รีวิว Bullet train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า : มหากาพย์แอ็คชั่นของ Brad Pitt
รีวิวหนังฝรั่ง แอ็คชั่น คอมเมดี้ ตลกร้าย เรื่อง Bullet train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า 2022 จากนิยายขายดีของญี่ปุ่น ภาพยนตร์ที่บู๊สนุกสุดมันส์แห่งปี ได้ผู้กำกับมากความสามารถ เดวิด ลิตช์ (David Leitch) จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อภารกิจฉกของง่ายๆ บนรถไฟหัวกระสุน กลายเป็นสนามรบสุดเดือดบนขบวนรถไฟ ที่เต็มไปด้วยนักฆ่าจากรอบโลก นำแสดงโดย แบรด พิตต์ รับบท เลดี้บั๊ก ,โจอี้ คิง รับบท พริ้นซ์ ,ไมเคิล แชนนอน รับบท ไวต์ เดธ ,แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน รับบท แทงเกอร์รีน ,ซาซี่ บีตซ์ รับบท ฮอร์เน็ต ,โลแกน เลอร์แมน รับบท ไอ้ลูกชาย ,ฮีโรยูกิ ซานะดะ รับบท ผู้เฒ่า ,ไบรอัน ไทรี เฮนรี่ รบบท เลม่อน ,แบด บันนี่ รับบท วูลฟ์ ,แอนเรีย มูนอซ รับบท มิสซิสวูลฟ์ ,แซนดร้า บูลล็อก รับบท มาเรีย บีเทิล สามารถไปติดตามรับชมหนังเรื่องอื่น ๆ ได้ที่ ดูหนังออนไลน์
รีวิว Bullet train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า ดัดแปลงบทมาจากเรื่องราวในหนังสือนิยายแนวแอ็กชัน
แซ็ก โอลเกวิคซ์ (Zak Olkewicz) ผู้เขียนบทหนัง bullet train ภาคต่อ เรื่องนี้ ดัดแปลงบทมาจากเรื่องราวในหนังสือนิยายแนวแอ็กชันของญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า ‘Maria Beetle’ (2010) ผลงานของ อิซากะ โคทาโร (Kotaro Isaka) ซึ่งเรื่องดั้งเดิมเป็นการเล่าเรื่องการดวลกันของนักฆ่าบนรถไฟชิงกังเซน
ซึ่งถ้าใครถ้าอยากหามาอ่านก่อนดูหนัง ก็สามารถติดต่อสำนักพิมพ์กำมะหยี่ ถามหาหนังสือเล่มนี้ฉบับแปลไทยในชื่อว่า ‘รถไฟสายนักฆ่า’ หนังสือลำดับที่ 2 ในชุด ‘ไตรภาคนักฆ่า’
เรื่องย่อ Bullet train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า
bullet train เรื่องย่อ เลดี้บั๊ก นักฆ่าพาซวย ที่โชคชะตามักจะมีอะไรเซอร์ไพรส์เสมอ กับภารกิจครั้งสำคัญที่ทำให้เขาต้องปะทะกับนักฆ่าจากทั่วโลก ทุกคนต่างมีเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกันแต่ก็ต้องต่อกรกันอย่างเลี่ยงไม่ได้บนรถไฟที่เร็วที่สุด…เขาจะลงจากขบวนรถไฟได้อย่างไร ปลายทางสุดโกลาหล เป็นจุดเริ่มต้นความระห่ำ
เตรียมเซอร์ไพรสกับกองทัพดาราใน Bullet train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า
พูดถึง bullet train สนุกไหม เป็นหนังอีกเรื่องที่ผู้ชมจะได้เซอร์ไพรสกับกองทัพดารา ทั้งที่หนังหยิบมาโปรโมตและไม่ได้โปรโมต คนที่ชัดเจนสุดคือ แซนดร้า บูลล็อค ที่โผล่มาในบทผู้จ้างงานพระเอก (หนังเผยว่าเธอแสดงตั้งแต่ในตัวอย่างแล้ว)ซึ่งดีลนี้ เกิดจากการที่ พิตต์ และบูลล็อค ตกลงกันว่าจะมาปรากฏตัวในหนังของอีกฝ่าย
เราจึงได้เห็น แบรด พิตต์ ไปโผล่ใน The Lost City ที่บูลล็อคแสดงนำเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และได้เห็นบูลล็อค มาปรากฏตัวในเรื่องนี้ นอกจากนี้หนังยังมีนักแสดงรับเชิญอีกหลายคนที่ไม่สามารถสปอยล์ได้ สำหรับตัวของ แบรด พิตต์เอง บทบาทใน Bullet Train ทำให้ผู้ชมได้เห็นเขาในโหมดที่สบายๆ ตลกหน้าตายแบบเดียวกับใน Ocean’s Eleven
ความชิลล์ของคาแร็คเตอร์เขา ส่งผลให้หนังดูสบาย ๆ ไปด้วยเช่นกัน และอีกสองคนที่โดดเด่นจนแทบจะขโมยซีน คือ แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน (จาก Avengers : Age of Ultron) และไบรอัน ไทรี่ เฮนรี่ (จาก Eternals) ในบทสองนักฆ่าฝาแฝดที่ไม่เหมือนกันเลย กับหน้าที่เฝ้ากระเป๋าต้นเรื่อง เป็นสองนักแสดงที่เคมีอารมณ์ขัน เข้ากับพิตต์ได้ดีเหลือเกิน หลายฉากจะเห็นพวกเขารับส่งกันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำให้หนังสมูธมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่ทำให้ Bullet train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า บันเทิงขีดสุด
สิ่งที่ทำให้ Bullet Train บันเทิงขีดสุด คือ ความชุลมุนวุ่นวายของหนัง การที่หนังค่อยๆวางหมากไว้มากมายตอนต้นเรื่อง ปูรายละเอียดตัวละครเอาไว้ ใส่ดีเทลไว้มากมาย แล้วหยิบมายำใหญ่มโหฬารในช่วงท้าย กลายเป็นจุดเด่นที่ชัดเจนมากๆ ได้ฟีลคล้ายการดูหนัง เควนติน ทารันติโน่ อาจจะไม่คมเท่า แต่ก็ดูง่ายกว่า
ผสมกับฉากแอ็กชันที่ดุเดือด ตามสไตล์ของ เดวิด ลีทช์ ที่แม้ว่าฉากต่อสู้จะถูกออกแบบมาให้ดุดัน โหดระดับเรต R แต่มันก็แฝงด้วยอารมณ์ขันที่ร้ายกาจตลอดเวลา อาทิ ฉากที่พระเอกต้องต่อสู้กับนักฆ่าอีกคน บนรถไฟขบวนเงียบ
กลายเป็นฉากต่อสู้ที่พวกเขาห้ามส่งเสียงอะไรทั้งนั้น ซึ่งในหนังจะมีฉากต่อสู้แปลกๆ ที่ทั้งโหด ทั้งมันส์ และทั้งฮา ประกอบเอาไว้อยู่มากมาย ถ้าจะอธิบายอารมณ์ของหนัง ที่ใกล้เคียงสุดก็น่าจะเป็น Deadpool 2 ของลีทช์นั่นเอง (ซึ่ง แบรด พิตต์ ก็เคยไปรับเชิญในนั้นด้วย)
รีวิว Bullet train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า เล่าเรื่องหลักตัดสลับกับการเล่าเรื่องภูมิหลังของตัวละคร
ในช่วงต้นเรื่องเป็นการดำเนินเรื่องแบบรวบรัดสุด ๆ จนคนดูอาจจะเกิดอาการ งง เล็กน้อยแต่ไม่ต้องตกใจไปครับ ขอให้ทนดูไปสักพักแล้วเราจะเข้าใจเนื้อเรื่องทุกอย่างเอง เพราะผู้กำกับตั้งใจจะเล่าเรื่องหลักของภาพยนตร์ตัดสลับกับการเล่าเรื่องภูมิหลังของตัวละคร ที่เล่าออกมาได้ราบรื่นและเข้ากับจังหวะของ ภาพยนตร์แบบไม่มีติดขัด
บางคนอาจจะมองว่าตัวละครพูดมากไปแต่สำหรับผมแล้วกลับรู้สึกว่า มันพูดมากแบบนี้แหละดูกวนดีแถมยังทำให้เข้าใจว่าสาเหตุอะไรทำไมถึงเกิดเหตุการณ์ขึ้นแบบนี้เพราะในภาพยนตร์ เหตุการณ์ทุกอย่างมันเชื่อมโยงและมีเหตุผลของมันไม่เว้นแม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ ผู้กำกับเล่าออกมาได้แปลกและรู้สึกเหมือนจะสนุกสนานกับการใส่เซอร์ไพรส์ให้เราคนดูตื่นเต้นได้ตลอด
ช่วงกลางเรื่องหลังจากที่เนื้อเรื่องต่าง ๆ เริ่มเข้าที่เข้าทางก็จะเข้าสู่ฉากแอคชั่นที่ดูเท่ มัน เจ็บแทนคนดูจริง ๆ ผู้กำกับยังคงลายเซ็นของตัวเองเอาไว้จากหนังเรื่องก่อน ๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากดวลปืน ฉากคิวบู้เป็นที่สุดของจริง จัดเต็มทั้งเลือดและมุมกล้องเท่ ๆ ที่จะทำให้เรารู้สึกว่า “มันเกินปุยมุ้ย” ถึงแม้จะเป็นฉากแอคชั่นที่ไม่ได้ยาวสะใจ
แต่ก็สามารถกลบจุดด้อยได้มุกตลกและเนื้อเรื่องที่ชวนสงสัยตลอด ไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่องมุกตลกขึ้นมาแล้วผมขอเตือนก่อนเลยว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีมุกจนเราขำก๊าก เพราะภาพยนตร์จะนำเสนอมุกแนวตลกร้ายซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้ผมกลับชอบตรงจุดนี้อย่างมากมันทำให้หนังดูกวนโอ๊ย และเข้ากันกับบรรยากาศและนิสัยของตัวละคร คงเป็นทางถนัดของผู้กำกับเขาที่สามารถเล่นตลกกับมุกประเภทนี้ได้
บทสรุป Bullet train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า
ในช่วงท้าย ๆ จะเป็นการคลี่คลายปมต่าง ๆ ที่เมื่อเฉลยแล้วมีหักมุมเบา ๆ ไม่ถึงกับเปลี่ยนเรื่องทั้งเรื่องไปอีกแบบแต่ก็สามารถทำให้เราตกใจได้เล็กน้อย แล้วก็จบหนังแบบอ้าวจบซะละ ส่วนเรื่องของปมปัญหาต่าง ๆ มีบางจุดไม่ได้คลี่คลายแต่ด้วยความยาวของภาพยนตร์ผมถือว่ารับได้ ไม่ถึงกับต้องให้คนดูกลับไปนอนตีความกันเอาเอง สามารถดูเอาความบันเทิงได้อย่างแน่นอน
ชื่อเรื่อง Bullet Train ระห่ำด่วน ขบวนนักฆ่า
ประเภท แอคชั่น / ระทึกขวัญ
นำแสดงโดย แบรด พิตต์, ไมเคิล แชนนอน, โจอี้ คิง, แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน
กำกับโดย เดวิด ลิตช์
กำหนดฉาย 11 สิงหาคม 2022
ความยาว 126 นาที
ขอแนะนำหนังที่ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็กก็ดูได้ไม่มีเบื่อ ติดตามรับชมได้ที่ รีวิวหนัง Guillermo del Toro’s Pinocchio