รีวิว twilight 2011 Part 1

เดินทางมาถึงภาคที่ 4 กันแล้วกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Twilight หลังจากบทความก่อนหน้าเราได้รีวิวทไวไลท์ภาคแรก, นิวมูน และอีคลิปส์ ไปแล้วนะคะ ซึ่งภาคนี้ก็สนุกและน่าติดตามไม่แพ้สามภาคก่อนหน้าเลย ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปนิดหน่อยก็คือในภาคนี้คือได้ บิล กอนดอน (Bill Condon) ที่เคยสร้างผลงานกำกับภาพยนตร์เพลง Dreamgirls มาแล้ว และแน่นอนว่าครั้งนี้เขาก็ทำมันออกมาได้ดีสมชื่อค่ะ ซึ่งในหนังสือเนี่ยภาคเบรกกิ้งดอนมีหนึ่งภาค แต่ทีมผู้ผลิตอยากจะแยกเนื้อเรื่องออกเป็นสองภาค เพราะพวกเขาอยากจะแต่งเสริมรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงไปอีกนิด แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สนุกเท่าฉบับหนังสือนะคะเพราะนักเขียนสเตเฟนี่ เมเยอร์ (Stephenie Meyer) ได้มาเป็นหนึ่งในผู้เขียนบทอีกด้วย ดังนั้นเนื้อเรื่องหลักจะยังไม่เปลี่ยนแน่นอน รีวิวหนังฝรั่ง

เนื้อเรื่องในภาคที่ก็จะเป็นการเล่าชีวิตรักของเบลล่าและเอ็ดเวิร์ดเป็นหลัก มีทั้งฉากแต่งงานหวานฉ่ำ ฮันนีมูนสุดร้อนแรง รวมไปถึงข่าวดีของคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่ไม่คาดคิดอีกด้วย และแน่นอนว่าภาคที่ก็ยังมีการสู้รบปรบมืออยู่ และศัตรูก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกลแต่เป็นฝูงหมาป่าที่เพิ่งจับมือกันถล่มแวมไพร์เกิดใหม่ไปในภาคที่แล้วนั่นเอง รวมถึงการพยายามเป็นที่ยอมรับของสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่ทุกคนต่างมองว่าเป็นภัยร้าย ขอบอกเลยว่าภาคนี้สนุกและน่าติดตามไม่แพ้ภาคก่อนหน้าเลยค่ะ เพราะเราจะได้ล่วงรู้ถึงเรื่องราวความเป็นมาของแวมไพร์เพิ่มขึ้นอีกระดับอย่างที่ไม่คาดฝันมาก่อน…

รีวิว twilight 2011 Part 1 ดูหนัง 

รีวิว twilight 2011 Part 1

เรื่องราวก็ดำเนินมาถึงภาค 4 ซึ่งเป็นภาครองสุดท้ายครับ ภาคนี้เป็นภาคที่ดูจะมีสาระมากที่สุดในบรรดาทุกภาคเลยก็ว่าได้ เพราะมีหลายประเด็นที่น่าสนใจให้น่าติดตาม และมีหลายสิ่งที่คาดไม่ถึง

เมื่อภาคที่แล้วเบลล่าตัดสินใจเลือกเอ็ดเวิร์ด และตกลงแต่งงานกัน จากนั้นก็พากันไปฮันนีมูน และเบลล่าก็พยายามทำทุกวิธีเพื่อให้เอ็ดเวิร์ดยอมเปลี่ยนเบลล่าให้เป็นแวมไพร์ แต่มันก็ติดปัญหาอยู่ตรงที่ฝูงหมาป่าเผ่าควิลยูต เคยเตือนเอ็ดเวิร์ดไว้ว่าถ้าหากเขาเปลี่ยนเบลล่าเป็นแวมไพร์ สงครามของ 2 เผ่าพันธุ์จะต้องเกิดขึ้น บวกกับเอ็ดเวิร์ดมองว่าการเป็นแวมไพร์ไม่ใช่สิ่งที่พึงประสงค์นัก เพราะเค้าเองก็จำใจเลือกที่จะต้องเป็นก็เลยทำให้เอ็ดเวิร์ดใช้เหตุนี้ในการไม่ยอมเปลี่ยนเบลล่า

