รีวิว The Flash ซูเปอร์ฮีโร่ความเร็วเหนือแสง จากค่าย DC
สวัสดีครับเพื่อนแฟน ๆ คอหนังฮีโร่ ต้องยอมรับว่าเรารีวิวหนังฮีโร่ทาง Marvel ไปเยอะพอสมควร หากใครติดตามการรีวิวหนังของเราจะไม่ค่อยได้เห็นบทความจากค่าย DC มากนัก นั่นเป็นเพราะ Marvel บูมกว่า DC มาก แต่ก็ไม่แปลกซักเท่าไหร่เพราะเขาทำหนังออกมาน้อยกว่าอะเนอะ แต่ในปีนี้ ทาง DC ก็ออกมาเคลื่อนไหวแล้ว เหล่าแฟน ๆ หนังซุปเปอร์ฮีโร่ ก็คงได้แต่คาดหวังว่าหนังจะออกมาดีและสามารถสู้กับ Marvel ได้ซักที วันนี้เราจึงจะมา รีวิวหนังฝรั่ง เรื่อง The Flash (2023) หากคุณเป็นคนที่หลงรักหนังซุปเปอร์ฮีโร่ สามารถไปติดตามได้ทาง ดูหนังออนไลน์
พบกับ The Flash เวอร์ชั่นปี 2023
สําหรับภาพยนตร์เรื่อง The Flash (เดอะแฟลช) เวอร์ชันปี 2023 นําแสดงโดย เอซรา มิลเลอร์ ได้สร้างภาพจํา ให้ ตัวละครที่เป็นตัว ละครเอก ด้วย ค้าง แรกเตอร์เฉพาะบุคคล เมื่อเด็กวัยรุ่นอาการไฮเปอร์
จําเป็นต้องมารับบท วีรบุรุษ คุ้มครอง โลก แถมมีพลัง สปีด ความเร็ว เหนือ แสงสว่าง สําหรับเพื่อการทําภารกิจต่างๆ ก็ยิ่งสร้าง ความน่าดึงดูดใจว่า หน้าที่ที่ท้าทายนี้ เอซราจะทําออกมาได้ดี มากน้อยเพียงใด
สุดท้าย หนังใหม่เรื่อง The Flash (เดอะแฟลช) ก็มีระบุเข้าฉายให้แฟนคลับจักรวาลซุปเปอร์วีรบุรุษ DC ได้ชมใน โรงหนัง สักครั้ง โดยที่ผ่านมาเผชิญหน้ากับปัญหาหลายแบบ ไม่ว่า จะเป็นการเลื่อนระบุฉาย หรือ แม้กระทั้ง ดราม่า จาก ตัว ผู้แสดงหลัก อย่างเอซรา มิลเลอร์
เรื่องย่อ
หนังเล่าเรื่องราวของ แบร์รี่ อัลเลน คนปกติที่มีอีกตัวตนหนึ่ง ในชื่อ “The Flash” หนึ่ง ใน ซุปเปอร์วีรบุรุษที่ทําหน้าที่ปกป้องรักษาโลก แต่ว่าเบื้องหน้าเบื้องหลัง แล้วเขา กําลัง พบเจอ กับ ความซึมเศร้า
เนื่องจาก พ่อ ของ แบร์รีเป็นแพะรับบาป ถูกวินิจฉัยให้ ติดคุก ในข้อกล่าวหา การฆาตกรรม เมีย ซึ่งก็เป็นแม่ของเขา โน่นเอง ทั้งสอง ทราบว่า นี่ เป็นเรื่องของความไม่เป็นธรรม ที่ ครอบครัว ได้รับ แม้ว่าจะเพียรพยายาม ท่า ทุกหนทาง เพื่อพ่อเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ว่าก็ไม่ใช่ง่ายเลย สําหรับเขา
จนกว่าวันหนึ่งแบร์รีคันว่า ตัวเองมีพลังพิเศษ ของ The Flash โน่นก็เป็น “สปีด ฟอ ร์ซ” ซึ่งทํา ให้ใช้พลัง ความเร็วเหนือแสงสว่าง ย้อนเวลากลับไปแก้ไข สมัยก่อนได้ กาง ร์รี ก็เลยบากบั่น ที่กลับไปช่วยเหลือ แม่ของตัวเอง
จนถึง ย้อนกลับไปเจอกับตัวเอง ใน วัย 18 อีกรอบ ก็เลยแปลงเป็นสาเหตุเรื่องยุ่งๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่ง สําเร็จ กระทบ จาก สิ่งที่ เขา บากบั่น จะแก้ไขอดีตกาล
ช่วงเวลาเดียวกัน “นายพลซอร์ด” ตัวร้ายคู่ปรับของซุปเปอร์แมนก็เผยตัวขึ้นเพื่อหวังทําลายโลก เขาและแบร์รีวัย 18 ก็เลยจะต้องร่วมมือกัน ด้วยการเดินทางไปวิงวอนจาก “แบทแมน” เจ้าแห่ง กลางคืน ให้มาร่วมทีม ใน ภารกิจ สําคัญเพื่อกู้โลก ในคราวนี้
การกลับมาผงาดอีกครั้งของ แบทแมน ในเวอร์ชั่น ไมเคิล คีตัน
นอกจาก ยังทําให้ความคาดหมายของเรื่องราว ที่เว้นเสียแต่ตัวแบรี่ อีกทั้งวัยผู้ใหญ่ ที่ทํา Shift หาย และวัย ชายหนุ่มสุดสั้น เป็นตัว หาม เรื่อง แล้ว… “แบทแมน” เวอร์ชั่น ไมเคิล คีตัน” ก็จะแปลงเป็นเดอะหามของจักรวาลนี้
เช่นเดียวกัน …แซ็ง บท ในหนัง ส่ง ให้อย่างดีเยี่ยม ซะด้วย เรียกว่าหาย นึกถึง คุณลุงแกเลย หล่อ หรู เก๋าเกมเหมือนปกติ ส่วน การแสดง ของ “เอซรา มิลเลอร์” ในหน้าที่กาง ปรี่ จัดว่าน่าดึงดูด
และมีความเจริญ ผู้แสดง ที่ สวนกับการกระทํา นอก หน้าจอ ที่กําลังเป็นข่าว (ซึ่งโน่น พวกเรา ไม่ขอเอ่ยถึง เพราะเหตุว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน หรือ ทําให้หนังดูห่วยอย่างที่นักรีวิว ในต่างชาติ กําลัง โยน บอมบ์ ให้พระเอก คนนี้อยู่…)
สิ่งที่ขัดใจจัดๆของเรื่องนี้ มีเพียงแค่เรื่องเดียวเป็น ฉากบู๊ บางโอกาสพี่ก็เอา CG มาต่อยกันซุกซนๆเลย อันที่เนียนก็ว่าไป อันที่ไม่ เนียนก็จะแจ่มแจ้ง กระทั่ง ขัดลูกตา
แต่ว่า ทั้งหมดทั้งปวง ไม่ได้ทําให้หนังบันเทิงใจ ลด น้อยลงเลย สรุปว่า นี่เป็นอีกเรื่องที่พวกเรา “เชียร์” ให้คุณไปดู หากว่าคุณจะเคยดูJL / ไม่เคยดู หรือ แม้กระทั้งผู้ที่ไม่ได้ติดตาม จักรวาล หนังวีรบุรุษ DC ก็ยังดูสนุกสนานได้…
ความรู้สึกหลังรับชม
สําหรับ ภาพยนตร์เรื่องนี้ ก่อนเข้าไปดูเป็นผม ตั้ง ความคาดหมายไว้ออกจะสูง ซึ่งเพียง พอ ภายหลัง ดูจบก็นับว่า ไม่ได้ถึงกับ ผิดหวัง แม้กระนั้นก็ไม่ถึงกับที่คาดหวังไว้ ตัวบท และการเดินเรื่อง ทําออกมาได้ค่อนข้างจะดี
นับตรงเวลา 2 ชั่วโมงเกือบจะครึ่ง ที่ดู เพลิดเพลิน และไม่มีจังหวะให้พวกเราได้เบื่อเลย เดินเรื่อง แบบเรื่อย ไม่ได้ฉับไวมาก แต่ว่าเก็บรายละเอียด กลางทาง ได้ครบถ้วนสมบูรณ์
สิ่งที่ชอบ ในเรื่อง บทเป็นเงื่อน ดราม่า ของ ผู้แสดง ดาราน่าชาย กับ เรื่อง แม่ที่ตัวหนัง พาพวกเราไปได้ สุดทางดี ซึ่ง ซาบซึ้งใจและน่าจ๋า แต่ว่าสิ่งที่ขัดใจสุดเป็น
ในส่วนท้ายเสมือน ผู้แสดงนําชาย ไม่ได้ ทําความเข้าใจอะไรจากผู้กระทําระทําของเขาเลย เขาถึงได้เลือกช่วยพ่ออีกที และก็ หลงไปอีกจักรวาล เช่นเคย ในตอนสุดท้าย ซึ่งก็เริ่มเข้าใจได้เพราะว่า จุดหมายของ หนัง เรื่องนี้ เป็นการเปิดมัลติเวิร์ส เพื่อปูไปสู่จักรวาลใหม่
นอกเหนือจากนี้ บางทีอาจกล่าวได้ว่า The Flash เวอร์ชันภาพยนตร์ปี 2023 เป็นการ นําผู้ชมกลับไปสัมผัส ประวัติศาสตร์ของนักแสดง วีรบุรุษ DC ที่ทุกคนรัก การโคจรมา เจอกัน ของ ดารา แบทแมนรุ่นใหญ่ 2 สมัย
อย่าง “เบน แอฟเฟล็ก” และ ” ไมเคิล คีตัน” เปลี่ยนเป็นฉาก จ่า และเรียกรอยยิ้มจากผู้ชมได้อย่างแน่แท้ นอกจากนี้ยังมีหนังน่าดูอีกเรื่องในปี 2023 ไปติดตามรับชมหนัง Hypnotic จิตบงการปล้น ได้ที่นี่เลย
The Flash ภาคต่อของ Justice League
หนัง ฮีโร่ ที่ถือเอาเรื่องราวของ Multiverse มา ใส่ความเป็น DC ลง ไป ก็เลยเป็นผล ลัพท์แบบ “Shift หาย วินาศ” อีกหัวข้อ ที่ดูสนุกสนานมากๆ ถ้าเกิด พวกเราจะกล่าวว่า The Flash เป็นภาคต่อของ Justice League อย่างเป็นทางการก็ไม่ผิด
เนื่องจากว่า 20 นาทีแรก ของ หนัง ได้ใช้วัตถุดิบของ JL ออกมาได้เต็มกําลัง ในบรรยากาศ หนัง วีรบุรุษ จก ป๊อปคอร์น ที่ไม่ได้เครียดอะไรมาก โชว์ ความโก้เก๋ อิทธิฤทธิ์และแฟน เซอร์วิสจัดหนัก
บทสรุป
ใครที่ได้เข้าไปดู ‘เดอะ แฟลช’ ภาคนี้ก็คงได้เจอเสมือนๆกันว่า หนังมีเซอร์ไพรส์ให้ คนดูได้ตื่นตาตื่นใจอยู่หลายจุด ระหว่างที่ก็จะต้องชื่นชมในความรู้ความเข้าใจของ เอ ซร่า มิลเลอร์ ที่เล่นเป็นแบร์รี่ สองคนไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม
เป็น สองผู้ที่ยังมี บุคลิกลักษณะความเป็นแบร์รี่ แต่ว่าก็มีความไม่เหมือนกัน อยู่อย่างเห็นได้ชัด สิ่งที่ หนัง ทําได้อีกจุดเป็น พาร์ท ดราม่า ที่มา หากแม้เพียงแค่สั้นๆ แม้กระนั้นทุกๆอย่างที่เล่า มาทั้งสิ้น
ทําให้ ขณะนี้มีพลัง พอเพียง จะทําให้หนองน้ําตาออกมาทํางาน สรุปโดย รวมเลยเป็นเรื่องนี้ นับว่าเป็นหนัง อีกประเด็นจาก DC ที่ออกมาได้ดียิ่งกว่าเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา หลายเรื่อง ทุกสิ่งออกมาออกจะกลมกล่อมละมุนละไม บทกําลังพอดี เดินเรื่องดี แอ็คชั่นดี แฟนเซอร์วิสจัดเต็ม
ถ้าเกิดเป็นแฟน DC คุณจะอิ่ม เอม ดวงใจ มากๆ เป็นคุ้ม ตั๋วจริงๆ ยังไงก็ตาม รีวิวนี้เป็นเพียงแค่ความรู้สึก ส่วนตัวเพียง แค่นั้น อย่าเชื่อ ทั้งหมดทั้งปวง ที่ ผมรีวิว ทางที่ดีเป็นทุกคน จําเป็นต้องดูเองครับ