รีวิว Leave the World Behind: ลุ้นระทึกไปกับปริศนาหายนะโลก
รีวิวหนังฝรั่ง ในภาพยนตร์เรื่อง “Leave the World Behind” ปี 2023 ที่สำรวจความลึกลับของจิตใจมนุษย์ เราติดตามการเดินทางของครอบครัวหนึ่งที่หวังจะหลีกหนีจากความวุ่นวายของโลกด้วยการไปพักผ่อนที่บ้านหลังหนึ่งริมชายหาด แต่แล้วความสงบสุขกลับกลายเป็นความไม่แน่นอนเมื่อพวกเขาพบว่าโลกภายนอกกำลังประสบกับภัยพิบัติอย่างไม่คาดคิด ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นเมื่อเจ้าของบ้านผู้มีผิวสีเข้ามาเยือน การแสดงที่น่าประทับใจจากนักแสดงชั้นนำอย่าง จูเลีย โรเบิร์ตส์, มาเฮิร์ซชาลา อาลี, อีธาน ฮอว์ก, และเควิน เบคอน ทำให้เรื่องราวนี้มีชีวิตชีวาและน่าจดจำยิ่งขึ้น
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
- ชื่อภาพยนตร์: Leave the World Behind ประเภท: ระทึกขวัญ / ดรามา
- ผู้กำกับ: แซม เอสเมลล์
- นักแสดงนำ: จูเลีย โรเบิร์ตส์, มาเฮิร์ซชาลา อาลี, และ อีธาน ฮอว์ก
- ระยะเวลา: 138 นาที
- วันที่เข้าฉายในไทย: 8 ธันวาคม 2023 (บน Netflix)
ตัวอย่าง: Leave the World Behind (2023)
รีวิว Leave the World Behind: จากฝีมือผู้กำกับซีรีส์ Mr. Robot สู่ผลงานภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
การเล่าเรื่องของ “Leave the World Behind” ถูกนำมาสู่จอภาพยนตร์โดย “แซม เอสเมลล์” ผู้กำกับที่เรารู้จักจากซีรีส์ Mr. Robot. นี่คือผลงานที่ใหญ่ที่สุดของเขานับตั้งแต่เขาเริ่มอาชีพในวงการภาพยนตร์, โดยเขายังเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้มีศักยภาพที่จะดึงดูดผู้ชมที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวหายนะและวันสิ้นโลก แต่มันยังมีความซับซ้อนและลึกลับที่รอให้ผู้ชมได้ค้นหา
เมื่อวันหยุดพักผ่อนกลายเป็นฝันร้าย
ในช่วงเวลาที่เงียบสงบของวันหยุด อะแมนดา และ เคลย์ พร้อมด้วยลูกๆ วัยรุ่นของพวกเขา, ได้หลบหนีจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่ไปยังบ้านพักตากอากาศที่ชายหาดนิวยอร์กที่พวกเขาเช่ามาเพื่อหวังจะได้พักผ่อน แต่ความสงบไม่ได้มาเยือนนาน, เมื่อครอบครัวผิวสีปรากฏตัวขึ้นที่ประตูบ้านพร้อมกับข่าวว่าพวกเขาคือเจ้าของที่แท้จริงของที่พักนี้ พวกเขาอ้างว่าเหตุการณ์ไฟดับทั่วเมืองและการขาดการติดต่อทำให้พวกเขาต้องหนีมาที่นี่
ความไม่แน่นอนเริ่มเพิ่มขึ้นเมื่อเสียงประหลาดดังขึ้นในคืนที่มืดมิด และสัตว์ป่าเริ่มอพยพออกจากพื้นที่ด้วยพฤติกรรมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ความตึงเครียดเริ่มสูงขึ้นในขณะที่ครอบครัวนี้พยายามจะเข้าใจสถานการณ์ที่พวกเขาพบตัวเองอยู่ในนั้น, และความไม่เข้าใจเริ่มสร้างกำแพงระหว่างพวกเขากับเจ้าของบ้าน
จุดเริ่มต้นของฝันร้าย ณ บ้านริมทะเล
เคลย์และอแมนด้าเป็นคู่สามีภรรยาที่ทำงานหนักในเมืองใหญ่ พวกเขาต้องการหาเวลาพักผ่อนและผ่อนคลายจากความเครียด พวกเขาเลือกที่จะไปเช่าบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ริมทะเลในพื้นที่ชานเมือง พวกเขาคาดหวังว่าจะได้สนุกสนานกับลูกสาวของพวกเขา และเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่เงียบสงบและสวยงาม
