ง ใบเสร็จรับเงินโบ แบ๊กกินส์ ใช้แหวน พาพวกคนเล็กแกร็นออกมาได้อย่างทุลักทุเล

บท ของ The Hobbit 2 จัดว่าเข้มข้นเชื้อเชิญติดตาม คาดคะเนมิได้ เดินเรื่อง เร็วทันใจกว่า ภาคแรก ก็เลยมองบันเทิงใจ มีการตัดสลับให้มอง ทั้งยัง การเดินทาง ของเหล่าแผนก กับ ความเป็นไปของมิดเดิลเอิร์ธ ที่กําลังถูก ความมืดดำ ครอบครอง

ท่าเป็นดีพอกับที่ The Lord 2 ซึ่งได้รับค่าชื่นชมมากยิ่งกว่า ภาคแรก ด้วยเหมือนกัน ทั้งปวงมาจากรายละเอียด ใน หนังสือที่เพิ่มระดับความน่าดึงดูดใจขึ้นเรื่อย

แม้กระนั้นก็มีส่วนที่ถูกดัดแปลงแก้ไขบ้าง ฉาก บางฉาก แล้วก็ นักแสดง บางตัวที่ไม่มีอยู่ในหนังสือ ถูกเพิ่มเติมเข้ามา ช่วยเพิ่มอรรถรสก้าวหน้ามากมาย

ตัวละครที่เรารู้สึกคุ้นเคยมากขึ้นคือ 13 คนแคระที่ภาคแรกไม่โดดเด่นด้วยความที่มีจำนวนมาก รูปร่างท่าทางคล้ายกันจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร นอกจาก ธอริน โอเคนชิลด์ เจ้าชายคนแคระผู้เย่อหยิ่ง ที่ภาคนี้เขาพัฒนาไปในทางก้าวร้าวขึ้น

หมกมุ่นกับการตามหาเพชรอาร์เคนสโตนจนเห็นความมืดในดวงตา ผิดกับ คิลี คนแคระหนุ่มผู้หล่อเหลา จิตใจดี กล้าหาญ เป็นอีกคนที่ได้ใจผู้ชม โดยเฉพาะประเด็นรักสามเส้ากับ ธอเรียล เอล์ฟสาวหัวหน้าองค์รักษ์ สวยเฉียบขโมยซีนที่สุดในภาคนี้

และ เลโกลัส เจ้าชายเอลฟ์ผู้สูงศักดิ์ (สองตัวหลังไม่มีในหนังสือ) ลูกชายของกษัตริย์พรายผู้เย็นชา ทำให้เนื้อหามีส่วนของ ดราม่า โรแมนติก แอ็กชั่น ผสมกันแบบลงตัว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำตัวละครสุดเลิฟของสาวกอย่างเลโกลัสกลับมา แถมยังมีฉากเปิดตัวได้อย่างสมศักดิ์ศรีก็เรียกคะแนนพ่อยกแม่ยกจาก The Lord of the Rings ไปได้ไม่ยาก

อีกทั้งยังตัวละครใหม่ที่ไม่เคยปรากฏในนิยายเล่มไหนมาก่อนอย่าง ธอเรียล ที่ออกมาส้รางสีสันและเป็นคู่จิ้นกับ คิลิ ที่น่าเอาใจช่วยไม่น้อยเลยทีเดียว

ซึ่งนอกจากข้อดีที่เพิ่มขึ้นในข้างต้นแล้ว The Hobbit 2 นั้นก็ยังคงงานด้านภาพที่สวยมาก ๆ รวมไปถึงโปรดักชั่นที่ยิ่งใหญ่อลังการจนหลายฉากต้องอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากถังน้ำที่เป็นแอคชั่นสุดเจ๋งในเรื่องนี้ที่ผสานทั้งความตื่นเต้นและครีเอทีฟในเวลาเดียวกันจนสร้างความตื่นตาตื่นใจได้เป็นอย่างมาก