รีวิว twilight 2011 Part 1 Breaking Dawn

The Twilight Saga : Breaking Dawn Part 1 กำกับการแสดงโดย บิล คอนดอน หลังจากเมื่อ 5 ปีที่แล้วเขาเคยกำกับหนังเพลงจนส่งทั้งนักแสดง และ เพลงประกอบ เข้าชิงออสการ์หลายสาขามาแล้วใน Dreamgirls และมาปีนี้เขาเป็นผู้กำกับที่ได้รับเลือกให้สานต่อตอนจบของหนังชุดทไวไลท์ (นั้นรวมถึง Part 2 ของหนังก็ยังจะเป็นผู้กำกับคนนี้) ซึ่งถ้าเอาจริงๆในความคิดเห็นของผมนั้น ทไวไลท์ ภาคนี้ต้องเรียกได้ว่ามีประเด็นที่ดีเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่ด้านปัญหาการตั้งท้องในวัยเด็กของเบลล่า ที่หนังสามารถเล่าเรื่องราวต่างๆในปัญหาเหล่านั้นออกมาได้สนุก ปนเปไปกับมุขตลกของหนัง และ ฉากแอ็คชั่นตอนท้ายเรื่อง ที่เรียกได้ว่าเป็นเสน่ห์ของ ทไวไลท์ ก็ได้ที่สามารถเล่าเรื่องออกมาได้ดูเพลินๆเช่นนี้ (ยกเว้นตอน New Moon ที่คิดว่ามันน่าเบื่อที่สุด)

และนั้นรวมไปถึงการพัฒนาด้านการแสดงของ คริสเต็น สจ๊วต และ โรเบิร์ต แพททินสัน ที่ถือว่าภาคนี้เล่นกันได้เข้าขา แบบไม่มีติดขัดเหมือนภาคแรกๆ ที่ต้องขอชื่นชมโดยเฉพาะด้านของ คริสเต็น สจ๊วต ที่ในภาคนี้ต้องแต่งเป็นผู้หญิงโทรมๆทั้งเรื่อง จึงมีฉากมากมายให้เธอได้ปล่อยการแสดงดีๆออกมา แต่อย่างไรก็ตามสำหรับใน ทไวไลท์ ภาคนี้ก็ยังถือว่ามีข้อเสียอยู่มากมาย เริ่มตั้งแต่ด้านของ การเล่าเรื่อง ของหนังที่ในช่วงครึ่งแรกนั้นรู้สึกว่า เอื่อย เฉื่อย และไม่มีอะไรเลยสักนิดนอกจากจูบ และ สวีท กัน ซึ่งฉากเหล่านั้นเห็นได้ชัดเลยว่าพยายามจะดึงอารมณ์แนวสวีทจากภาคหนึ่งของหนังกลับมาให้แฟนๆคิดถึงอีก

รีวิว twilight 2011 Part 1

เรื่องเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นมาอีก คือเบลล่าตั้งท้อง ทุกคนตกใจมากเพราะไม่เคยมีการตั้งท้องในแวมไพร์มาก่อน และปัญหาที่ตามมาคือเบลล่าเริ่มร่างกายทรุดโทรม เพราะเด็กในท้องที่มีสายเลือดแวมไพร์กำลังสูบเลือดแม่ตัวเองและเอ็ดเวิร์ดก็ให้เบลล่ากินเลือดเข้าไปทดแทน

หนังน่าสนใจตั้งแต่เริ่มเรื่องที่ทั้งคู่ไปฮันนีมูน ในฉากอีโรติคของทั้งคู่คือเข้าใจแล้วว่าทำไมเอ็ดเวิร์ดถึงพยายามยับยั้งชั่งใจ ดูหนังออนไลน์ เพราะเฮียแกเป็นคนรุนแรงนี่เอง เตียงหักเลยอะ แต่ทำไมเบลล่ายังดูชิลก็ไม่รู้ ฮ่าๆ ๆ ๆ

