รีวิว Mission Impossible 7 – Dead Reckoning Part One ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง

หลังจากที่ห่างหายกันไปสักพัก วันนี้เราจะมา รีวิวหนังฝรั่ง แอ็คชั่นสายลับยักษ์ใหญ่ แห่งปี โดยได้ผู้กำกับมากประสบการณ์อย่าง คริสโตเฟอร์ แมคควอรี ไฮไลท์ของเรื่องนี้ คงจะหนีไม่พ้น นักแสดงนำอย่าง ทอม ครูซ สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับหนุ่มคนนี้ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง หากคุณสนใจหนังเรื่องนี้ สามารถไปติดตามรับชม ดูหนังออนไลน์ เรื่องนี้ได้ที่นี่เลย

นับเป็นการกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของ ของหนังสายลับ ฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One ซึ่งภาคนี้จะเป็นเพียงแค่จุดเริ่ม แม้กระนั้นเพียงแค่จุดเริ่มแรกก็เล่นเอาหายใจไม่ทั่ว ท้องแล้ว

เนื่องจากว่า พ่อ ทอม ครูซ จัดเต็ม แบบไม่ยั้ง อัดแน่นตลอด 2 ชั่วโมง 43 นาที กับภารกิจใหม่ที่ ไม่มีทางเป็นไปได้ แม้กระนั้น อีธาน ฮันท์ ทําให้มันเป็นได้ พร้อมทั้ง ฉากแอ็คชั่นเสี่ยงตายที่พ่อทอม ครูซ ลงทุนเล่นเอง เพิ่มความระทึก

จนถึงแทบจะหยุดหายใจ ถึงคิวอีกหนึ่ง หนังแอคชั่น ใส่ไม่ยั้ง ประจํา ฮอลลิวูด ที่นับวันยิ่งจะบ้าระห่ําา แบบไร้ขีดจํากัด ขึ้นเรื่อย รวมทั้ง นี่เป็นการกลับมา อีก ของ ตําานาน สายลับที่ยังคงกระพัน ถึงแม้เวลาจะผ่านล่วงไปกว่า 20 ปีแล้ว

แม้กระนั้นเขายังบู๊ดีใน “Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One มิชชั่น อิมพอสสิเบิล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่ 1” ที่มาพร้อมทั้ง กลุ่ม ดาราหนัง และก็ กลุ่ม ผู้ผลิตชุดเดิมที่รู้จักกันดี และนั่นก็เปลี่ยนมาเป็นงานระห่ํา แบบไร้รอยต่อที่ดี

ย้อนกลับไปเมื่อ 27 ปีที่ผ่านมา ทอม ครูซ (Tom Cruise) ได้เริ่ม โปรเจกต์แรก ของตัวเขาเอง ในฐานะผู้ แสดง แล้วก็โปรดิวเซอร์หนัง ซึ่งมันก็คือ mission impossible 7 เต็มเรื่อง ภายหลังที่ออกฉายในปี 1996

โลกเลยได้ รู้จักกับสายลับ อีธาน ฮันต์ สายลับประจําหน่วย IMF (Impossible Mission Force) ที่จะต้องทําภารกิจ ใน กระทําการ ที่ แทบ ไม่มีทางเป็นไปได้ จากหนังสายลับขาย ความไฮเทค ปรับปรุงเปลี่ยนเป็น

แฟรนไชส์หนัง แอ็กชัน สายลับ ที่มากับฉากเสี่ยงตาย สไตล์ ทอม ครูซ ที่เวลานี้เดินทางมาถึง ภาคที่ 7 ในชื่อ ‘Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One’ และก็นับว่าเป็น ภาค แรก ของ แฟรนไชส์ ที่แบ่ง เรื่องราว ออกเป็น 2 ตอน

ในภาคนี้ก็ยังคงได้ คริสโตเฟอร์ แม็กควอรี (Christopher McQuarrie) ผู้กํากับ แล้วก็เขียนบทขาประจํา สถานที่ทํางานกับแฟรนไชส์นี้มาตั้งแต่ตอนเขียนบท ภาค ‘Mission: Impossible – Ghost Protocol’ (2011)

และก็รับหน้าที่กํากับควบคุมดูแล 2 ภาคหลัง อย่าง ‘Mission: Impossible – Rogue Nation’ (2015) รวมทั้ง ‘Mission: Impossible – Fallout (2018) ที่มีความเชื่อมโยงกัน ด้วย ผู้แสดงชุดเดิม ทําให้มีภาพของความ เป็น ‘จักรวาล’ ขึ้นมา อย่างแจ่มแจ้ง รวมถึง ภาค นี้ ด้วย

ภาพยนตร์ ภาคที่ 7 จาก แฟรนไชส์ Mission: Impossible ที่ในภาคนี้จะยังคงติดตามเรื่องราวของยอดสายลับ Ethan Hunt อย่างเคย ซึ่งในคราวนี้เขา รวมทั้งกลุ่ม IMF ของเขาจําเป็นที่จะ ต้องไปทําหน้าที่ ครั้งสําคัญ

ด้วยการตามหากุญแจเจ้าปัญหา สุดไฮเทคที่เอาไว้ปลดล็อคอาวุธที่เป็นภัยต่อม นุษยชาติก่อนที่มันจะตกไปอยู่ในมือ ผู้ไม่ปรารถนาดี โดยเขาจําเป็นต้องประจันหน้ากับ สมองกล สุด ไฮเทค

ซึ่งสามารถ คาดการณ์อนาคตได้อย่างเที่ยงตรง โดยภารกิจ ในคราวนี้ Ethan จําเป็นที่จะต้องเจอหน้ากับผู้มี อิทธิพล รวมทั้งจําเป็นต้องไล่ตาม กุญแจไปทั่วทั้งโลก

ในที่สุดแล้ว เรื่องราวทั้งหมดทั้งปวงจะเป็นอย่างไร ทุก คนจะต้องไปรับชมด้วยตาตนเองใน Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One (มิชชัน :อิมพอส ซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง) Mission: Impossible 7 ฉาย ทุกโรงหนังแล้ววันนี้

ถ้าเกิด ใครเป็นแฟนตัวยงของ ภาพยนตร์แฟรนไชส์ mission: impossible ภาค 7 คงจะเข้าใจกันดีว่า แทบไม่มีภาค ไหนเลยที่จะไม่สนุก เรื่องราวแนวสายลับ ปฏิบัติภารกิจยากๆ แต่ว่า ผู้แสดงนํา ก็เก่ง และก็ผ่านมาได้อย่าง หล่อๆ

เป็นเรื่องราวที่คลาสสิกสุดๆ หากว่าผู้ชมจะเดาได้ แต่ว่ารายละเอียดว่าเป็น ภารกิจ อะไร ใช้แนวทาง ไหน สําหรับเพื่อการทําภารกิจให้เสร็จ ต่อสู้กับปัญหายังไง รวมทั้ง ผ่าน ภารกิจมา ได้ในต้นแบบ ใดเป็นเรื่องราว

ที่แต่ละภาค มีเสน่ห์ ที่ไม่เหมือนกัน ในส่วนของเรื่องราว นับว่าวางพล็อตมา ได้เรียบง่าย แม้กระนั้นก็ยังคง น่าดึงดูด แล้วก็ทันยุคทันสมัย แม้ว่าจะรู้สึกแปลกๆที่ AI โดนยึด ควบคุมได้จากกุญแจที่ดูเหมือนอนาล็อก สุดๆ

แต่ว่า ก็เป็นพล็อต ที่รู้เรื่อง ได้รวมทั้งที่สําคัญเป็นเรื่องราวระหว่างปฏิบัติหน้าที่นั่นแหละคือเส้นเรื่องหลัก ของเรื่อง

แม้ว่าจะพูดว่าบทมองยึดในหลายส่วน แต่ว่าก็มิได้มากขนาดนั้น เพราะเหตุว่าตัวหนัง เขา ตัด คั่นรายการแอ็ก ชันมา แก้เบื่อ ให้ พวกเราตลอดทั้งเรื่อง ใส่ฉากแอ็กชันมาค่อนข้างจะเยอะแยะรวมทั้ง อิ่มเอม พอเหมาะพอควร

ผม ติด เพียงแค่คิวบู๊ที่คิดว่ามองปกติ ไปหน่อย แม้กระนั้นมิได้ถึงกับห่วยแตก ครับผม อาจเกิดจาก พึ่งจะดู John Wick: Chapter 4 มาเมื่อต้นปีเลย แอบ มุ่งมาด ฉากสตันต์ที่ว้าว แล้วก็ตื่นตาตื่นใจกว่านี้

รวมทั้ง แน่นอน ว่าก็มีหลายฉากเช่นเดียวกันที่ผมถูกใจ ตัวอย่างเช่น ฉากไล่ล่าบนถนนหนทาง ที่กรุงโรม ตอนต้นเรื่อง แล้ว ก็ฉากท้ายเรื่อง บนรถไฟ ชูให้เป็นฉากที่ผมถูกใจที่สุด ในภาคนี้แล้ว แต่ทว่าจะต้องบอกก่อนว่าที่ผมเฉยๆ

กับฉากแอ็กชัน อาจเกิดจาก ส่วนตัวผมมิได้เป็นแฟนตัวยงของ แฟรนไชส์นี้ขนาดนั้นอยู่แล้ว เป็นงานแอ็กชัน เขาก็ยังมาตรฐานเดิมของ แฟรนไชส์ ซึ่งคนใด ที่เป็นแฟนของแฟรนไชส์นี้ คงจะไม่ผิดหวังแน่ๆ

เมื่อ ดู Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One เรื่องนี้จบแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวก็คือ “ ยังมีอะไรที่ ทอม ครูซ มิได้ทําอีก?” ด้วยเหตุว่า ดูอย่างกับว่าเขาจะทําหลายๆอย่าง ให้มันเป็นได้แทบจะ หมดแล้ว

ฉะนั้นก็คงจะเหลือการพุ่งตรง ออก ไป ยัง อวกาศเพียงแค่นั้นแหละ หากเขา ทําเป็นก็ไม่แปลกใจเลย แบบเดียวกัน หนังเรื่องนี้ที่มันเป็นการยกฐานะ แล้วก็สร้างบรรทัดฐาน ใหม่ กับเฟรนไชส์ และก็แวดวงหนัง ฮอล ลิวูดเลยด้วย

ท้ายที่สุด ขอฝาก หนังดีๆ อีกเรื่อง สามารถ ไปติดตามรับชม The Hobbit 2 กันได้ ตรงนี้เลย