รีวิว Stranger Things ss1 สเตรนเจอร์ ธิงส์

ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022 ซีรี่ย์นั้นบอกเล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ รัฐอินเดียน่าในช่วง 1980’s เมื่อแม่คนหนึ่งที่มีนามว่า Joyce Byers (รับบทโดย วิโนน่า ไรเดอร์) ต้องออกตามหาลูกชายของเธอที่หายตัวไปอย่างลึกลับ ไร้ร้องรอย … เธอได้มีการขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานท้องถิ่นให้ออกมาช่วยตามหาลูกของเธออีกแรง แต่แล้วเธอก็ได้ค้นพบว่า การหายตัวไปของลูกชายเธอนี้ ดูเหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทดลองบางอย่างของรัฐบาล ไปจนถึงเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่ยากเกินกว่าจะหาคำใดๆ มาอธิบาย!!! รีวิว Stranger Things ss1 สเตรนเจอร์ ธิงส์ รีวิวหนังฝรั่ง

ดูหนังฟรี รัฐอินเดียน่า ในช่วงยุคปี 1980 เมื่อแม่คนหนึ่งที่ชื่อว่า จอยส์ บีเยอร์ ได้ออกตามหา วิล บีเยอร์ ลูกชายของเธอที่จู่ๆ ก็ได้หายตัวไปอย่างลึกลับแบบไร้ร่องรอย เธอได้ขอความช่วยเหลือ จากหน่วยงานท้องถิ่น ให้ออกมาช่วยตามหาลูกของเธออีกแรง แต่แล้วเธอก็ได้ค้นพบว่า การหายตัวไปของลูกชายเธอนี้ ดูเหมือนจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทดลองลับๆ บางอย่างของรัฐบาล ไปจนถึงเรื่องราวเหนือธรรมชาติสุดระทึกของเด็กคนหนึ่ง ที่มีพลังจิตที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลอีกด้วย ดูหนังออนไลน์

รีวิว Stranger Things ss1 สเตรนเจอร์ ธิงส์
เป็นซีรีส์ที่เปิดเรื่องมาก็ทำให้งงนิดๆ เพราะเป็นซีรีส์ย้อนยุคกลับไปช่วงปี 80 ก็เลยงงๆว่าหนังคิดยังไง ที่เอาหนัง Sci-Fi ที่เราคิดว่ามันควรจะล้ำสมัย มาเดินเรื่องในยุคที่เทคโนโลยีเราก้าวไปไกลแล้วแบบนี้ แต่กลับกลายเป็นว่านี่เป็นส่วนผสมที่ลงตัว และน่าชื่นชมมาก Stranger Things มีทั้งความลึกลับ กับปริศนาที่น่าค้นหา กับเรื่องราวที่เหนือธรรมชาติ ผสมกับความสยองขวัญ และ Sci-Fi ได้อย่างน่าสนใจ โดยในตอนแรกเราจะงงๆสักหน่อย สงสัยไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นช่วงแรกๆ เอาตรงๆก็คือคนดูอาจยังไม่ติด เพราะยังไม่รู้ว่าซีรีส์เรื่องนี้จะเล่าอะไรแบบใหน

บอกตามตรงเลยว่า พล็อตหลักของซีรีส์เรื่องนี้ อาจจะดูธรรมดาๆเกินไป สำหรับใครหลายๆ คนที่คุ้นเคยกับหนังไซไฟ-ทริลเลอร์ เรื่องอื่นๆ เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะพล็อตสัตว์ประหลาด เด็กมีพลังจิต หรือ การทดลองลับใดๆก็ตาม ก็อาจจะคิดว่าเรื่องนี้ก็คงคล้ายหนังเรื่องอื่นๆนั่นแหละ แต่แอดขอบอกไว้เลยนะครับว่า ไม่มีคำว่าธรรมดาเลย สำหรับซีรีส์เรื่องนี้ เพราะมันคือการหยิบเอาหนังไซไฟ-ทริลเลอร์ ในตำนานเหล่านั้น มายำรวมกันไว้ในหนังเรื่องเดียว และบอกเล่าเรื่องราวใหม่ๆได้อย่างลื่นไหล และชวนให้ติดตามอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะไอเดียของหนังที่วางคอนเซ็ป การผูกปมเรื่องราวต่างๆ ซึ่งตรงนี้บอกได้เลยว่ามันคือการนำมาเล่าใหม่ได้มีสไตล์ไม่จำเจ ไม่ซับซ้อน

