รีวิว The Village หนังญี่ปุ่นแนวดราม่า ผลงานการกำกับของ ฟูจิอิ มิจิฮิโตะ
รีวิว The Village หนังญี่ปุ่นแนวดราม่า เรื่อง The Village 2023 เรื่องราวของชายหนุ่มยากจนที่ติดอยู่ในหมู่บ้านที่มีโรงงานกำจัดขยะ เขาสิ้นหวังไม่สามารถมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ จนกระทั่งเพื่อนสาวสมัยเด็กได้กลับมาที่นี่ และเริ่มสนับสนุนให้เขาไปสู่เส้นทางชีวิตใหม่ แต่ความลับดำมืดในอดีตของเขากำลังย้อนกลับมาทำลายความฝันนั้นไป เรื่องราวจะสนุกและน่าติดตามแค่ไหน อย่าลืมไปติดตาม ดูหนัง the villagers พากย์ไทย กันที่นี่ ดูหนังใหม่
อ่านบทควม รีวิว Loki Season 2 ได้ที่นี่ รีวิวหนังฝรั่ง
รีวิว The Village ยู คาตายามะ ชายผู้อาศัยในหมู่บ้านลึกลับ
รีวิว The Village คือผลงานการกำกับของ ฟูจิอิ มิจิฮิโตะ (The Last 10 Years) ว่าด้วยเรื่องราวของ ยู คาตายามะ (ริวเซย์ โยโกฮามา) ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง โดยที่หมู่บ้านแห่งนี้มีวัฒนธรรมเก่าแก่อย่างหนึ่งคือ ละครโน ศิลปะการแสดงที่มีอายุกว่า 700 ปี และเป็นการแสดงละครหน้ากากที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งเหล่านี้ก็ค่อยๆ จางหาย และถูกแทนที่โดยโรงงานกำจัดขยะขนาดใหญ่ ซึ่งเข้ามาหล่อเลี้ยงเงินทุนของหมู่บ้าน ยูที่เลิกแสดงละครโนไป ได้เข้ามาทำงานที่บริษัทแห่งนี้ เพื่อหาเงินมาใช้หนี้แทนแม่ของเขาที่ติดการพนันจนไม่เป็นอันทำอะไร วันหนึ่ง มิซากิ (ฮารุ คุโรกิ) เพื่อนสมัยเด็กของยูได้เดินทางกลับมาจากโตเกียว และเข้ามาทำงานในบริษัทเดียวกัน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นทำให้ชีวิตของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เรื่องย่อ The Village
the village 2023 เรื่องย่อ เล่าเรื่องราวของ ยู คาตะยามะ ชายหนุ่มที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านคามนมุระ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อันห่างไกลแต่เต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เขาเกิดและเติบโตอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้แต่ไม่สามารถออกไปที่ไหนได้ เนื่องจากเหตุการณ์ใดอดีตของเกี่ยวข้องกับเขา และยังต้องอยู่เพื่อปลดหนี้ให้แม่ที่ติดการพนัน
ชีวิตของยูในแต่ละวันไม่มีอะไรมาก เขาทำงานอยู่ที่โรงงานกำจัดขยะที่อยู่ละแวกหมู่บ้าน ใช้ชีวิตไปวัน ๆ แบบไม่มีความฝันและความหวังใด ๆ ในชีวิต กระทั่งวันหนึ่ง มิซากิ นางาอิ หญิงสาวที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขากลับมาที่หมู่บ้าน หลังจากที่เธอปลึกตัวไปอยู่กรุงโตเกียวได้สักพัก การกลับมาของเธอได้เปลี่ยนแปลงชีวิตยูไปอีกทิศทาง
เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาด The Village (2023)
นี่คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับหนุ่มไฟแรงแถวหน้าของวงการหนังญี่ปุ่น “มิจิฮิโตะ ฟูจิอิ” ที่เมื่อปีก่อนเราเพิ่งจะร้องไห้เสียน้ำตาให้กับงานชิ้นก่อนของเขาไปใน The Last 10 Years ปีนี้ก็ปรับโหมดเข้ามาสู่ความลึกลับน่าค้นหาครั้งใหม่ กับอีกหนึ่งแนวหนังที่ท้าทายอาชีพนักทำหนังของเขาไม่น้อย และครั้งนี้เขาก็ยังคงรับหน้าที่เขียนบทหนัง village หมู่บ้าน 2023 พากย์ไทย ด้วยตัวเองอีกครั้ง
ต้องถือว่า Village แม้ว่าจะหน้าหนังเอาไว้ค่อนข้างลึกลับน่าค้นหา แต่เนื้อแท้ของหนังก็เต็มไปด้วยประเด็นดราม่าที่ซับซ้อนที่ถูกฉาบเอาไว้ด้วยแนวคิดและจิตใต้สำนึกของมนุษย์ หนังปูเรื่องและหยิบยกประเด็นต่าง ๆ ขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ ทั้งพิธีกรรมท้องถิ่น ทั้งปมอดีตของตัวละคร หรือโรงงานกำจัดขยะของหมู่บ้าน ที่ล้วนเป็นสตอรี่ที่แฝงไปด้วยความดราม่าแบบหนักอึ้งอยู่ไม่น้อย
นับว่าเป็นสไตล์และเอกลักษณ์ของหนังญี่ปุ่นโดยทั่วไป หากคุณติดตามและเป็นคนที่ดูหนังญี่ปุ่นเยอะ ๆ หลากหลายแนว จะพบว่านี่คือหนังชีวิตญี่ปุ่นประเภทที่จะสร้างปมและแรงกดดันผ่านตัวละครแบบจัด ๆ นี่เป็นเสน่ห์และวิธีการสร้างมิติของตัวละครในแบบหนังญี่ปุ่น ที่ต้องอาศัยทักษะการแสดงที่เข้าถึงและหยั้งลึกด้วยความสามารถโดยแท้
และเพชรเม็ดงามที่สุดของหนัง ก็ต้องยกให้ “ริวเซย์ โยโกฮามะ” นักแสดงหนุ่มยอดฝีมือ ที่ถือว่าเป็นซุปตาร์แถวหน้า ๆ ของวงการบันเทิงญี่ปุ่นในตอนนี้ และเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นนักแสดงที่ทุ่มเทและเข้าถึงทุกบทบาทการแสดงที่ได้รับจากผลงานทุก ๆ เรื่อง ซึ่งในเรื่องนี้เขาก็ได้แสดงศักยภาพและปล่อยพลังทางการแสดงออกมาได้อีกครั้ง ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณบทหนังที่ส่งเสริมกับทักษะของเขาได้เป็นอย่างดี
การแสดงที่ยอดเยี่ยม ลื่นไหล น่าสนใจ
การแสดงของริวเซย์ค่อนข้างน่าหลงใหล เขาคือนักแสดงที่พิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถรับบทบาทได้หลากหลายอย่างแท้จริง และเมื่อต้องมาถือครองบทดราม่าหนัก ๆ แบบนี้ เขาก็สามารถแบกรับมันเอาไว้ได้ดีทีเดียว เขายังสามารถประคอง Village เอาไว้ได้ทั้งเรื่องด้วยเสน่ห์และความสามารถของเขาจริง ๆ นี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานการแสดงที่น่าประทับใจในประวัติของเขา
ขณะที่ the village netflix นักแสดง สมทบคนอื่น ๆ ก็มาช่วยเสริมได้ดี ไม่ว่าจะเป็น “ฮารุ คูโระกิ”, “อาระตะ ฟูรุตะ” หรือ “วาตะรุ อิจิโนเซะ” ถือว่าบทหนังเกลี่ยความสำคัญของตัวละครทุก ๆ ตัวได้อย่างลงตัวและเหมาะเจาะ ทุกตัวละครต่างมีเรื่องราวและมิติของตัวเอง แม้ว่าจะต้องใช้คาแรกเตอร์ของริวเซย์ คอยเป็นตัวเชื่อมโยงและผสานหนังเอาไว้เข้าเป็นหนึ่งเดียวก็ตาม
ถึงแม้ว่าการดูหนัง Village จะผ่านไปชั่วโมงนิด ๆ อาจจะรู้สึกไม่เข้าใจว่าปมต่าง ๆ ถูกจับโยงเข้ามาเป็นเรื่องราวเดียวกันอย่างไร แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของหนัง น่าจะเป็นไฮไลต์และความดีงามที่สุดของหนังเรื่องนี้ ที่เหมือนเป็นการปลดล็อกและปลดแอกในหลายประเด็นที่สงสัยได้เป็นอย่างดี นี่อาจจะไม่ใช่หนังที่ดูง่ายเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าที่คอหนังทั่วไปจะบริโภคได้
สำหรับเรื่องนี้หน้าหนังดูเหมือนแนวหมู่บ้านญี่ปุ่นลึกลับ แนวหนังก็ระบุว่าเป็นแนวระทึกขวัญ แต่ความจริงเรื่องราวไม่ได้มีส่วนที่ทำให้ระทึกขวัญอะไรเลย ซ้ำยังเป็นแนวดราม่ารันทดหดหู่อีก เนื่องจากประเด็นของหนังก็คือการสะท้อนภาพปัญหากลไกการทุจริตคอรัปชั่นของผู้มีอำนาจในท้องถิ่นไปจนถึงระดับชาติ ด้วยการตั้งโรงงานกำจัดขยะในหมู่บ้านชนบทห่างไกลที่มีธรรมชาติสวยงาม ด้วยการหลอกชาวบ้านเรื่องการสร้างงานให้ชุมชน แต่ลึกๆ เบื้องหลังของโรงงานกลับเป็นที่ทิ้งขยะอันตราย ซึ่งสุดท้ายก็กลายเป็นสิ่งที่มาทำลายหมู่บ้านในภายหลัง
รีวิว The Village จุดที่น่าสนใจที่สุดของภาพยนตร์
รีวิว The Village ตัวหนังมีช่วงที่น่าเบื่ออย่างหนึ่งคือ การใส่เรื่องละครโน ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงเก่าแก่ของญี่ปุ่นที่นักแสดงต้องใส่หน้ากากแล้วร่ายรำ ซึ่งหนังใส่ไว้เพื่อแสดงให้เห็นว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีการอนุรักษ์วัฒนธรรมเก่าแก่เหล่านี้ไว้ จนกระทั่งการมาของโรงงานกำจัดขยะที่ทำให้สิ่งนี้ถูกบดบังไป ซึ่งความน่าเบื่อก็คือเรื่องพยายามยัดเยียดฉากเหล่านี้มาไว้ในเรื่องค่อนข้างมาก ทั้งๆ ที่ไม่ได้จำเป็นต้องย้ำขนาดนี้ในเมื่อปมหลักของเรื่องคือการทุจริตก่อตั้งโรงงานกำจัดขยะมากกว่า
ปัญหาข้อใหญ่ของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ การที่ฟูจิอิเลือกที่จะเล่าเรื่องราวของภาพยนตร์ด้วยประเด็นที่มากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็น ละครโน, พื้นหลังของหมู่บ้าน, การคัดค้านการสร้างโรงงานกำจัดขยะ, ปมในใจของตัวละคร, การเมือง, อำนาจ หรือทุนนิยม ซึ่งแน่นอนว่าด้วยประเด็นที่มากมายขนาดนี้มันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเอาไปใส่ในภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่มีเวลาจำกัดเพียงแค่ 2 ชั่วโมงได้ หรือต่อให้ทำได้ มันก็ยากมากที่จะควบคุมให้ออกมาอยู่ในคุณภาพที่ดีจนพอจะพูดได้ว่า ‘ผู้กำกับเอาอยู่’
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อฟูจิอิเลือกที่จะโยนจุดขายที่น่าสนใจที่สุดของภาพยนตร์ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี สิ่งที่เหลืออยู่ในภาพยนตร์จึงมีแต่ความล้มเหลวในการกำกับที่ดูจะพยายามผลักให้ตัวละครต้องประสบพบเจอชะตากรรมในทิศทางเดียวกับพ่อ ซึ่งแน่นอนว่ามันประหลาดและประดิษฐ์อย่างถึงที่สุด เพราะตัวละครเปลี่ยนแปลงตัวเองจากหลังมือเป็นหน้ามือด้วยระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที และมันไม่มีคำอธิบายใดๆ อยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านั้นเลยแม้แต่นิดเดียว
ผู้เขียนไม่รู้ว่าควรโทษที่ตัวบทหรือการกำกับกันแน่ เพราะทั้งสองอย่างต่างอ่อนแอจนเอาแน่เอานอนไม่ได้ ราวกับว่าฟูจิอิไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าเรื่องไหนเป็นประเด็นความขัดแย้งหลักที่ต้องการจะนำเสนอให้กับผู้ชม เขาเปลี่ยนจากโครงเรื่องหนึ่งไปสู่อีกโครงเรื่อง และในท้ายที่สุด ทั้งโครงเรื่องและตัวละครก็ไม่ได้รับการเติมเต็มอย่างเหมาะสม
บทสรุปหลังรับชม The Village
อย่างไรก็ตาม หากเรามองประเด็นที่ดูจะจับต้องได้มากที่สุดในเรื่องก็คงจะเป็น วัฒนธรรมละครโนที่ค่อยๆ ล้มหายตายจากไป เพราะการเข้ามาของบริษัทยักษ์ใหญ่ในหมู่บ้าน และการใช้อำนาจในการโกหกเพื่อเปลี่ยน ‘ดำ’ เป็น ‘ขาว’ ของนายทุน ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ฟูจิอิอยากจะเล่ามากที่สุด แต่ผู้เขียนก็ไม่อาจทราบได้ว่า เหตุใดเขาถึงเลือกที่จะให้เวลากับสิ่งที่ดูไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยแทนที่จะเป็นเรื่องเหล่านี้
ตัดกลับมาทางฝั่งของตัวละครบ้าง ยู คาตายามะ เป็นตัวละครที่ถูกเซ็ตขึ้นมาว่าเขาเป็นคนที่ถูกสังคมกีดกันเป็นเวลานาน แต่เขากลับได้รับความรักและความเสน่หาทั้งหมดในชั่วข้ามคืน ซึ่งแน่นอนว่ามันเปลี่ยนแปลงตัวเขาจนแทบจะจำเค้าเดิมไม่ได้ เหมือนกับมุกตลกที่เล่นกันทั่วไปอย่าง ‘ความรักชนะทุกสิ่ง’
ส่วนตัวละครที่เป็น Plot Point หรือจุดหักเหของภาพยนตร์อย่าง มิซากิ และ โทรุ (วาตารุ อิจิโนเสะ) ก็ดูเหมือนมีนัยที่จงใจเสียเหลือเกิน การมีอยู่ของสองคนนี้คือสิ่งที่ทำให้ยูเกิดการพัฒนาภายในเรื่อง มิซากิเป็นเหมือนธงที่ฟูจิอิตั้งเอาไว้ว่า เธอจะต้องเข้ามาเปลี่ยนแปลงยูให้กลายเป็นชายหนุ่มที่ตั้งใจทำงานและรักบริษัท ซึ่งเป็นสิ่งที่สวนทางกับตัวตนของเขาในช่วงแรกอย่างถึงที่สุด เพราะต้นเรื่องเราจะเห็นได้ว่า ยูไม่ใช่คนที่รักบริษัท และเขากล้ำกลืนทำงานเพื่อใช้หนี้แทนแม่เท่านั้น
ทางด้านของ โทรุ ที่เป็นเหมือนเจ้านายและเพื่อนร่วมงานในบริษัท เขามักจะแสดงท่าทีโกรธเกลียดต่อยู และแสดงอาการหึงหวงต่อมิซากิ แน่นอนว่าด้วยลักษณะนิสัยแบบนี้เราคงไม่ต้องแง้มอะไรอีกแล้วว่าธงที่ฟูจิอิตั้งเอาไว้ให้กับชายหนุ่มร่างกำยำนั้นคืออะไร เพราะมันเป็นสิ่งที่หลายคนเดาได้ตั้งแต่แรกเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันโจ่งแจ้งเกินไปจนเหมือนยัดเยียด
แม้นักแสดงจะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถ และมีบางฉากที่สมควรได้รับคำชมจากใจจริง ผู้เขียนก็ขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า การแสดงของพวกเขาคือสิ่งที่ช่วยชีวิตภาพยนตร์เอาไว้ พอๆ กับงานภาพที่ถูกถ่ายออกมาด้วยความประณีตของ โทโมยูกิ คาวาคามิ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้
โดยสรุปแล้วนั้น Village เป็นหนังที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและยุ่งเหยิงในหลายประเด็น แต่หากมองโดยภาพรวมจะพบว่านี่คือหนังที่มีบทหนังที่เต็มไปด้วยกิมมิกที่น่าพิศวงเรื่องหนึ่ง หนังอาจจะใช้วิธีเล่าที่ไม่ได้ตรงไปตรงมา อาศัยสัญลักษณ์และพฤติกรรมต่าง ๆ เป็นตัวแทน แต่ก็นับว่าม้วนจบสรุปได้อย่างงดงาม พร้อมกับการแสดงที่เข้าขั้นยอดเยี่ยมของ ริวเซย์ โยโกฮามะ ที่แบกหนังทั้งเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างดีงาม
ประเภท: ดราม่า / ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ: มิจิฮิโตะ ฟูจิอิ
นำแสดงโดย: ริวเซย์ โยโกฮามะ, ฮารุ คูโระกิ, อาระตะ ฟูรุตะ
ความยาว: 120 นาที
กำหนดฉายในไทย: 16 มิถุนายน 2023 (ที่ Netflix)