รีวิว No Time to Die

เรื่องย่อ เจมส์ บอนด์ (Daniel Craig) กำลังสนุกไปกับชีวิตอันเงียบสงบในจาไมก้า แต่ช่วงเวลาพักผ่อนนั้นก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เพราะ ‘เฟลิกซ์ เลเตอร์’ (Jeffrey Wright) เพื่อนเก่าจากซีไอเอ มาขอให้เขาช่วยทำงาน เป้าหมายคือช่วยชีวิตนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลักพาตัวไป ซึ่งเหตุการณ์นี้ดูเลวร้ายกว่าที่คิดไว้ บอนด์ต้องเข้าไปเผชิญกับศัตรูลึกลับที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่สุดอันตรายเป็นอาวุธ ดูหนัง

หลังจากที่เลื่อนฉายเพราะสถานการณ์โควิด-19 ยาวนานสามครั้งสามครา รวมเวลาก็นานนับปี ในที่สุด ภาพยนตร์แฟรนไชส์สายลับเจมส์ บอนด์ 007 ภาคที่ 25 ในชื่อว่า ‘No Time To Die’ ก็ได้ฤกษ์เข้าฉายอย่างเป็นทางการซะที ซึ่งภาคนี้มีความสำคัญอีกอย่างก็ตรงที่ ภาคนี้จะเป็นการรับบทเจมส์ บอนด์ครั้งสุดท้ายของ ‘แดเนียล เครก’ (Daniel Craig) เจมส์บอนด์ที่มีเอกลักษณ์ตาสีฟ้า ผมสีบลอนด์ พร้อมด้วยสกอร์ประกอบภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่โดย ‘ฮานส์ ซิมเมอร์’ (Hans Zimmer) ที่ยังคงทรงพลังในทุกสกอร์ในทุก ๆ ฉากแบบไม่มีผิดหวัง

รีวิว No Time to Die

รีวิว No Time to Die รีวิวหนังฝรั่ง

แดเนียล เคร็ก ไม่ใช่นักแสดงคนแรกที่รับบทเจมส์ บอนด์ สายลับเอ็มไอซิกส์เจ้าของรหัส 007 ที่รู้ว่าเส้นทางการเป็นตัวละครระดับไอคอน (Icon) ของตัวเองจะสิ้นสุดที่หนังเรื่องไหน แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ ก็คือ เขาเป็นนักแสดงคนแรกที่มีโอกาสได้ร่ำลาบทนี้ (รวมไปถึงผู้ชม) อย่างเป็นทางการบนจอในหนังเรื่องสุดท้ายของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทั่ง ตำนาน อย่าง ฌอน คอนเนอรีก็ไม่ได้รับโอกาสนี้ โรเจอร์ มัวร์ที่เล่นเป็นบอนด์มากกว่าใครเพื่อนก็ไม่มีโอกาสนั้น โดยไม่ต้องพูดถึง จอร์จ ลาเซนบี้, ธิโมธี ดัลทัน หรือกระทั่ง เพียร์ซ บรอสแนน ที่ราวกับถูกทิ้งไว้กลางทาง

ทำให้ตอนจบของ No Time to Die หนังบอนด์เรื่องสุดท้ายของเคร็ก มีรสชาติแปร่ง ๆ แตกต่างไปจากที่เคย

มองย้อนกลับไปหาหนังเรื่องแรกที่เคร็กเล่น Casino Royale แล้วตามมาด้วย Quantum of SolaceSkyfall และ Spectre แม้จะมีตัวละครที่รับช่วงมาจากยุคของบรอสแนน อย่าง เอ็ม (จูดี้ เดนช์) แต่เรื่องราวทั้งหมดก็มีความเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ใช่หนังที่ว่าด้วยปฏิบัติการของสายลับรหัส 007 เป็นตอน ๆ ครั้ง ๆ คราว ๆ เช่น เรื่องก่อน ๆ หน้า

รีวิว No Time to Die

สำหรับ ‘No Time To Die’ ภาคนี้เล่าเรื่องถึงเจมส์ บอนด์ ที่วางมือจากการเป็นนักสืบไปแล้ว และใช้ชีวิตอยู่ที่จาไมกา พร้อมกับคนรักอย่าง ‘ดร. เมเดอลีน’ (Léa Seydoux) จากภาคที่แล้ว ‘Spectre’ (2015) ที่ในภาคนี้จะได้เห็นความสัมพันธ์ของทั้งคู่แบบชัดเจนยิ่งขึ้น แต่สายลับบอนด์กับ ดร. เมเดอลีนที่กำลังพักผ่อนอยู่ที่อิตาลีกลับอยู่สุขได้ไม่นาน เพราะ ‘เฟลิกซ์ เลเตอร์’ (Jeffrey Wright) เพื่อนเก่าจากหน่วยซีไอเอ มาขอให้เขาไปช่วยตามหานักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย ที่ถูกลักพาตัวไปพัฒนาอาวุธเชื้อโรคร้ายแรง “โปรเจกต์ เฮราคลีส” (Project Heracles) ที่ ‘ซาฟิน’ (Rami Malek) เป็นเจ้าของ ดูหนังออนไลน์

No Time to Die ถือเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะในวาระการกลับเข้าโรงหนังอีกครั้งในรอบหลายเดือนหรือในรอบปีของใครหลายคน หลังการแพร่ระบาดของ โควิด19 ทั่วโลก เพราะหากชมหนังเรื่องนี้อยู่ที่บ้านผ่านสตรีมมิ่งต่างๆ อรรถรสจะลดลงไปมากพอสมควร ใช้คำว่าไม่สมคุณค่ากับการอำลา แดเนียล เคร็ก ในบทสายลับ รหัส 007 ก็ได้

รีวิว No Time to Die

ความน่าสนใจของ No Time to Die นอกจากการวางมือของ แดเนียล เคร็ก ในส่วนของผู้กำกับ แครี่ โจจิ ฟุคุนางะ ก็เป็นเรื่องที่หลายคนไม่คาดคิด เนื่องจากเจ้าตัวขยับตำแหน่งมาจากทีมเขียนบท แถมยังมีผลงานการกำกับภาพยนตร์ที่ไม่มาก (Beasts of No Nation , Jane Eyre) ทำให้หลายคนค่อนข้างปรามาสในฝีมือของเขา

เจมส์ บอนด์ เปิดตัวครั้งแรกในบทบาทการแสดงของ ฌอน คอนเนอรี (คนที่ 1) จากนั้นก็ได้เปลี่ยนตัวนักแสดง และได้ จอร์จ เลเซนบี (คนที่ 2) มารับช่วงต่อ ตามด้วย ฌอน คอนเนอรี กลับมารับบทเดิมอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานก็มีนักแสดงคนใหม่ชื่อว่า โรเจอร์ มัวร์ (คนที่ 3) มาสานต่อ แต่ก็ต้องมาเปลี่ยนตัวนักแสดงกันอีกครั้ง ซึ่งคนที่มาสวมบทบาทใหม่ก็คือ ทิโมธี ดาลตัน (คนที่ 4) ตามด้วย เพียร์ซ บรอสแนน (คนที่ 5)

จนมาถึงคนสุดท้ายซึ่งก็คือ แดเนียล เคร็ก (คนที่ 6) ที่กำลังจะปิดตำนานบทบาท เจมส์ บอนด์ พยัคฆ์ร้าย 007 ของเขาลงในภาคที่ 25 ซึ่งแม้ว่าในช่วงแรกที่เขาได้มารับบทบาทนี้ในภาคที่ 21 จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกไปในหลายรูปแบบ ทั้งกระแสไม่เห็นด้วยและทั้งคำชื่นชม แต่เมื่อเขาได้สวมบทบาท เจมส์ บอนด์ อยู่หลายขวบปี ตัวตนในแบบฉบับบอนด์ที่เขาสร้างขึ้นก็กลายเป็นหนึ่งภาพที่ทำให้แฟนหนังจดจำยอมรับ

และหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การบอกลาส่งท้ายของ แดเนียล เคร็ก ใน No Time to Die ช่างเหมาะสมแล้วกับการจะถูกบันทึกในฐานะตำนาน

บทสั่งลาเจมส์ บอนด์ของ ‘แดเนียล เครก’ ที่สุดแสนสะเทือนอารมณ์

No Time to Die ภาพยนตร์ลำดับที่ 25 ในหนังชุด เจมส์ บอนด์ ได้ทีมนักแสดงเดิมอย่าง แดเนียล เคร็ก, เลอา เซย์ดูว์, เบน วิชอว์, นาโอมิ แฮร์ริส, เจฟฟรี่ย์ ไรท์, คริสทอฟ วอลทซ์ , เรล์ฟ ไฟนส์ และ รอรี่ คินเนียร์ มาผสมผสานกับตัวละครใหม่ที่รับบทโดยนักแสดงชัดใหม่อย่าง รามี มาเลค , ลาชานา ลินช์ และ อนา เดอ อาร์มัส

สำหรับตอนที่ 5 ในรอบ 15 ปี ของ แดเนียล เคร็ก ในบท เจมส์ บอนด์ อย่าง No Time to Die พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ เล่าถึง เจมส์ บอนด์ ที่เลิกทำงานเสี่ยงตายรับใช้รัฐบาลและกำลังดื่มด่ำกับชีวิตที่แสนสงบในจาไมก้า แต่ช่วงเวลาสงบเขาช่างสั้นนัก เนื่องจากเพื่อนเก่าของเขา เฟลิกซ์ ไลเตอร์ จากซีไอเอได้ปรากฏตัวมาขอความช่วยเหลือจากเขา ภารกิจในการช่วยเหลือนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลักพาตัวไปกลับกลายเป็นเรื่องที่ร้ายแรงเกินกว่าที่คาดคิดไว้มากมาย และนำบอนด์ไปสู่ร่องรอยของวายร้ายลึกลับที่มีเทคโนโลยีใหม่สุดอันตรายเป็นอาวุธ ดูหนัง 4k

รีวิว No Time to Die

ในที่สุด No Time To Die ภาพยนตร์ในแฟรนไชส์ James Bond เรื่องสุดท้ายของพระเอกรุ่นใหญ่ แดเนียล เคร็ก (Daniel Craig) ภายใต้การกำกับของ แครี่ โจจี้ ฟูคูนากา (Cary Joji Fukunaga) จากซีรีส์ True Detective อันโด่งดัง ก็กำลังจะเข้าฉายต้นเดือนตุลาคม 2021 นี้ ซึ่งในต่างประเทศได้เริ่มฉายรอบสื่อมวลชนไปแล้ว และได้มีหลายสำนักข่าวเริ่มเปิดเผยคำวิจารณ์ออกมาแล้ว ดังนี้

ได้ดูกันเสียที 007 ภาคสุดท้ายของแดเนียล เคร็ก นี่คือบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดของบอนด์ ฉบับของเขาที่แตกต่าง และน่าจดจำ พยัคฆ์ร้ายที่ฝึกมาให้ไร้หัวใจ แต่เขาก็มนุษย์ธรรมดา มีอารมณ์ มีความรัก และมีชีวิตจิตใจ แน่นอนว่าบอนด์คนนี้จะอยู่ในใจของเราไปอีกนาน

No Time to Die ใครที่เป็นแฟนๆ คงต้องไปดูกันอยู่แล้ว เพราะนี่คือหนังที่เรารอคอยกันมานาน นี่คือภาคสุดท้ายที่แดเนียลสั่งลาจริงๆ กับบทที่เขารับมากว่า 15 ปี ด้วยวัยที่มากขึ้น และการบาดเจ็บต่างๆ ที่จะมาบู๊ดิบๆ แบบที่เขาเล่นในภาคแรกๆไม่ได้แล้ว ซึ่งก่อนไปดูเราก็ได้ย้อนดูกันอีกรอบ ซึ่งภาคนี้ก็ได้มีการหยิบองค์ประกอบจากภาคก่อนมาใช้ด้วย

Peter Bradshaw จาก The Guardian No Time To Die อัดแน่นไปด้วยความลุ้นระทึก, อารมณ์คอเมดี, เดินเรื่องอย่างมั่นใจ และอาจเป็นภาคที่มีแอ็กชั่นใหญ่ที่สุด และงานสตันต์ที่น่าชื่นชมที่สุด

รีวิว No Time to Die

ในฐานะแฟนบอนด์ ที่ดูมาภาคนี้คือจัดอยู่ในระดับดีนะ ไม่ได้แย่เลยสำหรับหรับเรา (Spectre นี่คือ ผิดหวังมาก) แต่มันจะมีความรู้สึกที่แบบอึนอยู่ๆบอกไม่ถูกเช่นกัน ภาคนี้คือเขาใจว่าต้องปูทางให้แดเนียลแหละ แต่บทตัวร้ายค่อยข้างมีปัญหาเลย ด้วยความที่มีเวลาให้แก่เขาน้อย ซึ่งจริงภาคนี้คือมีเวลาเยอะอยู่แต่ให้ช่องน้อย และเราก็ไม่ได้เขาใจเจตนาที่จะทำให้เรื่องนี้นั้นสมบูรณ์และหนักแน่นได้ เรื่องฉากแอ็คชั่นบอกเลยดูสนุกเลยนะ แต่ภาคนี้จะไม่ค่อยเห็นสู้แบบตัวๆบ่อยแล้ว แบบที่เป็นเอกลักษณ์ของฉบับเขา ภาคนี้พี่แกเน้นปืนเป็นหลักเลยภาคนี้เจอปืนตกเก็บอย่างนั้นเลย ส่วนตัวละครเก่ากลับมาครบทีมเลย ดูหนังออนไลน์ 4k ฟีลิกซ์ก็กลับมา และเสริมทัพด้วยตัวละครใหม่สาวบอนด์อย่างพาโลม่าที่โผล่มาแจมแย่งซีนสุดๆเลย ภาคนี้มีการแหกธรรมเนียมความเป็นหนังบอนด์อยู่หลาย เรื่องเลย เชื่อว่าแฟนต้องมีอึ้งๆกันบ้างแหละ ใครหลายคนอาจจะชอบภาคนี้แต่เราว่ามันก็มีภาคอื่นที่เคยทำไว้ได้ดีกว่ามาก่อนไม่ใช่ในระดับที่สลับกันแบบ Casino และ Skyfall มันยังขาดอะไรบางอย่างไปอยู่ดีที่หลายคนคงรู้สึกที่จะทำให้ภาคสมบูรณ์มากกว่านี้

โดยสรุปนี่อาจไม่ใช่ภาคนี้อาจจะไม่ใช่หนังบอนด์ที่ดีที่สุด หรือบอนด์ที่เราชอบสำหรับเรา แต่โดยรวมแล้วมันคือบทสรุปของตัวละครที่เราตามดูเขามากว่าทศวรรษ บอนด์ที่นำแสดงโดยแดเนียล เคร็กที่ผ่านบททดสอบ และข้อครหาต่างๆ ซึ่งแกได้พิสูจน์แล้วว่าพี่แกทำได้จริงๆ ไปดูเถอะ ถ้าคุณเกิดมาในบอนด์ยุคนี้

ถึงเวลาที่สายลับสุดหล่อสุดเท่จะกลับมาปฏิบัติภารกิจบนจอยักษ์กันอีกครั้ง แล้วเราจะพลาดได้อย่างไร แถมครั้งนี้ยังเป็นครั้งสุดท้ายที่ พ่อหนุ่มเท่ แดเนียล เครก จะสวมบทบาทนี้หลังเขาใช้เวลายาวนาน 15 ปี ตั้งแต่ Casino Royale ในปี 2006 เป็นต้นมา เพื่อเป็นการสั่งลา นายแพทจึงขออาสาเดินเข้าโรงแล้วออกมาเล่าให้ทุกท่านได้อ่านกัน กับ ‘No Time to Die’ ชื่อไทยจำไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย ‘พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ’ นั่นเอง

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *