รีวิวหนัง Unlocked – แค่ทำโทรศัพท์มือถือหาย ทำไมต้องกลายเป็นศพ
รีวิวหนังฝรั่ง Unlocked หนังที่แค่ชื่อเรื่องก็ทำเอาผวาแล้วจ้า เล่าเรื่องราว แค่ทำโทรศัพท์หายก็สามารถกลายเป็นศพได้ ดูหนังออนไลน์ แนวปริศนาระทึกขวัญ เรื่อง Unlocked (2023) ดัดแปลงจากเรื่องแต่งของ อากิระ ชิงะ นักเขียนชาวญี่ปุ่น ชื่อหนังสือแปลเป็นภาษาไทยว่า ‘ฉันแค่ทำโทรศัพท์หล่น’ กำกับโดย คิมแทจุน นำแสดงโดย อิมชีวาน นักแสดงที่เคยรับบทโหดๆ มาแล้วจากซีรีส์ Stranger From Hell ด้วยเรื่องราวใกล้ตัวที่ว่าด้วยการติดมือถือจนกลายเป็นภัยโดยไม่รู้ตัว หากคุณสนใจหนังเรื่องนี้ สามารถไปติดตามรับชม ดู unlocked (2023)
รีวิวหนัง Unlocked หนังเกาหลีที่ได้รับการดัดแปลงจากมังงะญี่ปุ่น
รีวิว unlocked netflix เป็นหนังที่ดัดแปลงมากจากมังงะญี่ปุ่น และเคยถูกสร้างเป็นหนังญี่ปุ่นมาแล้วในชื่อ Stolen Identity เมื่อปี 2018 พอมาเป็นเวอร์ชันเกาหลีใต้ ก็ได้มอบหมายให้ คิม เทจุน อดีตนักแสดงที่ ผันตัวมาเป็นผู้กำกับได้ลองมือเป็นเรื่องแรก
ซึ่งเดิมทีทางค่าย CJ ผู้สร้างวางแผนไว้ว่าจะฉายในโรงภาพยนตร์ แต่ไม่ทราบด้วยเหตุผลกลใด ถึงเปลี่ยนใจย้ายมาลง NETFLIX เสียแทน แต่ก็ได้รับผลตอบรับดี หนังเข้าชาร์ตอันดับต้น ๆ ทันทีหลังจากเปิดตัวแค่ไม่กี่วัน
เรื่องย่อ Unlocked
Unlocked แค่ทำโทรศัพท์มือถือหาย ทำไมต้องกลายเป็นศพ หนัง unlocked netflix เป็นเรื่องราวของ นามิ สาวนักการตลาด ที่บริษัทสตาร์ทอัปแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าวันหนึ่งเธอทำโทรศัพท์มือถือหาย แต่เคราะห์ดีที่ได้กลับคืนมา ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสงบสุขในชีวิตของเธอก็ได้หายไปเพราะถูกคุกคาม
ขณะที่ จุนยอง ผู้ที่บังเอิญเก็บโทรศัพท์ของนามิมาได้ ก่อนจะนำส่งคืน เขาได้ใช้โทรศัพท์เข้าหาเธอและใช้เป็นเครื่องมือในการก่อเหตุอาชญากรรม โดยที่เธอไม่ได้ล่วงรู้ใด ๆ
ส่วนอีกฟากของเมือง จีมัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบกำลังเสาะหาเบาะที่เกี่ยวกับเหตุฆาตกรรมในหุบเขา และเขาได้พบเงื่อนงำบางอย่างที่บ่งชี้ว่า จุนยอง ลูกชายที่หายตัวไปของเขาเป็นผู้ก่อเหตุ
ใครชอบหนังแนวฆาตกรต่อเนื่องไม่ควรพลาด Unlocked
รีวิว unlocked netflix หนังดัดแปลงมานิยายของ อากิระ ชิงะ ที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังญี่ปุ่น “Stolen Identity” ทั้ง 2 ภาคในปี 2018 กับ 2020 ที่ผ่านมา โดยได้ผู้กำกับหน้าให่ “คิมแทจุน” มารับหน้าที่กำกับและเขียนบทหนัง ที่ต้องบอกว่าองค์ประกอบทุกอย่างออกมาได้ดีตามมาตรฐาน เพียงแค่น่าผิดหวังสักเล็กน้อย
เพราะว่าหนังหาความแปลกใหม่ไม่ค่อยจะเจอเท่าไหร่นัก อาจจะเป็นเพราะว่าหนังแบบ Unlocked เรื่องนี้นั้นเป็นหนังประเภทหนังเกาหลีเคยสร้างออกมาแล้วบ่อย ๆ เห็นได้แทบจะทุกปี มันจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่อะไรอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าหนังจะหยิบเอาประเด็นอาชญากรรมไซเบอร์ขึ้นมาเป็นเรื่องราวหลักในการเล่าเรื่องนั้น แต่ทุกอย่างเป็นไปด้วยพล็อตสูตรสำเร็จที่ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากที่คาดเดาได้อยู่แล้ว
หนังที่ว่าด้วยฆาตกรต่อเนื่องนั้นมักจะได้รับความสนใจอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องนี้ยังเพิ่มประเด็นเรื่องเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือเข้ามาอีก ด้วยการเขียนให้ตัวฆาตกรเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านโทรศัพท์มือถือ ก็ยิ่งทำให้หน้าหนังน่าสนใจมากขึ้นไปอีก ไม่เพียงแค่นั้น ทีมผู้สร้างยังเลือกใช้ อิมชีวาน อดีตบอยแบนด์วงเจอา (ZE:A)
ที่หันมาเอาดีในวงการแสดง แล้วนี่ก็เป็นครั้งที่่ 2 แล้วที่ชีวานได้รับบทเป็นตัวร้ายโรคจิตต่อจาก ไฟลต์คลั่ง ฝ่านรกชีวะ (Emergency Declaration) หนังแอ็กชันฟอร์มใหญ่เมื่อปี 2021 ซึ่งที่จริงด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาสไตล์บอยแบนด์ของชีวานนั้นเป็นพระเอกได้สบาย ๆ แต่ด้วยการสื่อความโรคจิตผ่านทางสายตานี่ล่ะ
ที่ส่งให้เขาเริ่มจะไปได้ดีกับบทวายร้ายโรคจิต และในเรื่องนี้ล่ะ ที่บทยุนจองของเขาที่ทำหน้าที่เฟืองสำคัญให้เรื่องราวเดินไปข้างหน้าได้อย่างน่าติดตาม แต่ละนาทีที่หนังเดินหน้าไป ก็ยิ่งทำให้ผู้ชมได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของจุนยอง จากจำนวนศพหญิงสาวที่ค้นพบมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เรารับรู้ว่าเขาคือฆาตกรอำมหิตจริง ๆ
ที่ฆ่าคนเป็นผักปลาเพื่อความสนุกอย่างเดียว บวกกับความเชี่ยวชาญในการใช้โทรศัพท์มือถือ ว่าเขาใช้โทรศัพท์มือถือทำอะไรเหยื่อได้บ้าง ซึ่งจุนยองก็สนุกกับการเล่นกับเหยื่อก่อนลงมือฆ่า ด้วยการกลั่นแกล้งนามิต่าง ๆ นานาผ่านสื่อโซเชียล ตรงนี้ล่ะที่จัดว่าเป็นจุดเด่นของ UNLOCKED ที่เราได้อึ้งกับความสามารถของตัวร้ายที่ค่อยเผยออกมา และทำให้รู้สึกว่าจุนยองเป็นฆาตกรที่น่ากลัว
ความรู้สึกหลังรับชม Unlocked
หนังจบด้วยภาพฟุตเทจผู้คนบนท้องถนน ที่ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาจดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ เหมือนกับเป็นการกระตุ้นให้ฉุกคิดว่า ถ้ามีคนที่เชี่ยวชาญโทรศัพท์มือถือแล้วเป็นฆาตกรต่อเนื่องอย่างจุนยองขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ จะน่ากลัวเพียงไหน แล้วเราจะป้องกันตัวกันอย่างไร ซึ่งวันนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย
เพราะเรา ๆ เองก็เผชิญกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กันอยู่ทุกวัน ๆ ซึ่งคนเหล่านี้ก็จัดว่าเชี่ยวชาญเทคโนโลยีมือถือเพียงแต่พวกนี้มุ่งไปที่เงินในบัญชี ยังไม่ได้มุ่งร้ายเอาชีวิตใครอย่างที่จุนยองทำ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นจริง เพราะ UNLOCKED นี่ก็เปรียบเหมือนเหตุการณ์จำลองที่ถูกเตือนใจขึ้นมาโดยประเทศผู้ผลิตมือถืออันดับ 1 ของโลกเองเลย
หากมองในแง่ของพล็อตบท และความเป็นงานดัดแปลงมาจากหนังและนวนิยายญี่ปุ่นเรื่อง Stolen Identity เมื่อหลายปีก่อน จึงเป็นเรื่องที่รู้ ๆ กันอยู่แล้วในโลกความเป็นจริงวันนี้ เนื้อหาหลัก ๆ
จึงอาจคาดเดาได้ไม่ยาก ไม่ตื่นเต้นนัก แต่ต้องยกความดีงามให้กับผู้กำกับที่สามารถเล่าออกมาได้น่าตื่นเต้นระทึกเสียววูบดี ด้วยภาพและซาวน์ที่ได้จังหวะบิวด์จังหวะลุ้น และเข้าถึงอารมณ์ เสริมด้วยลีลาหน้าจิต ๆ ของ อิมชีวาน และความตื่นตระหนกกลัวของ ชอนอูฮี
นอกจากนี้ งานกราฟฟิคเล่าไลฟ์สไตล์ของชีวิตบนโทรศัพท์ และเทคนิคการใช้ภาพสมจริงบนจอโทรศัพท์แทนสายตาสตอล์คเกอร์ก็ทำได้น่าสนใจ แปลกตาไปจากแบบเดิม ๆ ที่เคยเห็นมา ยิ่งเมื่อบอกว่านี่เป็นงานเดบิวท์ของผู้กำกับ ก็ถือว่าสอบผ่านเลยแหละ
รีวิวหนัง Unlocked ในโลกที่มือถือกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
ผู้กำกับคิมแทจุนได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า โทรศัพท์มือถือกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันผู้คนไปแล้ว โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ตัวเขาเองก็ไม่ต่างกัน “ในตอนที่ผมกำลังถ่ายหนังเรื่องนี้อยู่ ผมสังเกตว่าคนในรถใต้ดินมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์จะสวมมาสก์แล้วจมอยู่กับหน้าจอสมาร์ทโฟนของตัวเอง เอาจริงๆ ผมว่ามันเป็นภาพที่สยองๆ อยู่เหมือนกันนะครับ”
ส่วนนักแสดงสาวชอนอูฮี ผู้รับบทนามิ ได้เล่าว่าตัวเธอเองหลังจากแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เปลี่ยนพาสเวิร์ดโทรศัพท์ ทั้งยังไม่เปิดมือถือ วางคว่ำไว้บนโต๊ะ เพราะรู้สึกเหมือนว่ามีใครสักคนกำลังมองเธอผ่านเลนส์กล้องมือถืออยู่
สำหรับใครที่ชอบดูหนังฆาตกรรมระทึกขวัญ น่าจะจับสูตรสำเร็จของหนังแนวนี้ได้ ถ้าเรื่องไหนคนร้ายยิ่งโหดหนังยิ่งมีความลุ้นระทึกมากขึ้น แต่ UNLOCKED ก็ดูเหมือนจะพยายามฉีกตัวเองออกจากสูตรสำเร็จนี้ หนังเผยให้เห็นแต่ความสามารถของจุนยองในการใช้โทรศัพท์มือถือ แต่ตลอดเรื่องเราไม่ได้เห็นจุนยองลงมือกับเหยื่อรายใดเลย
ไม่เห็นเหยื่อรายก่อนหน้านามิ มีแต่ภาพศพที่ถูกขุดเจอเพียงเท่านั้น ซึ่งเมื่อหนังดำเนินไปถึงฉากไคลแมกซ์ เราก็ยังคงได้เห็นแต่รอยยิ้มของจุนยองที่ได้เล่นสนุกกับเหยื่อ แต่ก็ไมได้เห็นถึงความโหดอำมหิตอย่างที่หนังได้พูดถึงเหยื่อที่ผ่านมาของเขา
มันก็เลยกลับกลายเป็นว่าความบันเทิงของ UNLOCKED คือการได้เห็นความสามารถของจุนยองที่สนุกกับการกลั่นแกล้งนามิ แต่กลับไม่ได้รับความระทึกกับการไล่ล่าอย่างที่ควรมีในหนังแนวนี้ ใช้คำว่า “เป็นหนังฆาตกรโรคจิตที่แทบไม่มีเลือดให้เห็น” เลยก็ว่าได้
บทสรุปหลังดู Unlocked
แม้จะมีหลายเรื่องปลีกย่อยของบทที่ดูอ่อนเหตุผลหรือชวนอึดอัดขัดใจไปบ้าง แต่จุดอ่อนสำคัญสุดของเรื่องนี้ น่าจะอยู่ที่การถูกชี้นำด้วยชื่อเรื่องไทยที่ว่า ‘ทำไม’ ซึ่งมีพลังดึงดูดในการถาม แต่กลับไม่เจอคำตอบที่มีน้ำหนักนัก
เพราะการไม่ได้ขยายปมที่มาของตัวละครสำคัญ ๆ เช่น โอจุนยอง หรือ อูจีมัน ให้มีเนื้อมีหนัง มีมิติ หรือชวนสำรวจ ทำให้ผู้ชมถูกกรอบด้วยเหตุผลผิว ๆ หลวม ๆ ที่ไปได้ไม่สุด ความโกรธเกลียดหรือสลดใจเลยสะดุดห้วนไปเฉย ๆ ซะงั้น ก็ถือเสียว่าเป็นการโฟกัสเฉพาะรายละเอียดฝั่งเหยื่อกับภัยที่เกิดมากกว่า
ดังนั้น คุณค่าสำคัญของเรื่องนี้ ก็คงต้องยกให้กับประเด็นเตือนสติการใช้โทรศัพท์ เพิ่มความระมัดระวัง ลดความเป็นสังคมก้มหน้า ติดโทรศัพท์ที่มากเกินไปได้บ้าง จริง ๆ แล้วนอกจากลดโอกาสเกิดเหตุแล้วก็ยังอาจเพิ่มโอกาสของเรื่องดี ๆ ได้ด้วยนะ
ประเภท: ระทึกขวัญ / อาชญากรรม
ผู้กำกับ: คิมแทจุน
นำแสดงโดย: อิมชีวาน, ชอนอูฮี, คิมฮีวอน
ความยาว: 116 นาที
กำหนดฉายในไทย: 17 กุมภาพันธ์ 2023
ติดตามหนังใหม่ได้ที่ รีวิวหนัง ASHFALL นรกล้างเมือง