แต่ความหวังของพวกเขากลับเป็นฝันร้าย เมื่อเหตุการณ์แปลกประหลาดเริ่มเกิดขึ้น ในช่วงเช้าวันแรก พวกเขาตื่นขึ้นมาพบว่ามีเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่กำลังเข้ามาใกล้ชายหาด พวกเขาไม่เห็นใครควบคุมเรือ และไม่มีใครตอบสนองเมื่อพวกเขาพยายามติดต่อ พวกเขารู้สึกตกใจและหวาดกลัว เมื่อเรือนั้นเข้ามายังฝั่งอย่างไม่มีที่หยุด
พวกเขารีบหนีไปยังบ้านของพวกเขา แต่พบว่าสิ่งอำนวยความสะดวกที่พวกเขาพึ่งพาได้หมดไป อินเตอร์เน็ต ไวไฟ ทีวี และโทรศัพท์ ทุกอย่างไม่ทำงาน พวกเขาไม่สามารถติดต่อกับใครหรือหาข้อมูลอะไรได้ พวกเขารู้สึกสับสนและหงุดหงิด
ความลับดำมืดและปริศนาที่ซ่อนอยู่ภายในบ้านเช่า
เหตุการณ์น่าสงสัยอีกอย่างหนึ่งก็คือการปรากฏตัวของคู่ชายหญิงผิวดำ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านที่พวกเขาเช่าอยู่ พวกเขาแนะนำตัวว่าเป็นจอร์ชและรูธ และอยากที่จะเข้ามาพักกับพวกเขา อแมนด้าไม่เชื่อในคำพูดของพวกเขา และปฏิเสธที่จะให้พวกเขาเข้ามา แต่เคลย์มองว่าพวกเขาอาจจะเป็นคนดี และเสนอให้พวกเขาเข้ามาดื่มน้ำก่อน
อแมนด้ารู้สึกไม่สบายใจกับพฤติกรรมของจอร์ช ที่ดูเหมือนจะมีความสนใจเกินไปต่อลูกสาวของพวกเขา และยังพูดอะไรๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นคำใบ้ ในเวลาเดียวกัน เคลย์ก็พยายามที่จะเป็นมิตรกับรูธ แต่ก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเหตุผลที่พวกเขามาถึงที่นี่ ในเวลากลางคืน มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น พวกเขาไปเปิดประตู และตกใจเมื่อเห็นว่ามีคนอีกคนหนึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้าน พวกเขาไม่รู้ว่าจะเชื่อใคร และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป สามารถไปติดตามรับชมหนัง Leave the World Behind ได้ที่ ดูหนังใหม่
ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เหตุการณ์อันน่าตกตะลึงเริ่มปรากฏขึ้น
ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางครั้ง สัญญาณฉุกเฉินถูกประกาศผ่านทางโทรทัศน์ แจ้งเตือนถึงการโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ โรซี่เห็นฝูงกวางที่เดินทางมายังบ้านของเธอ ราวกับพวกมันกำลังพยายามสื่อสารบางอย่าง และเมื่อเวลาผ่านไป ความลึกลับและความไม่ชอบมาพากลก็เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ชมรู้สึกหวาดกลัวและสับสนมากขึ้น
คุณอาจพบว่าตัวเองกำลังเพลิดเพลินกับการทายทิศทางของเรื่องราว แต่ก็อาจพบว่าการคาดเดานั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด บางครั้ง ภาพยนตร์อาจสะท้อนถึงความขัดแย้งทางเชื้อชาติ ด้วยการแสดงให้เห็นคนผิวขาวที่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของคนผิวดำ และในที่สุดคนผิวขาวก็ครอบครองบ้านนั้น ในขณะที่คนผิวดำต้องอยู่ในชั้นใต้ดิน ภาพยนตร์ยังแสดงให้เห็นถึงคนรุ่นใหม่ที่ดูเหมือนจะไม่สนใจสิ่งรอบข้าง และยังคงจมอยู่กับโลกส่วนตัวของพวกเขา นอกจากนี้ ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์มนุษยชาติที่มักแสดงความเห็นแก่ตัวเมื่อเกิดภัยพิบัติ โดยที่คนเรามักจะแยกตัวออกจากกันและทำให้เพื่อนบ้านกลายเป็นคนแปลกหน้า ซึ่งต่างจากสัตว์ที่จะรวมกลุ่มกันเพื่ออพยพหนีภัย
รีวิว Leave the World Behind: ภาพยนตร์เรื่องนี้พาเราท่องไปในโลกที่เต็มไปด้วยการหลอกลวง ไร้ความไว้วางใจ และความไม่แน่นอน
ในส่วนหนึ่งของเรื่อง ดูเหมือนว่าจะบอกเล่าถึงโลกที่เราหลอกตัวเองและไม่เชื่อถือกันและกัน และยังมีการวิพากษ์วิจารณ์สังคมอเมริกันที่มักจะเชื่อในประสบการณ์ส่วนตัวมากเกินไป โดยไม่รู้ว่าบางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงแค่พายุสุริยะที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้
สุดท้ายนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวหายนะทางจิตวิทยาที่ค่อยๆ เปิดเผยข้อมูลที่น่าสะพรึงกลัวให้กับผู้ชม มันมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับผลงานของ เอ็ม.ไนท์. ชยามาลาน และ จอร์แดน พีล แต่อาจจะยังไม่ถึงขั้นที่จะมีเสน่ห์และความน่าสนใจเท่ากับผลงานของพวกเขา น่าเสียดายที่ในท้ายที่สุด มันก็เป็นเพียงแค่ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาซ้ำซากและมีข้อบกพร่องในบทภาพยนตร์ที่ไม่ได้ถูกขัดเกลาอย่างดี
ภาษาที่ยาก และความลุ้นระทึกที่ไม่เพียงพอ
บ่อยครั้งที่ภาษาในภาพยนตร์ทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมชาติ มีความเป็นนิยายและภาษาเขียนที่แฝงอยู่ แม้นักแสดงจะพยายามอย่างยิ่งยวดในการแสดงบทบาทของตน แต่ก็ยังคงมีรสชาติที่แปลกประหลาด ไม่สามารถดึงดูดให้เราหลงใหลได้ น่าเสียดายที่ภาพยนตร์ไม่สามารถรักษาความสนใจของผู้ชมได้
นักแสดงพยายามเต็มที่แต่ไม่เป็นธรรมชาติ
แม้ว่านักแสดงจะทุ่มเทเต็มที่ แต่บทภาพยนตร์ที่ไม่สมจริงก็เป็นอุปสรรคต่อการแสดง นักแสดงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อพูดประโยคที่ฟังดูแข็งๆ 억지스러운 บทพูดที่ไม่เป็นธรรมชาติ บดบังความสามารถของนักแสดง ทำให้พวกเขาดูแข็งทื่อและไม่น่าเชื่อถือ
จุดเริ่มต้นที่ดึงดูด แต่จบแบบน่าผิดหวัง
ภาพยนตร์เรื่อง “Leave the World Behind” เริ่มต้นได้น่าสนใจ ดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ในช่วง 30-40 นาทีแรก แต่หลังจากนั้น เรื่องราวก็เริ่มยืดเยื้อ ตัวละครเริ่มทำตัวแปลกๆ บทภาพยนตร์ขาดความน่าสนใจ ไร้จุดเด่นที่ทำให้ผู้ชมจดจำ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการการตีความในระดับหนึ่ง มีข้อความหลายจุดที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศที่อึดอัดและความไม่ไว้วางใจ แม้จะพยายามสร้างความเป็นเอกลักษณ์ แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างอารมณ์ที่ต้องการได้
ดาราชั้นนำพยุงหนังบทอ่อน “จูเลีย โรเบิร์ตส์” ฉายแววเจิดจรัส “มาเฮิร์ซชาลา อาลี” ประทับใจ “อีธาน ฮอว์ก” น่าเสียดายบทไม่ส่ง
ในด้านการแสดง “จูเลีย โรเบิร์ตส์” และ “มาเฮิร์ซชาลา อาลี” ได้แสดงบทบาทของตนได้อย่างมืออาชีพ แม้บทบาทจะดูเลอะเทอะ และ “อีธาน ฮอว์ก” ก็ไม่ได้มีโอกาสแสดงฝีมือมากนัก แม้จะมีช่วงที่เปิดโอกาสก็ตาม
รีวิว Leave the World Behind: ดึงดูด น่าติดตาม แต่บทสรุปน่าผิดหวัง
ต้องยอมรับว่าตัวอย่างภาพยนตร์ที่ได้ดูมานั้นเป็นที่น่าสนใจอย่างมาก ฉากต่าง ๆ ในภาพยนตร์สามารถสร้างความรู้สึกได้ดีว่าเป็นภาพยนตร์แนวดราม่าและระทึกขวัญ นอกจากนี้การแสดงของนักแสดงยังน่าประทับใจมาก ๆ ฉันชอบวิธีที่ภาพยนตร์เปิดเรื่องอย่างน่าตื่นเต้นก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องไปอย่างช้า ๆ และทำให้คนดูสงสัยหลาย ๆ จุด อย่างไรก็ตามฉันรู้สึกว่าภาษาที่ตัวละครใช้สื่อสารกันยังค่อนข้างยากที่จะเข้าใจ และฉันคาดหวังว่าจะมีฉากที่น่ากลัวหรือน่าตื่นเต้นมากกว่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงท้ายที่ภาพยนตร์ทำให้คนดูรู้สึกสนุก แต่กลับไม่สามารถให้ความลุ้นที่เพียงพอ และจบลงด้วยวิธีที่ทำให้คนดูรู้สึกว่า “อะไรเนี่ย! มันจบแบบนี้ได้เหรอ” ฉันรู้สึกผิดหวังมาก ๆ ฉันชื่นชอบการแสดงของ จูเลีย โรเบิร์ตส์ และ มาเฮิร์ซชาลา อาลี ที่แสดงบทบาทเป็นคนฉลาดและมีไหวพริบ ซึ่งเหมาะกับภาพยนตร์ที่ต้องหลบหนีจากสถานการณ์อันตราย เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของเรื่องนี้
ภาพยนตร์นี้มีแนวคิดและข้อความที่ซ่อนอยู่หลาย ๆ อย่าง ที่พยายามจะเปิดเผยออกมาและสร้างความเชื่อมโยงกับแนวคิดของตัวละครทุกคน แต่เสียดายที่มันไม่มีความชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้เป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจตลอดเวลา ในที่สุดมันก็เหมือนภาพยนตร์ที่หายนะเพราะสถานการณ์ที่ไม่น่าเชื่อ กับคำอธิบายและความเข้าใจที่ต้องการสื่อสารออกมา…แบบซ้ำ ๆ
ดาวรุ่งพุ่งแรง แต่อาจจะพุ่งแรงไปหน่อย กับบทบาทที่เติมเต็ม แต่น่าเสียดายที่โครงเรื่องยังไม่แข็งแรง
ในภาพยนตร์ “Leave the World Behind” ที่มีการนำเสนอด้วยกลุ่มนักแสดงหน้าใหม่อย่าง “ไมฮาลา เฮอรรอล์ด”, “ฟาร์ราห์ แม็กเคนซี” และ “ชาร์ลี อีแวนส์” ซึ่งได้เข้ามาเติมเต็มบทบาทสมทบอย่างลงตัว แม้ว่าหนังจะมีองค์ประกอบที่ใช้งานได้ดี แต่ด้วยพื้นฐานของโครงสร้างเรื่องที่ไม่ได้สนับสนุนให้เกิดประสิทธิผลอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในช่วงหลังของเรื่องที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกถูกผลักออกไปอย่างน่าเสียดาย
การเล่าเรื่องในภาพยนตร์ถูกแบ่งออกเป็นตอนๆ ซึ่งบางฉากทำให้รู้สึกว่าช้าและไม่ไหลลื่น ทั้งที่ควรจะมีฉากที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นและตกใจมากกว่านี้ หนังไม่ได้สร้างตัวร้ายหรือตัวลวงใดๆ แต่กลับสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกดดันและความไม่ไว้วางใจ ซึ่งตัวละครต้องร่วมมือกันเพื่อค้นหาคำตอบของภัยพิบัติที่กำลังเกิดขึ้นนี้
สรุป
หากจะสรุป “Leave the World Behind” อาจไม่ใช่ภาพยนตร์ที่โปรดปรานของปีนี้สำหรับหลายคน อาจเป็นเพราะความคาดหวังที่มีต่อหนัง แต่ในท้ายที่สุด หนังก็ไม่ได้นำเสนออะไรที่น่าตื่นเต้นหรือแปลกใหม่ มีเพียงแค่ความรู้สึกวิตกกังวลที่เกิดจากสถานการณ์รอบตัวตัวละคร และการที่ตัวละครเริ่มแสดงออกด้วยการตะโกนใส่กันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดความเครียดและความกดดันที่เพิ่มขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง
- รีวิว Sixty Minutes 60 นาที: หนังแอ็คชั่นสุดมันส์ ลุ้นระทึก บู๊สนั่นทั้งเรื่อง!
- รีวิว No Hard Feelings สาวแซ่บ..แอ๊บมาอ่อย: เกมรักอลเวง ป่วนหัวใจ ยั่วอารมณ์
- รีวิว Love Reset 30 วัน โคตรเกลียดเธอเลย: รักวนลูป เกลียดวนไป ⏰