รีวิว Star Wars The Last Jedi ปัจฉิมบทแห่งเจได การกลับมาของ ลุค สกายวอล์คเกอร์

สืบเนื่องจากครั้งที่แล้ว ที่เราได้ รีวิว Star Wars The Force Awakens ครั้งนี้เราจะมาพูดถึง Star Wars ภาคใหม่ ซึ่งเป็นภาคที่ 8 หรือก็คือภาคต่อของ The Force Awakens นั่นเอง โดยภาคนี้จะเล่าเหตุการณ์ต่อเนื่องจากภาคที่แล้ว หลังจากที่เรย์ได้ค้นพบกับอัศวินเจไดคนสุดท้าย ลุค สกายวอล์คเกอร์ ซึ่งเรื่องราวในภาคนี้จะเป็นอย่างไร จะสนุกและน่าติดตามเหมือนภาคก่อนมั้ย สามารถไปติดตามรับชมได้เว็บ ดูหนังออนไลน์

จาก The Force Awakens ส่งต่อเรื่องราวมายัง The Last Jedi ภายหลังที่เรย์ เริ่มเดินทางตามหา ลุค สกายวอ ล์คเกอร์ ว่าที่เจได คนท้ายที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ เธอมุ่งหวังว่าเขาจะสามารถกู้ ความสงบ และฟื้นฟูนิกายเจไดให้กลับมา

ขณะที่เหล่ากรุ๊ป กบฏ กําลังจะต้องเจอหน้า กับ การรุกรานของผู้นําสูงสุดสโนค ที่อยากได้กําจัดพวกเขา ให้หมดสิ้น โดยตามธรรมเนียมปฏิบัติของ แฟรนไชส์ STAR WARS นั้น

ก่อนหนังฉาย บริษัทผลิตภาพยนตร์ ชอบ ไม่ค่อย ปลดปล่อยเรื่องย่อ หรือ ข้อมูล สําหรับเพื่อการสร้างออกมา ให้ผู้ชมรับทราบสักเท่าไหร่ พวกเรา บางทีก็ อาจจะเพียงพอ ได้เห็นเนื้อหา อย่างคร่าวๆ จาก แบบอย่างภาพยนตร์

ที่ก็เอาออกมาเฉพาะส่วนที่ไม่ได้เป็นจุด สําคัญของเรื่อง ดังนี้มั่นใจว่ามันเป็นขั้นตอนการ “เก็บความลับ” บางสิ่งบางอย่างที่สร้าง ความเซอร์ไพรส์ ให้กับผู้ ชม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฟนหนังชุดนี้

star wars the last jedi เรื่องย่อ สืบต่อจากภาคที่แล้ว ที่จบลงไปด้วยฉากของการพบเจอกันของ ลุค สกายวอล์กเกอร์ และเรย์ สาวคนใหม่ที่มีพลังแฝงอยู่ เธอ ต้องการจะไป ทําความเข้าใจเกี่ยวกับพลัง

ขณะที่ฝ่ายปฐมภาคี ที่นํา โดยสโน้ค และมี ไคโล เรน ผู้มีความ ประสงค์ เดินตามรอย ดาร์ธเวเดอร์ หน่วยงานนี้เจริญและได้ใจขึ้น และหวังจะกราบ ฝ่ายต้านให้หมดสิ้น ขณะที่ ฝ่าย ต้านทานเองก็ไม่ยินยอม ยอมแพ้

ถึงแม้ปริมาณ ของ พวกเขาจะทะยอยน้อยลงไป พวกเขายังคงอยู่ด้านใน การนําา ของ หญิง แกร่ง นายพลหญิงเลอา โดยยังคงมีตัวละคร ตัวเก่ง จากภาคก่อนมาครบ อีกทั้ง โพดาเมรอน นักบินเอ็กซ์วิงผู้แกล้วกล้า ฟินน์ สมัยก่อน สตอร์มทรูปเปอร์ผู้แปรพักตร์มาอยู่ฝ่ายตรงกันข้าม

พวกเขาจะต้าน ฝ่ายปฐม ภาค ที่แข็ง แกร่ งกเงินว่าได้ไหม เรย์จะได้เป็นเจได คนใหม่ หรือเปล่า และในความเป็นจริงแล้ว เจได คนท้ายที่สุดจะเป็นใคร ตามต่อได้ในหนังเต็มๆ แล้วกันนะครับ

จะว่า ไป แล้ว ถ้าเกิดมอง ภาพรวม ตั้งแต่ สามภาคแรก EP 4-6 และสามภาคที่ 2 EP 1-3 นั้น แก่นหลักของเรื่อง เป็นเรื่องราวของเครือญาติ Skywalker เป็นแกนหลักล้วน ๆ เลย ถ้าหาก ไม่ใช่เพราะว่าเชื้อสายนี้

จักรวาล น่าจะไม่ได้ชิบหายมากมายเท่านี้ จนถึงกระอีกทั้ง การมาถึงของ EP7-8 ที่ดูราวกับจะเพียรพยายาม Move On จาก เครือญาตินี้ไปแล้ว แม้กระนั้นก็ไม่วายว่าต้องวกเรื่อง กลับมาเล่นประเดิมเครือญาตินี้ให้ได้ซักครั้ง

แต่ว่า ทําไมถึงตั้งชื่อว่า The Rise of Skywalker ล่ะ นี่เป็นเหตุผลที่คุณจําต้องดู ถึงแม้ลุค สกายวอลเกอร์จะแปลงเป็น บทที่ให้นิยามการทํางานของเขา แฮมิลล์ก็รู้สึกลังเล กับการที่จําต้องกลับมาสู่หนังชุดนี้อีกรอบ

ซึ่งเป็นสิ่งที่ คล้องจองกัน กับ การถอนตัวเองออกมาจาก โลก ของ ลุค ใน หนังพอดี “มันเป็นความกลัวในสิ่งที่พวกเรา ไม่รู้เรื่อง น่ะ” แฮมิลล์เอ๋ยถึง ความลังเล ของ ตัว เอง “ด้วยเหตุว่า ผมมีความรู้สึกว่า พวกเรามีจุดเริ่มแรก, กึ่งกลาง และวาระ สุดท้ายไปแล้ว และมันจะคืออะไร

หากพวกเรา ไม่สามารถที่จะเก็บ สายฟ้ามา ใส่ไว้ด้านในขวดได้ดังเดิมเป็น? แฟนคลับจะเปลี่ยนเป็นคนวินิจฉัย พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์ หนังสาม ภาค ก่อน บางเรื่อง กันหนักมาก ซึ่งผมรู้สึกว่า จํานวนมาก เป็นเนื่องจากว่า หนัง ไม่ได้เป็นไปในแนวทางที่พวกเขาอยากที่จะให้เป็น

สิ่ง ที่พวกเรา ชอบ ใน หนังภาคนี้ของ Star Warsเป็นเดิมเรื่องราว และนักแสดง รวมทั้งหนัง Star Wars ภาคแรก ของ George Lucas ซึ่งเกิดมาหลายสิบปีแล้ว แม้กระนั้น star wars ตัวละคร ก็ยังคงมีเสน่ห์แทบทุกตัว

ผู้แสดงหญิง เด่น ๆ ที่จําได้ก็เห็นจะมีแต่ว่าเจ้าหญิง Leia (Carrie Fisher) แต่ว่า หลังๆ มานี้ George Lucas ให้หน้าที่หลักๆ สําคัญๆ กับ นักแสดง หญิงมากขึ้น ตัวอย่างเช่น Rey, Gen. Leia, และ Vice Admiral Amilyn Holdo

ความมากมายหลายทางเชื้อชาติ ก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ อาทิเช่น นักแสดง Finn และ Rose ที่เป็นชายผิวสีและ หญิง ทวีปเอเชีย เป็นลําดับ แม้ว่า พวกเรา จะดู Star Wars มาแล้ว ทุกภาค แต่ว่าก็ไม่ใช่แฟนของหนังเขาสักเท่าไหร่

ตรงกันข้ามเป็น เกือบจะไม่อิน และไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหลายๆอย่างเสียด้วยซ้ํา แต่ว่า พวกเราก็ยอมรับว่า Star Wars: The Last Jedi เป็นภาคที่สนุกสนาน ที่สุด สําหรับ พวกเรา มีฉากบู๊มากเพิ่มขึ้น และมีมุกขบขันมากขึ้น

เนื่องจากว่า ไม่อินกับสตอรี่หรือผู้แสดง ต่างๆ มากมายอะไร ก็เลยมีบ้างที่หาวบ้าง เป็นตอนๆ แม้กระนั้นดี มากๆที่ภาคนี้ฉากแอ็คชั่นจัดหนักจัดเต็ม อีกทั้ง การศึก หรือ การต่อสู้เล็ก ใหญ่มาเต็มจุใจ

ภาค นี้เป็นภาคที่ยาวที่สุด ในแฟรนไชส์สตาร์วอร์ส เนื่องจาก ลากยาวถึง 152 นาที แม้กระนั้นก็เป็นภาคที่อัด แน่นไปด้วยความสนุก ไม่ได้มีระยะเวลานาทีไหนที่ปลดปล่อยให้ง่วงนอนได้เลย เป็นภาคที่คาดหวัง ตลาดวง กว้าง

อย่างเอาจริงเอาจัง และปั้น ผู้แสดงเจเนอเรชั่นใหม่ขึ้นมาเพื่อปัดกวาด สาวกสตาร์วอร์สแบบใหม่ๆ เพราะว่า ดิสนีย์ ก็ปล่อยข่าวแล้วว่ากําลังเตรียมงาน สามภาค ถัดไปแล้วด้วย ภาคนี้เรียกได้ว่าเป็น ภาคปฏิบัติการบนอวกาศ

ถ้าเกิด ใครชอบฉากยานรบ จู่โจมต่อสู้กัน ได้ดูจุใจแน่นอนครับ เพราะเหตุว่าเล่นฉากใหญ่ กันตั้งแต่เปิดเรื่องเลย แล้วก็ทําได้ลุ้นตีนจิกกันอย่างยิ่งจริงๆ บรรดาฉากแอ็คชั่นเล็ก ใหญ่ก็ระดมมาสม่ําเสมอ

ยานคลาสสิก มากันครบทั้ง X-Wing, TIE Fighter และ AT-TA หรือยานรบเดินสองขาที่คุ้นตากันดี ก็มาด้วย ไมเลเนียม ฟอลคอน ก็กลับมาโชว์ลวดลาย แก่ แต่ว่าเก๋า

บทเรียน ในหนัง Star Wars: The Last Jedi มีมากมายเหมือนกับนี่เป็นคู่มือของลัทธินิกายหนึ่งๆซึ่ง ไม่ใช่ว่าใคร ก็ได้จะบรรลุมันได้ทุกข้อ ในด้านงานภาพ วิธีถ่ายทํา โลเคชั่นงามๆ ถูกสร้างออกมา ได้แจ๋ว และดูน่าไว้ใจ

มีการเล่นกับแสงสว่าง สี ในฉาก ถ้าหาก ใครดูจาก ภาค ที่แล้ว จะเห็นว่า กิมมิคการเล่นกับแสงสว่าง และการสื่อ อารมณ์ โทนของหนังด้วยเหมือนกัน แต่ว่ามีบางจุดที่หนัง แอบยืดๆหดๆ สเกลลง

เนื่องจากว่าวิธีการขึ้นจอไอ แมกซ์ แม้กระนั้น โดยรวมแล้วก็ไม่ทําให้เสียอรรถรส อะไรเลย สิ่งที่พวกเราพึงพอใจเป็นผู้แสดงหลักหลายตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Kylo Ren มีความมานะบากบั่นจะหลบหลีก หรือ หลงๆลืมๆ สมัยก่อน

เพื่อจะสร้างฐานะตนใหม่ หรือ สร้างอนาคต ใหม่ ของเขาเอง (แม้กระนั้นก็นะ ใครจะไปทิ้งราก ของตนเองเองได้ หมด คราบเปื้อน ซะได้) หรือ Luke Skywalker เอง แต่ว่าก็ยังมีความหวั่นกลัวอนาคต ในขณะที่มันยังไม่เกิด ขึ้นและบางทีอาจเปลี่ยนได้ และ ความหวาดกลัวนั้นเอง ที่เป็นตัว มีผลทําให้ กําเนิดปัญหาที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

สุดท้ายนี้เราก็ขอจบการ รีวิวหนังฝรั่ง เรื่องนี้ไว้เพียงเท่านี้ หากเพื่อน ๆ คนไหนเป็นแฟนพันธ์แท้ Star Wars ก็อย่าลืมไปรับชมกันให้ครบทุกภาคนะค้าบ