ปีเตอร์ แจ็คสัน มาพาพวกเรากลับสู่โลกมิดเดิลเอิร์ธอีกครั้งในหนังไตรภาค The Hobbit ต้นกำเนิดมหากาพย์ภาพยนตร์ The Lord of The Rings สร้างจากนิยายชื่อดังของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน

ภาคนี้ใช้ชื่อว่า The Hobbit : The Desolation of Smaug เปรียบเสมือนตอนที่เชื่อมไปสู่บทสรุปการผจญภัยของคณะแหวนรุ่น1 ที่ประกอบไปด้วย 1 ฮอบบิท 1 พ่อมด 13 คนแคระ กับการทวงคืนหุบเขาโลนลี่จากเจ้าสม็อก มังกรไฟตัวร้าย

ส่วนตัวถือว่าเป็นแฟนของ The Lord of The Rings ทั้งอ่านหนังสือและชมฉบับภาพยนตร์ครบ แต่กับ The Hobbit ไม่ได้อ่านหนังสือจึงขอพูดถึงแต่ส่วนของหนัง

ซึ่งโปรดักส์ชั่นเมื่อเทียบกัน แม้ The Hobbit ไม่ได้อลังการเท่า The Lord of The Rings แต่ดูขลัง คลาสสิก และมีมนต์เสน่ห์กว่า โดยเฉพาะตัวละครที่จำนวนไม่เยอะเกินไป จึงดูมีมิติกว่า

สำหรับผมแล้ว The Hobbit 2 ถือเป็นหนังใหญ่ภาคต่อที่ผมแทบไม่ได้รู้สึกรอคอยเลยแม้แต่น้อยของปีนี้ เนื่องจากใน The Hobbit ภาคที่แล้วนั้น เต็มไปด้วยความน่าเบื่อ มีฉากยืดเยื้อมากมายที่ชวนหลับ

รวมไปถึงการดำเนินเรื่องในแบบฉบับของนิทานเด็ก ๆ มากกว่าที่จะเข้มข้นเหมือนอย่างตำนาน The Lord of the Rings ซึ่งทั้งนี้จะไปโทษทีมผู้สร้างอย่างเดียวก็คงไม่ได้

เพราะหลังจากที่ได้ไปอ่าน The Hobbit ฉบับนิยายมาแล้วก็พบว่าเนื้อหาในเรื่องนั้นเป็นเสมือนนิทานสำหรับเด็กจริง ๆ อีกทั้งแหวนก็ยังไม่มีกลิ่นอายของความเลวร้ายออกมาแต่อย่างใด รีวิวหนังฝรั่ง

ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะปรับบทที่เป็นรอยต่อระหว่าง The Hobbit และ The Lord of the Rings ให้ได้ออกมาเข้มข้นลงตัวได้

แต่สำหรับภาคนี้นั้นผู้กำกับ Peter Jackson ก็ออกมาประกาศโต้ง ๆ ให้แฟน ๆ สบายใจว่าจะทำภาคนี้ออกมาให้หม่นขึ้น ดราม่าขึ้น แอคชั่นขึ้นมากกว่าภาคแรกอย่างแน่นอน จนสุดท้ายก็ต้องยอมเชื่อแล้วออกมาพิสูจน์อีกครั้ง

เอาเป็นว่าหากใครที่ดูภาคที่แล้วหลับสนิทไป ก็อยากจะให้ลองให้โอกาสกับ The Hobbit ภาคนี้ดูอีกสักครั้งเพราะส่วนตัวคิดว่าหนังมีการปรับปรุงทุกด้านเพื่อเอาใจคนดูแล้วจริง ๆ

และให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับตอนดู The Lord of the Rings ค่อนข้างมากเลย ทำให้ตลอด 2 ชั่วโมง 40 นาทีนับว่าเป็นความบันเทิงที่คุ้มค่ามาก ๆ ไม่มีคำว่าเสียดายตังแน่นอนครับผม