และพอพ้นช่วงครึ่งแรกไปเท่านั้นแหละ ที่พอเฉลยปมปริศนาต่างๆ ทำให้ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ ซีรีส์ก็ทำให้ต้องลุ้นกันตัวโก่ง เพราะแต่ละตอน จบได้น่าติดตามมากๆ มันทำให้เราอยากรู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรต่อ และทำให้อยากดูช่วงท้ายแบบรวดเดียวจบไปเลย ตัวละครเดินเรื่องมีทั้งวัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ ทำให้มีความหลากหลายในการเล่าเรื่องได้ดีมาก ผ่านมุมมองตัวละครต่างๆ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีส่วนผสมของความหลากหลายของวัย ในหนังสยองขวัญ ซึ่งปกติถ้าเป็นหนังจะหยิบมาแค่ช่วงวัยเดียว แต่เนื่องจากเป็นซีรีส์ เลยทำให้เราได้เห็นมุมมองที่กว้างมากขึ้น

นอกจากนี้คาแรกเตอร์บางตัว ยังมีความน่าสนใจเฉพาะกลุ่มด้วย เช่น มีความสนใจในเรื่องบางเรื่องของยุค 80 เป็นพิเศษ ทำให้คนที่เกิดทันยุคนั้นๆ หรือสนใจสื่อบันเทิงในยุคนั้นๆ มีความเข้าถึง เหมือนมี Easter Egg ของยุคสมัยนั้นแทรกมาเป็นระยะๆ ตลอดทั้งเรื่องได้อย่างดีเยี่ยม ก็ต้องขอชื่นชมมากๆ ที่คิดพล็อตเรื่องออกมาได้ดี และน่าสนใจแบบนี้

รีวิว Stranger Things ss1 สเตรนเจอร์ ธิงส์
ได้ลุ้นมากๆในการวางปมปริศนาต่างๆ ซึ่งก็คลายได้ดีด้วยนะครับ มีหยอดๆไปซีซั่นสองด้วย เอาเป็นว่าแอดแนะนำให้ไปดูกันเอง ซีรีส์เรื่องนี้มีฉายบน NETFLIX ครับ รับรองความสนุก จนคุณต้องอยากดู ซี่ซั่น2 ต่อทันที

เป็นซีรีส์ที่เปิดเรื่องมาก็ทำให้งงนิดหน่อย เพราะเป็นซีรีส์ย้อนยุคกลับไปช่วงปี 80 ก็เลยงงๆว่าหนังคิดยังไง ที่เอาหนัง Sci-Fi ที่เราคิดว่ามันควรจะล้ำสมัย มาเดินเรื่องในยุคที่เทคโนโลยีเราก้าวไปไกลแล้วแบบนี้ แต่กลับกลายเป็นว่านี่เป็นส่วนผสมที่ลงตัวและน่าชื่นชมมาก

Stranger Things มีทั้งความลึกลับ ให้ปริศนาที่น่าค้นหา กับเรื่องราวที่เหนือธรรมชาติ ผสมกับความสยองขวัญ และ Sci-Fi ได้อย่างน่าสนใจ โดยในตอนแรกเราจะทั้งงุนงง สงสัยไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นช่วงแรก เอาตรงๆก็คือผมยังไม่ติด เพราะยังไม่รู้ว่าซีรีส์เรื่องนี้จะเล่าอะไรให้ฟังมากนัก

แต่พอพ้นช่วงครึ่งแรกไปเท่านั้นแหละ ที่พอเฉลยปมปริศนาต่างๆ ทำให้ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ ซีรีส์ก็ทำให้ต้องลุ้นกันตัวโก่ง เพราะแต่ละตอนจบตอนได้น่าติดตามมาก มันทำให้เราอยากรู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรต่อ และทำให้ผมดูช่วงท้ายแบบรวดเดียวจบไปเลย

ตัวละครเดินเรื่องมีทั้งวัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ ทำให้มีความหลากหลายในการเล่าเรื่องได้ดีมาก ผ่านมุมมองตัวละครต่างๆ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีส่วนผสมของความหลากหลายของวัย ในหนังสยองขวัญ ซึ่งปกติถ้าเป็นหนังจะหยิบมาแค่ช่วงวัยเดียว แต่เนื่องจากนี่เป็นซีรีส์ เลยทำให้เราได้เห็นมุมมองที่กว้างขึ้นกว่าหนังที่ฉาย

นอกจากนี้คาแรกเตอร์บางตัวยังมีสนใจความเฉพาะกลุ่มด้วย เช่น มีความสนใจในเรื่องบางเรื่องของยุค 80 เป็นพิเศษ ทำให้คนที่เกิดทันยุคนั้น หรือสนใจสื่อบันเทิงในยุคนั้น มีความเข้าถึงร่วม เหมือนมี Easter Egg ของยุคสมัยนั้นแทรกมาเป็นระยะๆ ตลอดทั้งเรื่องได้อย่างดีเยี่ยม

1. เป็นซีรีส์ที่ทำให้คนรู้จักเน็ตฟลิก
ถึงแม้ว่าซีรีส์เรื่องแรกที่เน็ตฟลิกทำจะเป็น House of Cards ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2013 แต่ในขณะนั้นกลุ่มคนที่รู้จักเน็ตฟลิกก็ยังอยู่ในวงแคบ จนมาเมื่อปี 2016 นี่แหละที่ซีรีส์ Stranger things ได้ถือกำเนิดขึ้นและกลายเป็นกระแสปากต่อปากที่ใครๆ ก็อยากหามาดูให้ได้

อย่างเราเองก็ไปตามดูเพราะว่าได้ยินมาจากนักเขียนและพอดแคสต์ต่างๆ ที่แนะนำเช่นกัน จนแบบเออไม่ได้การละดูบ้างก็ได้ ซึ่งด้วยตัวบทและมู้ดแอนด์โทนต่างๆ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้กลายเป็นตัวตนของเน็ตฟลิกไปเลย เหมือนเป็นการบอกกับวงการภาพยนตร์ทั่วโลกว่า ‘ชั้นไม่ได้มาเล่นๆ นะ รอชมเรื่องอื่นกันต่อได้เลย!’

รีวิว Stranger Things ss1 สเตรนเจอร์ ธิงส์
2. ผสมผสานกลิ่นอายยุค 80
ในยุคนี้เรามีหนังดีๆ เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ให้ได้ชมกันเยอะก็จริง แต่ถ้าพูดถึงซีรีส์หรือภาพยนตร์ที่เอาเด็กมาดำเนินเรื่องแนววิทยาศาสตร์ก็ถือว่าห่างหายกันไปนานเหมือนกัน ตั้งแต่ยุค E.T. the Extra-Terrestrial (1982) หรือจะ Super 8 (2011) ก็ตาม

ทำให้ Stranger things ถือเป็นซีรีส์แห่งยุคที่ผสมเรื่องวิทยาศาสตร์เข้ากับการดำเนินเรื่องโดยนักแสดงเด็ก และยังเป็นเรื่องราวในยุค 80 ด้วย ทำให้เราได้กลิ่นอายของยุคนั้นไปแบบเต็มๆ เป็นเสน่ห์ที่สุดทางมากๆ มู้ดแอนด์โทนของซีรีส์คุมธีมออกมาได้ดี ทั้งอาร์ตในหนัง พร้อพต่างๆ ที่ถึงจะเป็นวิทยาศาสตร์แต่ก็เป็นแนวอนาล็อค ทำให้เรานึกถึงช่วงเวลาตอนตัวเองเด็กๆ

3. นักแสดงคาแรคเตอร์จัด
ถ้าให้ว่ากันง่ายๆ เราว่า Stranger things มันเหมือนหนังเรื่องแฟนฉันที่เราเคยดูกันเมื่อปี 2003 มีกลิ่นอายความเป็นแก๊งเด็กๆ เที่ยวเล่น ขี่จักรยานกัน และดำเนินเรื่องไปแบบนั้น แต่ของ Stranger things จะเป็นแก๊งแฟนฉันที่เนิร์ดวิทยาศาสตร์ เนิร์ดบอร์ดเกม และหมกมุ่นกับการเรียนรู้มากๆ

เป็นแก๊งเด็กเนิร์ดที่อยู่ดีๆ เพื่อนของตัวเองก็หายไปหนึ่งคนอย่างไร้ร่องรอย เลยต้องค่อยๆ คลายปมปริศนาว่าที่สุดแล้วเพื่อนหายไปไหน? เรื่องราวในซีรีส์เลยทำให้เราเห็นความรักเพื่อนของแก๊งตัวละครกลุ่มนี้ ที่ประกอบไปด้วย Dustin, Lucus, Mike, Will รวมไปถึงน้อง Eleven ที่ไม่ว่าใครดูก็ต้องหลงรัก จนต้องตามไปกดฟอลโล่ไอจีของนักแสดงเลย

4. กลายเป็นกระแสฟีเวอร์
หลังจากซีรีส์ออกมาซีซั่นเดียวตัวละครและพร้อพต่างๆ ในซีรีส์ก็กลายเป็นสิ่งของที่ทุกคนอยากได้ ไม่ว่าจะเป็นหมวกที่ดัสตินใส่, ขนม Eggo ที่น้องแอลชอบกิน หรือจะอุปกรณ์ต่างๆ ที่ถูกใช้ในซีรีส์ ทุกอย่างกลายเป็นแรร์ไอเท็มที่ถูกนำมาทำเป็น Merchandise ทั้งจากแบรนด์เอง และจากกลุ่มแฟนคลับด้วย

อย่างกรุงเทพฯ ในช่วงนี้ก็ถูกเปลี่ยนโฉมให้ได้บรรยากาศเมืองฮอว์คินส์ ไปในหลายๆ สถานที่เหมือนกัน เช่น หอศิลปกรุงเทพมหานคร (BACC) หรือจะพื้นที่แถวเอกมัย, ทองหล่อก็ด้วย

5. ดูเรื่องนี้ไม่เสียเวลาแน่นอน
หลายคนจะกลัวการเริ่มดูซีรีส์สักเรื่อง เพราะว่ากลัวจะเสียเวลาชีวิต กลัวจะติดเกินไปแล้วเสียงานเสียการ แต่สำหรับ Stranger things เราว่ามันโอเคที่จะใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง/ซีซั่น ในการชมนะ เพราะว่าเราจะไม่เสียดายทีหลังแน่ๆ

และระหว่างการดูซีรีส์เรื่องนี้เรายังอาจได้ไอเดียอะไรบางอย่างด้วย เช่นเรื่องราวด้านวิทยาศาสตร์ล้ำๆ หรือจะเพลงประกอบที่บอกเลยว่าคนสร้างนี่คัดมาแล้วอย่างดี เพราะเราแอบไปดูเบื้องหลังในเน็ตฟลิกมาแล้ว และพบว่า โอ้โห เขาคิดมาเยอะมากจริงๆ ในการจะเลือกเพลงประกอบสักเพลง

เรื่องราวของ Stranger Things เริ่มขึ้นในปี ค.ศ.1983 ที่เมืองฮอว์กินส์ รัฐอินเดียนา จากการหายตัวไปของ วิล ไบเออร์ส ทำให้เราได้รู้ว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นในเมือง ทั้งการทดลองประหลาด มิติคู่ขนานที่เรียกว่า Upside Down สัตว์ประหลาดเดโมกอร์กอนหน้าตาน่ากลัว และเด็กหญิงพลังจิต

วิลหายตัวไปในกลางดึกคืนหนึ่งระหว่างการขี่จักรยานกลับบ้าน และในอีกฟากหนึ่งของเมือง ดูเหมือนว่าจะมีห้องทดลองน่าสงสัย และมีอะไรบางอย่างลบหนีออกมา

ไมค์ ดัสติน และลูคัส ได้พบกับเด็กหญิงประหลาด พวกเขาพาเธอกลับมาที่บ้านของไมค์ และเรียกเธอว่า แอล (ย่อจาก อีเลเว่น หรือตัวเลข 11) พวกเขาถามถึงเรื่องราว ก็ดูเหมือนว่าแอลจะรู้ว่าวิลอยู่ที่ไหน และเล่าให้พวกเขาฟังว่ามีโลกคู่ขนาน Upside Down ที่มีสัตว์ประหลาดชื่อว่าเดโมกอร์กอนอยู่ในนั้น และหลังจากการหายตัวไปของวิลไม่นาน บาร์บาร่า เพื่อนของแนนซี่ก็หายตัวไปด้วย

วิลพยายามติดต่อกับจอยซ์ผ่านทางโทรศัพท์แต่ก็ไม่เป็นผล จอยซ์เลยคิดวิธีติดต่อกันผ่านไฟคริสต์มาสบนผนังบ้าน ทำให้จอยซ์ได้เบาะแสเกี่ยวกับโลกคู่ขนาน เพราะมีเดโมกอร์กอนออกมาจากกำแพง และทางด้านเด็กๆ ก็ได้รู้ว่าวิลติดอยู่ในโลก Upside Down ที่มีประตูทางเข้าอยู่หลายทาง ซึ่งแนนซี่และโจนาธาน ได้รวมตัวกันตามหาบาร์บาร่าและได้เข้าไปใน Upside Down ผ่านทางต้นไม้ต้นหนึ่ง

ฮอปเปอร์ก็กำลังสืบเรื่องของห้องทดลองประหลาดอยู่พอดี เพราะห้องทดลองได้อำพรางการหายตัวไปของวิลด้วยร่างปลอม และได้เบาะแสว่าห้องทดลองเคยลักพาตัวเด็กคนหนึ่งที่มีพลังจิตไปเพื่อใช้ประโยชน์ในการทำสงครามกับรัสเซีย และพลังจิตนี้เองที่ทำให้ประตูมิติสู่ Upside Down ได้เปิดขึ้นในห้องทดลอง รีวิว Stranger Things ss1 สเตรนเจอร์ ธิงส์

คนของห้องทดลองออกตามหาแอล แต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้ทุกคนได้มารวมตัวกัน และใช้พื้นที่ในโรงเรียนสร้างเครื่องมือให้แอลสามารถใช้พลังเพื่อตามหาวิลและบาร์บาร่า แอลพบว่าบาร์บาร่าตายแล้ว ส่วนวิลนั้นซ่อนตัวอยู่ ก่อนที่สัญญาณจะขาดหายไป ต่อมาแนนซี่ สตีฟ และโจนาธานได้เผชิญหน้ากับเดโมกอร์กอนและหนีเอาตัวรอดมาได้

ฮอปเปอร์และจอยซ์บุกเข้าไปในห้องทดลองแต่ก็ถูกคนของห้องทดลองจับเอาไว้ได้ ฮอปเปอร์จึงยอมบอกที่อยู่ของแอล แลกกับการได้เข้าไปในห้องที่มีประตูมิติสู่ Upside Down คนของห้องทดลองตามหาตัวแอลจนเจอ และเดโมกอร์กอนก็ปรากฏตัวขึ้นในโรงเรียน แอลได้เสียสละตัวเองดึงเดโมกอร์กอนกลับไปยังมิติที่มันจากมา ส่วนฮอปเปอร์และจอยซ์เจอกับวิล และช่วยออกมาได้ในที่สุด แต่ดูเหมือนวิลจะแปลกไปจากเดิม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *