รีวิว Star Wars The Last Jedi
เรื่องราวของ ตระกูลสกายวอร์คเกอร์ ได้ดำเนินต่อไป เมื่อเหล่าผู้กล้าแห่งภาคอุบัติการณ์แห่งพลัง ได้เข้าร่วมในมหากาพย์การผจญภัยในห้วงกาแล็คซี่ ที่จะปลดล็อคความลับแห่งพลังที่ซ่อนไว้มาหลายชั่วอายุคน พร้อมทั้งการเปิดเผยเรื่องราวในอดีตอันน่าตกใจ
จากภาคที่แล้วทิ้งปมและประเด็นต่างๆที่ยังไม่เคลียมากมาย เนื้อเรื่องภาคนี้จึงเต็มไปด้วยความน่าติดตามเรื่องราวต่อไปและความคาดหวังอย่างมากที่จะเคลียประเด็นภาคที่แล้วให้ชัดเจน ในแง่ความน่าสนใจและน่าติดตามทำได้ดีจริง เนื้อเรื่องมีความเข้าใจง่ายและแฝงไปด้วยความหลากหลาย ในส่วนของการคลี่คลายปมในภาคนี้ทำให้เรารู้ที่มาเหตุและผลของหลายๆสิ่งมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นต้นกำเนิดของเรย์ ทำไมไคโล เร็นถึงเข้าสู่ด้านมืด ทำไมลุคถึงปลีกตัวออกมาคนเดียว เป็นต้น แม้บางเรื่องอาจจะยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นักก็ตาม เนื้อเรื่องระหว่างกลุ่มต่อต้านกับปฐมภาคีและเจไดในภาคนี้มีความพิเศษเป็นจุดที่น่าจะยังไม่เคยเห็นในสตาวอส์ภาคไหนมาก่อนเพราะเราแทบจะคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย มันพลิกไปพลิกมาหลายชั้นจนเราเกิดคำถามในใจ ใครจะดีจะเลว ใครจะรอดไม่รอด ซึ่งเป็นความพีคระดับสุดของหนังภาคนี้ ชอบที่หนังไม่ได้ดำเนินตามธรรมเนียมของภาคเก่าๆ เช่น ภาค 2 กับ 5 เป็นภาคที่ฝั่งร้ายโดดเด่นได้ซีนไป ภาค 4 กับ 7 ก็มีเรื่องราวที่คล้ายกันมาก ดูหนัง ในภาคนี้มีความเป็นตัวของตัวเองสูงและทำได้ดีจริงๆ
เส้นเรื่องหลักที่ดำเนินมาถึงภาค 8 รอบนี้ได้ไรอัน จอห์นสัน ผู้กำกับที่สร้างชื่อมาจาก Looper (2012) หนังไซไฟถูกใจนักวิจารณ์ และเข้าตาทางดิสนีย์ให้มารับผิดชอบสานต่อเรื่องราวในภาคนี้ทั้งเขียนบทภาพยนตร์และกำกับ เนื้อหาในภาคนี้สานต่อกันทันทีจาก The Force Awakens หนังเดินเรื่องขนานกัน 2 ทิศทาง ทางหนึ่งเล่าชะตากรรมของฝ่ายต่อต้านภายใต้การนำของเลอากำลังโดนทัพใหญ่ของจักรวรรดิโจมตีอย่างนัก เลอาต้องพาไพร่พลหลบหนี โดยมีโพ ฟินน์ และโรส หน้าใหม่ของทีม ร่วมกันเป็น3ทหารเสือที่เป็นความหวังอันริบหรี่ของฝ่ายต่อต้าน ส่วนอีกทางก็เล่าวีรกรรมของเรย์ ที่ดั้นด้นไปพบลุค สกายวอล์คเกอร์ ทั้งเพื่อเรียนวิชาเจไดและตามลุคกลับไปช่วยฝ่ายต่อต้าน
รีวิว Star Wars The Last Jedi รีวิวหนังฝรั่ง
รีวิว Star Wars The Last Jedi สตาร์ วอร์ส ปัจฉิมบทแห่งเจได
ในช่วงต้นของหนังมีความน่าสนใจและน่าติดตามมากๆ เพราะประเด็นใหม่ของภาคนี้ที่เริ่มไว้ก็น่าสนใจ ปมภาคเก่าที่ทิ้งไว้ก็น่าติดตาม เต็มไปด้วยความอยากรู้ไปหมดแล้วหนังก็ดำเนินไปเรื่อยๆ พร้อมค่อยๆคลี่ปมไปทีละนิด สมมติว่าผมขอแบ่งหนังออกเป็น 4 ส่วนเวลาเท่าๆกัน ส่วนที่ 2 ของหนังรู้สึกน่าเบื่อไปหน่อยเพราะกำลังเล่าส่วนนี่นิดส่วนนี่หน่อยก็ตัดเหตุการณ์กลับไปอีกฝั่งแบบเหตุการณ์ก่อนหน้ายังไม่ได้อะไรคืบหน้าสักเท่าไหร่เลยก็แว่บไปเหตุการณ์อื่นอีกละ แอบมีเนื่อยๆนิดหน่อย แต่ช่วง 3 และ 4 บอกเลยว่าพีคมากๆ แม้ว่าจะมีจุดที่ขัดใจอยู่บ้างเดี๋ยวจะพูดอีกทีช่วงหลังครับ แต่โดยรวมแล้วมันพีคที่สุดกุมอารมณ์คนดูอยู่หมัด
เรื่องราวสงครามระหว่างกลุ่มต่อต้านและจักรวรรดิในภาคเก่าๆ สำหรับผมไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ชอบติดตามเรื่องของเจไดกับซิธมากกว่า แต่ภาคนี้สนุกมากพลิกไปมาอย่างสนุกและน่าตื่นเต้น ดูหนังออนไลน์ ด้านเรื่องราวของเจไดก็ทำออกมาได้น่าสนใจมากกลายๆว่าจะเป็นการเปิดเรื่องราวใหม่ที่ใหม่จริงๆได้อย่างลงตัว และเรายังจะได้เห็น”พลัง”แบบใหม่ที่เรายังไม่เคยเห็นมาก่อนในภาคก่อนๆอีกด้วย ฉากที่น่าตื่นเต้นและตกใจจนต้องร้องเหยดก็มีพอสมควร หนังยังนำเสนออารมณ์ที่หลากหลาย ตื่นเต้น ดราม่า สุข ทุกข์ เศร้า ตกใจ ฉากเท่ๆ แถมยังได้ดนตรีที่เป็นธีมสตาวอส์มาช่วยบิ้วอารมณ์ได้ดี โดยเฉพาะฉากสุดท้ายของหนังที่อารมณ์ส่งได้ดีมากๆ ด้านมุขตลกรู้สึกความตลกและวุ่นวายฉบับสตาวอส์ดูน้อยลงไปแต่ได้มุขตลกอีกแบบมาแทน บางมุขก็รู้สึกแปลกใจว่ามียังงี้ในสตาวอส์ด้วยเหรอก็แปลกดี ด้านภาพ 3D เรื่องนี้ในฉากรบกลางอวกาศพอตื่นตาตื่นใจได้อยู่ โดยรวมทำออกมาพอใช้ได้
ภาคนี้เป็นภาคที่ยาวที่สุดในแฟรนไชส์สตาร์วอร์ส เพราะลากยาวถึง 152 นาที แต่ก็เป็นภาคที่อัดแน่นไปด้วยความสนุกสนาน ไม่ได้มีช่วงเวลานาทีไหนที่ปล่อยให้ง่วงเหงาหาวนอนได้เลย เป็นภาคที่หวังตลาดวงกว้างอย่างจริงจัง และปั้นตัวละครเจเนอเรชั่นใหม่ขึ้นมาเพื่อกวาดสาวกสตาร์วอร์สรุ่นใหม่ ๆ เพราะดิสนีย์ก็ปล่อยข่าวแล้วว่ากำลังเตรียมงานไตรภาคต่อไปแล้วด้วย ภาคนี้เรียกได้ว่าเป็นภาคปฏิบัติการบนอวกาศอย่างจริงจัง ถ้าใครชอบฉากยานรบโจมตีต่อสู้กัน ได้ดูจุใจแน่ ๆ ครับ เพราะเล่นฉากใหญ่กันตั้งแต่เปิดเรื่องเลย แล้วก็ทำได้ลุ้นตีนจิกกันเลยทีเดียว บรรดาฉากแอ็คชั่นเล็กใหญ่ก็ระดมมาต่อเนื่อง ยานคลาสสิกมากันครบทั้ง X-Wing , TIE Fighter และ AT-TA หรือยานรบเดินสองขาที่คุ้นตากันดีก็มาด้วย มิลเลเนียม ฟอลคอน ก็กลับมาโชว์ลวดลายแก่แต่เก๋า
ความพิเศษของหนังในภาคนี้คือหนังพยายามคงเรื่องราวคลาสสิคแบบเก่าเอาไว้เป็นแก่นโครงเรื่อง แต่หนังเลือกจะเล่าเรื่องราวและปรับโทนของหนังให้เข้ากับคนดูในยุคปัจจุบันมากขึ้น ด้วยการแทรกฉากตื่นเต้นเข้ามาเรื่อยๆ ดูหนัง 4k อีกทั้งยังมาพร้อมกับอารมณ์ขัน ซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นนักจากแฟรนไชส์ชุดนี้ อีกทั้งหนังยังมาพร้อมเซอร์ไพรส์มากมาย (โดยเฉพาะแฟนเดนตาย คงจะรักหนังภาคนี้มาก) ไม่เพียงเท่านี้หนังยังพาเราไปสำรวจเขตแดนใหม่ๆ ของจักรวาล อีกทั้งยังใส่คาแรคเตอร์ตัวละครใหม่ๆที่น่าสนใจเข้ามาไม่อั้น (และในแต่ละช่วงพวกเขาล้วนแล้วแต่มีความโดดเด่นน่าจดจำ จนแอบคิดว่าช่วงวันฮาโลวีนปีหน้า คงจะมีคนแต่งตัวคอสเพลย์เป็นตัวละครใหม่ๆ จากหนังภาคนี้อย่างแน่นอน)
สั่นสะเทือนไปทั้งกาแล็กซี่ กับบทสรุปของเจไดคนสุดท้าย
สิ่งที่รู้สึกผิดกลิ่นไปมากก็คือบรรดามุกตลกที่อัดมาถี่ ได้เสียงหัวเราะดังลั่นตั้งแต่ 5 นาทีแรก หลังจากนั้นมุกเล็กมุกใหญ่ก็มาเพียบทั้งในบทสนทนาและมุกที่มาจากบรรดาสัตว์ต่างดาว แล้วก็เป็นมุกที่ได้ผลเสียด้วย ไอ้หัวเราะก็หัวเราะอยู่นะแต่ในเสียงหัวเราะนั้นก็ชวนให้ฉงนว่านี่ดูสตาร์วอร์สหรือมาร์เวลยุคหลังอยู่กันแน่ The Last Jedi กลายเป็นสตาร์วอร์สภาคที่ดูมีความสดใส มากสีสันทั้งมุกและฉากแอ็คชั่น ดูเอาใจตลาดอย่างชัดเจน และยิ่งเป็นภาคที่ต่อเนื่องจาก Rogue One ยิ่งเป็นความรู้สึกที่ขัดกันทางอารมณ์อย่างชัดเจน กลับกลายเป็น ว่าภาคแยกอย่าง Rogue One กลับรักษาความหม่น สุขุม จริงจัง ที่เป็นกลิ่นอายเดิม ๆ ของสตาร์วอร์สไว้ได้มากกว่าภาคต่อทางตรงอย่างภาคนี้เสียอีก
สำหรับแฟน ๆ รุ่นใหม่น่าจะถูกอกถูกใจกับภาคนี้เป็นพิเศษ ถ้าพิจารณาในด้านความบันเทิงต้องบอกว่านี่คือภาคที่โคตรสนุก มีบรรดาสัตว์ต่างดาวมากมายมาสร้างสีสัน ตัวฟอร์ก เพนกวินต่างดาวหน้าตาน่ารัก บรรดาแม่บ้าน จิ้งจอกคริสตัล และม้าต่างดาว ทั้งหมดนี้เห็นได้ชัดถึงบทบาทของดิสนีย์ที่แทรกเข้ามาอย่างมากและเป็นสูตรที่ดิสนีย์เคยทำสำเร็จกับหนังมาร์เวลก็เลยลามมาในสตาร์วอร์สด้วย ซึ่งก็น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายของดิสนีย์ล่ะ ถ้าไม่สร้างฐานแฟนใหม่ก็จะสานต่อแฟรนไชส์ราคาแพงเรื่องนี้ไปได้ยาก
ภาคนี้ปมตัวละครแน่นมาก ไม่ใช่หนังฮีโร่ วีรบุรุษ ฝ่ายคนดีทำทุกอย่างสำเร็จ แฮปปี้ โลกจะต้องงดงาม แต่เป็นการตั้งคำถามกับความเชื่อ คุณกำลังอยู่ฝั่งไหน คุณกำลังจะไปฝั่งไหน คุณต้องการสิ่งไหนในชีวิตคุณกันแน่ ทุกตัวละครหลักๆต่างขัดแย้งในตัว และได้เจอกับแบบทดสอบตัวตนที่ต้องก้าวผ่าน คือมันเป็นหนังที่สำรวจตัวละครมากกว่า ถ้าถามว่าฉากต่อสู้มันๆ เยอะไหม คือโคตรรรเยอะ เราว่ามันเท่ดี หลายฉากเลย แต่ถ้าถามว่าอะไรที่เด่นที่สุดในเรื่องนี้ มันไม่ใช่ฉากต่อสู้ แต่มันคือตัวละคร
มาถึงตรงนี้แล้ว คงพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า Star Wars: The Last Jedi สนุกมาก ครบในทุกมิติที่หนังดีๆ เรื่องนึงจะต้องมี นอกเหนือไปจากเนื้อเรื่อง การแสดง ฉากแอ๊คชั่น เทคนิคพิเศษต่างๆ ที่เราได้บรรยายเอาไว้ในข้างต้น เหนื่อสิ่งอื่นใดที่เราจะได้รับก็คือ ความสนุกสนานที่น่าประทับใจ เป็นความบันเทิงที่ควรค่าแก่การเป็นภาพยนตร์ส่งท้ายปลายปีเลยจริง
ขอเสริมอีกนิดนึง การได้ชม Star Wars: The Last Jedi ท่ามกลางเหล่าพาดาวันเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมาก ขอบคุณเหล่าพาดาวันทุกท่านที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าประทับใจมากขึ้นไปอีก และสุดท้าย
Star Wars The Last Jedi มีเรื่องราวภาคต่อที่สนุกน่าติดตาม โดดเด่นที่การเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนภาคก่อนๆด้วยเรื่องราวที่พลิกไปพลิกมาน่าลุ้นน่าติดตามอยู่ตลอดคาดเดาได้ยากโดยเฉพาะในช่วงท้ายของหนัง เสียที่มีความเอื่อยตรงกลางเรื่องนิดหน่อย ส่วนตัวก็แอบเสียดายบางอย่างที่น่าจะทำน่าจะได้เห็น น่าจะสนุกกว่านี้มากๆ และนับเป็นการวางทิศทางหนังเผื่ออนาคตที่มีความเป็นตัวเองสูงที่ผู้กำกับไรอัน จอห์นสันใส่สุด จัดหนัก แต่หนังก็แอบมีความไม่สมเหตุสมผลในบางฉากที่ดูแหม่งๆไปบ้าง แต่โดยรวมก็พอได้อยู่ สนุกมาก น่าติดตามบทสรุปไตรภาคว่าจะเป็นอย่างไร ดูหนังออนไลน์ 4k
พล็อตเรื่อง 8.5/10
ดำเนินเรื่อง 9.5/10
ตัวละคร 8.5/10
สรุป 9/10
เรื่องเล่าท้ายเรื่อง: เมื่อถูกถามถึงตัวอย่างที่ราวกับเฉลยปมสำคัญ และเปิดเผยเรื่องราวมากมาย ไรอัน จอห์นสัน ตอบว่า “พวกเรา (ทีมงาน) ชอบตัวอย่างนะ ตอนที่เรานั่งดูมัน เราพูดกันว่า ‘พระเจ้า… มันเหมือนจะขายอะไรทื่อๆ นะ แต่ไม่เลย’ ไม่ใช่เพราะว่ามันมีอะไรตุกติก หรือทำให้คุณตีความผิดๆ นะ แต่เพราะมันมีอะไรที่มากกว่านั้น… มันไม่ให้คำตอบอะไรกับคุณ มันตั้งคำถามต่างหาก ซึ่งเจ๋งมากๆ”