รีวิว “The Strays” เปิดประตูสู่ความสยองขวัญ ดําดิ่งสู่ความมืดมิดทางสังคม หนังระทึกขวัญใหม่ล่าสุดจาก Netflix
รีวิว The Strays ชื่อหนังดราม่าทริลเลอร์ Netflix ที่เรากำลังพูดถึงคือ “The Strays” หรือชื่อไทย “คนหลงทาง” ซึ่งสร้างโดยนักแสดงผิวดำ Nathaniel Martello-White ที่เผยแพร่ในปี 2019 โดยมีมู๊ดโทนของคนผิวดำลึกลับระทึกขวัญ ซึ่งถูกกำกับและเขียนบทโดยตนเองเป็นเรื่องแรกของเขา ผลงานนี้ดูเหมือนได้รับแรงบันดาลใจจาก Get Out ของจอร์แดน พีล ซึ่งก็มีแนวเรื่องคุณภาพและการสื่อสารทางสังคมและสังคมที่ใกล้ตัวมาก่อนหน้านั้น นอกจากนี้เรื่องก็เน้นที่ถึงความแตกต่างระหว่างคนผิวดำกับคนผิวขาวในสังคมปัจจุบันและการแสดงให้เห็นถึงปมปัญหาที่ยังคงอยู่ในสังคม ให้ความรู้สึกที่เข้มแข็งและทริลเลอร์ให้ความสงบใจกับคนที่ชื่นชอบดูหนังใหม่อย่างแน่นอน
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง: The Strays
- ชื่อเรื่อง: The Strays / คนหลงทาง
- ประเภท: สยองขวัญ, ดราม่า, ลึกลับและระทึกขวัญ
- ผู้กํากับ: Nathaniel Martello – White
- ผู้ผลิต: Valentina Brazzini, Tristan Goligher, Rob Watson
- ผู้เขียน: Nathaniel Martello – White
- วันที่วางจําหน่าย (สตรีมมิ่งบน Netflix): 22 เดือนกุมภาพันธ์ 2023
- เวลาหนัง: 1 ชั่วโมง 40 นาที
ตัวอย่าง: The Strays
รีวิว The Strays การเปลี่ยนสีผิวและการหาตัวตนในโลกที่ไม่มีความเท่าเทียม
รีวิว The Strays เป็นหนังทริลเลอร์ที่เล่าเรื่องราวของเนฟ (นักแสดง Ashley Madekwe) คุณแม่ผิวดำที่เปลี่ยนตัวเองเป็นคนผิวขาวด้วยการผ่าตัด และมีชีวิตที่สมบูรณ์ในเมืองที่ไม่มีคนผิวดำอื่น แต่เมื่อเธอพบเห็นสองพี่น้องผิวดำที่มาเข้าอยู่ในเมือง เธอก็เริ่มมีอาการผิดปกติ และเห็นภาพหลอนของคนผิวดำที่ถูกทารุณกรรม ซึ่งเป็นความลับที่เธอซ่อนไว้เกี่ยวกับอดีตของเธอ
เรื่องนี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 แชปเตอร์ โดยแต่ละแชปเตอร์จะเล่าเรื่องราวจากมุมมองของตัวละครที่แตกต่างกัน แชปเตอร์แรกจะเน้นไปที่เนฟ และแสดงให้เห็นถึงความสับสนและความกลัวของเธอ แชปเตอร์ที่สองจะเปลี่ยนมุมมองไปที่สองพี่น้องผิวดำ ที่เป็นนักสืบที่ตามหาความจริงเกี่ยวกับเนฟ และเผยแพร่ความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับการเหยียดสีผิว แชปเตอร์ที่สามจะกลับมาที่เนฟอีกครั้ง และเฉลยความลับของเธอ ว่าเธอเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของคนผิวดำ และเธอเลือกที่จะลบล้างความทรงจำของเธอ และเปลี่ยนตัวเองเป็นคนผิวขาวเพื่อหลบหนีจากความเจ็บปวด แชปเตอร์สุดท้ายจะเป็นฉากสุดขอบของเรื่อง ที่เนฟต้องเผชิญกับความจริง และตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตของเธอ
เรื่องนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การสร้างความตึงเครียดและความสงสัยให้กับผู้ชม โดยใช้เทคนิคการถ่ายภาพ การใช้สี การใช้เสียง และการใช้สัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อสื่อถึงอารมณ์และความคิดของตัวละคร นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังมีเนื้อหาที่มีความหมายลึกซึ้ง เกี่ยวกับปัญหาการเหยียดสีผิว การลืมตัวตน และการหาความสงบในชีวิต อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็มีจุดอ่อนอยู่บ้าง เช่น การจบเรื่องที่ไม่ชัดเจน และไม่มีการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น การใช้บางตัวละครที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องหลัก และไม่มีการพัฒนาตัวละครอย่างเหมาะสม การใช้บางฉากที่ไม่จำเป็น หรือซ้ำซ้อนกับฉากอื่น และการใช้บางคำพูดหรือบทสนทนาที่ไม่เหมาะสมกับบรรยากาศหรือตัวละคร
เรื่องย่อ
Neve คือหญิงสาวผิวดำที่มีชีวิตสมบูรณ์แบบ และเธอได้แต่งงานกับ Ian ชายผิวขาวที่ร่ำรวย คู่รักนี้มีลูกสองคน คือ Sebastian และ Mary และพวกเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านสุดหรูในอังกฤษ ที่มีครอบครัวเพียงครอบครัวเดียวที่เป็นคนผิวดำในเมืองนี้ แต่เมื่อวันหนึ่ง มีเด็กวัยรุ่นสองคนผิวดำปริศนาเข้ามาในเมือง และเริ่มเข้าหาคนในครอบครัว Neve โดยไม่มีใครรู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของวัยรุ่นสองคนนี้คืออะไร เรื่องราวนี้เต็มไปด้วยความลึกลับและความตึงเครียด และนี่ก็คือเสน่ห์ของ “The Strays” ที่ทำให้หลาย ๆ คนไม่ควรพลาด
การเล่าเรื่องที่ตัดสลับฉากไปมาในเวลาเดียวกัน ทำให้เข้าใจชีวิตความรู้สึกของตัวละคร Neve ได้อย่างลึกซึ้ง
หนังเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่มีความระทึกขวัญอย่างน่าสนใจ ซึ่งมีข้อดีและข้อเสียที่น่าสนใจ ในช่วงแรกของเรื่อง พบกับ Neve หญิงสาวที่มีชื่อเดิมว่า Cheryl ซึ่งเป็นผู้หญิงที่มอมเมาอยู่ในค่านิยมทางสังคมและอยากเป็นคนที่ร่ำรวย หลังจากนั้นเราได้เห็น Neve ในปัจจุบัน ซึ่งเธอมาพร้อมกับชื่อใหม่ และดูสมบูรณ์แบบ ซึ่งเธอมีเรื่องราวที่ซับซ้อน และเปิดเผยปมต่างๆ ออกมาทีละนิดผ่านการเล่าเรื่อง การแบ่งพาร์ทเล่าเรื่องอย่างชัดเจนทำให้เราได้เข้าใจชีวิตของ Neve ก่อน รวมถึงครอบครัวของเธอ และนิสัยของตัวเอง หนังทำรายละเอียดและมิติตัวละครออกมาได้ค่อนข้างดี โดยเราจะได้เห็นตัวละครวัยรุ่นคนดำปริศนา 2 คน ที่ตอนแรกอาจไม่เห็นชัดเจนว่าเป็นคนเดียวกัน จนกระทั่งจบพาร์ทของ Neve ที่เปิดเผยว่าเด็ก 2 คนนี้คือลูกที่ Neve ทอดทิ้งมาเมื่อหลายปีก่อน
รีวิว The Strays สำรวจความรักและความผูกพันของ Neve และสามีใหม่ของเธอ ในพาร์ทที่ 2
เมื่อเข้าสู่พาร์ทที่ 2 หลังจากเปิดเผยว่า Carl และ Dione เป็นลูกของ Neve ภาพยนตร์ก็เล่าเรื่องราวในมุมมองของพวกเขา ซึ่งเป็นเด็กสองคนที่มีเชื้อชาติผสม (รับบทโดย Jorden Myrie และ Bukky Bakray) ภาพยนตร์จะเล่าถึงว่าพวกเขามาอยู่ในเมืองนี้มานานแค่ไหน และทำอะไรอยู่ ฉากนี้ทำได้ดีเพราะจะเล่าในมุมมองของพวกเขาที่ไปพบกับน้องสาวของเขา ซึ่งเป็นลูกของ Neve แต่ต่างพ่อ พวกเขาจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกที่ถูกทอดทิ้งและไม่ได้รับความรักจากแม่ จนกระทั่งเหตุการณ์ในพาร์ท 2 จะสรุปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงที่เห็นในพาร์ทแรก
ในพาร์ทสุดท้าย คือส่วนที่เกือบจะดี แต่ยังไม่ดีพอ เพราะจังหวะและการสร้างอารมณ์ยังไม่แรงพอ หลังจากเหตุการณ์ในงานเลี้ยงเปิดเผยความลับของ Neve ครอบครัวใหม่ของเธอก็รู้ว่าเธอเคยมีลูกมาก่อน แต่ Neve เองก็ไม่ยอมรับความผิดและไม่ยอมให้ลูกเข้ามาในชีวิตของเธอ จนท้ายที่สุดเรื่องก็จบลงด้วยการที่ Neve ต้องเผชิญกับความจริง ส่วนตอนจบผมเดาได้ว่าจะเป็นแบบนี้แล้ว เพราะมันไม่มีอะไรน่าประหลาดหรือน่าจดจำ สิ่งที่ผมไม่เข้าใจคือทำไม Ian สามีใหม่ของ Neve ถึงต้องเป็นคนที่ช่วยเหลือลูกของเธอ เพราะเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย และเขาก็ไม่ได้เป็นคนร้าย คนที่ควรรับผิดชอบที่สุดคือ Neve เอง
เมื่อมาถึงตอนจบของเรื่อง มันไม่ได้มีการหักมุมหรือเปลี่ยนแปลงอะไรมาก ดูเหมือนว่า Neve จะต้องเลือกทางที่เธอเลือกนั้น คือการหนีจากปัญหา แม้ว่ามันจะสมเหตุสมผล แต่ในมุมมองของผม, มันไม่ได้ทำให้เรื่องนี้น่าจดจำการสู้จบที่โหดร้ายกว่านี้ และการทำให้เรื่องมีการบานปลายที่สุดท้ายยังดีกว่า อย่างไรก็ตาม ผมเข้าใจว่าอาจมีคนที่ชอบตอนจบแบบนี้ ดังนั้น, ผมขอแนะนำให้ทุกคนลองดูเอง
ส่วนในด้านอื่นๆ, ทุกอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นงานภาพ, มุมกล้อง, การตัดต่อ, เสียงประกอบฉาก, และความระทึกขวัญ ทุกอย่างถูกทำอย่างดีเยี่ยม และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแสดง นักแสดงในเรื่องนี้, โดยเฉพาะ Jorden Myrie และ Maria Almeida, ที่ไม่เคยมีผลงานมาก่อน, แสดงได้ดีเกินคาด ผมหวังว่าในอนาคตเขาจะมีผลงานมากขึ้น สุดท้ายนี้ ผมต้องยกให้ Jorden และ Ashley Madekwe, ที่รับบทเป็น Neve, เป็น MVP ของเรื่อง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น รีวิวนี้เป็นเพียงความรู้สึกส่วนตัวของผมเท่านั้น คุณไม่ควรเชื่อทุกอย่างจากรีวิวหนังฝรั่งนี้ เพราะคนเรามีความชอบที่แตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดคือคุณควรไปดูเองและตัดสินใจเอง
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- รีวิว Knock at the Cabin: หนังระทึกขวัญเรื่องใหม่จาก M. Night Shyamalan ที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าวันสิ้นโลกอยู่ใกล้
- รีวิว ฉลาดเกมส์โกง – หนังไทยไอเดียสุดเจ๋งที่เป็นมากกว่าการโกงข้อสอบ
- รีวิว Amidst a Snowstorm of Love: ซีรีส์โรแมนติกอบอุ่นหัวใจ สัมผัสความรักที่ลึกซึ้งในหิมะที่มีแค่เราสองคน