เบลล่าท้องได้ไง ก็ในเมื่อไม่มีการท้องในแวมไพร์มาก่อน ซึ่งการมีความสัมพันธ์ของแวมไพร์มักจะเกิดในแวมไพร์ด้วยกัน แต่ครั้งนี้เป็นแวมไพร์และมนุษย์ อาจจะเป็นข้อยกเว้นก็ได้ที่ทำให้มีโอกาสตั้งท้อง

หลังจากเหตุการณ์ตั้งท้อง หนังพยายามสอดแทรกความเป็นความตายที่คาดเดาไม่ได้ สำหรับใครที่ไม่ได้อ่านหนังสือมาก็จะได้ลุ้นครับว่าเหตุการณ์จะดำเนินต่อไปอย่างไร เพราะบอกได้เลยว่าพลิกผันตลอดเวลา

คะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 เนื้อเรื่องมีความเข้มข้น น่าสนใจในพาร์ทที่เบลล่าท้องลูกแวมไพร์ หนังดำเนินเรื่องให้เรามีความอยากติดตามว่าเบลล่าจะพบจุดจบอย่างไรจะรอดไหม แทนที่พระเอกจะเปลี่ยนเบลล่าเป็นแวมไพร์ก็ลีลาอยู่นั่น ทำให้เบลล่าทรมานไม่จบไม่สิ้นซักที

สรุป Twilight 4 ก็ถือว่าเป็นอีกภาคที่หนังทำมาได้แค่ระดับพอดูเพลินๆ ถึงแม้จะแฝงด้วยประเด็นด้านการตั้งท้องที่ดี แต่หนังกลับใช้วิธีการเล่าเรื่องออกมาได้น่าเบื่อไปหน่อย แถมอารมณ์ด้านของความรักโรแมนติค ในภาคนี้ก็ยังออกมาไม่เท่าภาคแรก ส่วนด้านความสนุกของหนังก็ต้องบอกว่า มันยังไม่เท่าภาค 3

รีวิว twilight 2011 Part 1

ครึ่งแรกของแวมไพร์ภาคส่งท้าย

ขณะที่กำลังตั้งท้องอยู่นั้นร่างกายเบลล่าทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว ดูหนัง 4k และความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเอ็ดเวิร์ดก็เริ่มแย่ลง เพราะเขาไม่อยากเก็บเด็กในท้องเอาไว้ รวมถึงครอบครัวคัลเลนเองก็เริ่มแบ่งออกเป็นสองฝ่าย เรื่องถึงหูเจคอบทำให้เขาโกรธจนบุกมาถึงบ้านคัลเลน หลังจากเปลี่ยนใจเบลล่าไม่ได้เจคอบยอมออกจากกลุ่มหมาป่าแลมาดูแลเบลล่าแทน ทำให้ตัวเขาเองก็มีปัญหากับหัวหน้ากลุ่มเพราะหมาป่าเองก็ต้องการกำจัดเบลล่าที่จะให้กำเนิดแวมไพร์ ส่วนตัวเบลล่าเองก็ต้องอดทนเพื่อให้ลูกของเธอได้ออกมาลืมตาดูโลก ถึงแม้ร่างกายของเธอจะซูบผอมจนเหลือแค่หนังหุ้มกระดูกก็ตาม จนกระทั่งวันหนึ่งเบลล่าต้องทำคลอดกระทันกันแต่ตอนนั้นคัลเลนกำลังออกล่าทำให้เจคอบและเอ็ดเวิร์ดต้องช่วยกันทำคลอดเธออย่างสุดความสามารถ ทุกอย่างเป็นไปด้วยความยากลำบากและเบลล่าเองก็มีเรี่ยวแรงเหลืออยู่น้อยนิด ขณะเดียวกันฝูงหมาป่าที่ซุ่มดูเหตุการณ์ก็พร้อมโจมตีทุกวินาทีหากรู้ว่ามีแวมไพร์เกิดใหม่ลืมตาดูโลก และในเสี้ยววินาทีสุดท้ายหลังจากทารกน้อยได้ออกมาลืมตาดูโลกเบลล่าก็แน่นิ่งไปอย่างน่าใจหายทำให้เจคอบทั้งโกรธและเสียใจจนอยากทำลายเด็กทิ้งเพราะเธอคือต้นเหตุแห่งการสูญเสีย แต่สุดท้ายเค้าก็ลงมือทำร้ายเด็กน้อยไม่ลง… เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องไปดูในภาค 4.2

เหตุผลที่คุณควรดู

1. ฉากทำคลอดลุ้นระทึก

ฉากทำคลอดที่เบลล่าฝืนทนเพื่อให้ได้มองหน้าลูกนี่คริสเตนแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทำเอาเราลุ้นจนจะคริวแทบจับ โดยเฉพาะตอนผ่าตลอดนี่เรียลสุด ๆ กรีดเป็นกรีด เนื้อเป็นเนื้อ เลือดเป็นเลือด และยังทำให้เราได้ใจหายใจคว่ำไปตาม ๆ กัน เนื่องจากเธอดูเหมือนจะสิ้นลมหายใจไปทันทีที่ให้กำเนิดลูกน้อย เอ็ดเวิร์ดเองก็แสดงฉากสูญเสียคนรักได้ดีมากเช่นกัน ซึ่งตัวเรื่องก็ตัดจบไว้ที่ตรงเบลล่าไม่หายใจแล้ว ทำให้เหล่าแฟน ๆ ต่างคาดการณ์ไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าสรุปแล้วเนื้อเรื่องจะดำเนินไปยังทิศทางไหนต่อไป

และกระแสตอบรับของทไวไลท์ในภาคนี้ก็ยังอยู่ในทิศทางที่ดีอยู่ค่ะเพราะหลังจากเปิดตัวได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ The Twilight Saga: Breaking Dawn – Part 1 ก็ติดหนึ่งในสิบอันดับภาพยนตร์ทำรายได้ช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดตัวสูงสุดตลอดกาล ซึ่งภาคนี้ก็สามารถทำเงินได้ถึง 712.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากทุนสร้าง 110 ล้านดอลลาร์ค่ะ นี่คือรายได้เฉพาะตั๋วภาพยนตร์ ยังไม่รวมรายได้จากการขายของที่ระลึกเลยนะคะเนี่ย แปลว่าแฟน ๆ มากมายยังรักและศรัทธาในความรักของทั้งคู่อยู่ไม่ใช่น้อยเลยนะคะ

2. จุดแตกหักระหว่างแวมไพร์และหมาป่า

ในภาคก่อนหน้านี้ดูเหมทอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างฝูงหมาป่า และตระกูลคัลเลนจะดีขึ้นแล้ว แต่หลังจากข่าวการตั้งท้องของเบลล่ารู้ถึงเจคอบก็ทำให้ฝูงหมาป่าพลอยรับรู้ตามไปด้วยเพราะหมาป่านั้นไม่สามารถอ่านความคิดของสมาชิกในฝูงได้ และข่าวดีสำหรับคัลเลนก็กลายเป็นข่าวร้ายสำหรับฝูงหมาป่าควิลยูต เพราะแวมไพร์เด็กนั้นอันตรายมากกว่าแวมไพร์เกิดใหม่มาก และลูกของเบลล่าก็มีแนวโน้มที่จะเป็นเด็กอมตะที่มีพลังทำลายล้างสูงและไม่สามารถกำจัดได้ และสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ก็เป็นภัยสูงสุดต่อเหล่าหมาป่าทำให้แซมที่เป็นหัวหน้าฝูงต้องจับตาดูครอบครัวคัลเลนทุกฝีก้าวและพร้อมจู่โจมทุกวินาที

3. ฮันนีมูนสวีทหวาน

ถัดจากงานแต่งก็ต้องไปฮันนีมูนตามธรรมเนียมฝรั่ง และซีนนี้อาจจะเป็นโมเม้นท์ที่หลายคนรอคอย เพราะตั้งแต่วินาทีแรกที่ถึงเกาะ พวกเขาก็สาดความสวีทหวานใส่กันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว และพีคสุดคือเบลล่าดูพร้อมมาก ๆ ในทริปนี้ เพราะเธอตั้งใจแล้วว่าวันนี้แหละที่ฉันจะพิชิตแวมไพร์หนุ่มให้ได้ แน่นอนว่าไม่มีผิดหวังเพราะพวกเขาสวีทกันซะบ้านช่องพังยับเยินจนเจ้าของบ้านอ้าปากค้างไปเลย ดูหนังออนไลน์ 4k

รีวิว twilight 2011 Part 1

4. ฉากแต่งงานสุดประทับใจ

Twilight ภาคนี้คือค่อนข้างสร้างมาตรฐานงานแต่งงานไว้สูงมาก เพราะบรรยากาศและชุดเจ้าสาวก็สวยราวกับเทพนิยาย เรารับร้องว่าสาว ๆ จะต้องหลงไปกับฉากนี้เหมือนดั่งต้องมนต์สะกด ซึ่งตอนต้นเรื่องเราจะได้เห็นฉากแต่งงานเล็ก ๆ ที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายเอียดที่สวยงามระหว่างเบลล่าและเอ็ดเวิร์ด ซึ่งธีมต่าง ๆ อลิซน้องสาวเอ็ดเวิร์ดจะเป็นคนคิดค่ะ

ใบหน้าของผู้เข้าร่วมงานต่างก็เต็มไปด้วยความสุขและความยินดี และคนที่มีความสุขที่สุดในฉากนี้ก็คงหนีไม่พ้นคู่บ่าวสาวอย่างเอ็ดเวิร์ดและเบลลานั่นเองค่ะ เรียกว่าเบลล่ารอคอยวันนี้มาทั้งชีวิตเลยทีเดียว ยิ่งฉากจูบหลังกล่าวคำปฏิญาณนี่ยิ่งเขินจนตัวม้วนอย่างกับได้เป็นเจ้าสาวเอง ส่วนตัวเราคิดว่างานแต่งของทั้งคู่สวยและดูอบอุ่นมาก ๆ เลย ไม่จำเป็นต้องจัดงานใหญ่โตอลังการ แต่มีงานเลี้ยงเล็ก ๆ มุมหนึ่งของบ้าน เชิญแขกและเพื่อนสนิทมาร่วมแสดงความยินดีในวันสำคัญของเราแค่นั้นก็พอแล้ว เป็นงานแต่งในฝันของเราเลยแหละ

5. ข้อมูลเกี่ยวกับแวมไพร์เด็กที่เป็นเรื่องแปลกใหม่

ในภาคนี้เราจะได้ฟังตำนานต่าง ๆ เกี่ยวกับแวมไพร์เด็ก และเหตุผลที่ว่าทำไมแวมไพร์เด็กถึงได้อันตรายนัก รวมถึงการหาทางออกเพื่อไม่ให้เด็กในท้องของเบลล่าดูดเลือดเธอไปมากกว่านี้  อีกทั้งท้องของเธอก็โตเร็วผิดหูผิดตาจากการตั้งครรภ์ของมนุษย์ทั่วไป จึงทำให้ทุกคนต้องพยายามประคับประคองร่างกายของเธอให้สามารถอยู่รอดต่อไปจนถึงวันคลอดได้ ซึ่งเราจะเห็นเอฟเฟคที่ทางทีมงานเนรมิตขึ้นมาคือการทำให้ร่างกายของนักแสดงสาวคริสเตน (เบลล่า) ดูซูบผอมเหลือแต่กระดูกได้อย่างน่าเหลือเชื่อ และเราจะได้เห็นฉากที่เบลล่าพยายามดื่มเลือดสด ๆ เพื่อต้องการให้เด็กน้อยที่อยู่ในท้องของเธอได้รับเลือดโดยตรง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *