รีวิว Mile 22

เจมส์ ซิลวา หัวหน้าหน่วยลับของ CIA ที่ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปประเทศสมมติในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อไปรับตัว ลี นัวร์ ตำรวจตงฉินที่กำเบาะแสของซีเซียม ระเบิดอาณุภาพสูงที่ทีมของเจมส์ ซิลวา กำลังตามหาอยู่ แต่มีข้อแม้ว่าต้องพาเขาออกจากประเทศนี้ก่อน เพราะผู้มีอิทธิพิลมากมายกำลังตามล่าเอาชีวิตเขาอยู่ หัวใจหลักของหนังคือ การอารักขาลี นัวร์ จากสถานทูตสหรัฐไปยังสนามบินที่มีะระทาง 22 ไมล์  ดูหนัง และตลอดทางจะต้องโดนซุ่มโจมตีจากกองกำลังว่าจ้างที่หมายมั่นเอาชีวิตลี นัวร์ อย่างแน่นอน

มาร์ค วาห์ลเบิร์ก กับคาแรคเตอร์พระเอกแอ็คชั่นถือปืนกลน่าจะเป็นภาพที่แทบเป็นเอกลัษณ์ประจำตัวเขาไปแล้ว ปีเตอร์ เบิร์กจึงพยายามหาทางให้มาร์ค ได้ฉีกภาพลักษณ์จากเดิมด้วยการเพิ่มเติมบุคลิกประหลาด ๆ เข้าไปในตัวเจมส์ ซิลวา แล้วผลที่ออกมาคือตัวละครที่ออกแนวโรคจิต เจ้าอารมณ์ ฉุนเฉียวตลอดเวลา สมาธิสั้นต้องคล้องหนังยางที่ข้อมือไว้คอยดีดดึ๋งเพื่อช่วยควบคุมสมาธิ และเจมส์ เป็นมนุษย์ที่พูดมาก หลาย ๆ ฉากที่เขาปรากฏตัวบนจอ ซับไตเติ้ลจะวิ่งแบบรัว ๆ อ่านกันแทบไม่ทัน ซึ่งจริง ๆ ก็ปล่อยผ่านไปได้ เพราะเต็มไปด้วยปรัชญาคำคมที่ไม่มีส่วนสำคัญอะไรกับเนื้อหาหนังนัก ถ้ายังปวดหัวไม่พอ ปีเตอร์ เบิร์ก พยายามสร้างความแปลกใหม่ให้กับหนังที่มีมาร์ค วาห์ลเบิร์กเป็นพระเอกเรื่องที่ 4 ของเขาด้วยการใส่ลูกเล่นการตัดต่อสลับไปมา 2 เหตุการณ์แบบรัว ๆ ปวดหัวมาก และไม่เห็นว่ามันจะเท่ตรงไหน

Mile 22 คนมหากาฬ เดือดมหาประลัย เล่าเรื่องราวของ เจมส์ ซิลวา (มาร์ก วอห์ลเบิร์ก) และทีมของเขาต้องเข้าร่วมภารกิจลับสุดยอดเพื่อส่งตัว ลี นัวร์ (อิโก อูไวส์) สายข่าวผู้กุมความลับที่ซ่อนอาวุธร้ายที่ถูกกระจายไปทั่วโลก ออกนอกประเทศที่เขาอยู่ และด้วยระยะการเดินทาง 22 ไมล์สู่จุดส่งตัว กลับรายล้อมไปด้วยศัตรูที่ไล่ล่าพวกเขาด้วยทุกสิ่งที่มี ภารกิจจึงต้องเดิมพันด้วยชีวิต…

รีวิว Mile 22  รีวิวหนังฝรั่ง

รีวิว Mile 22

รีวิว Mile 22 ดูเอามันส์

รีวิว Mile 22 บอกตรงๆ ผมดูเรื่องนี้เพราะมาร์ค วอห์ลเบิร์ก แต่ที่ไม่รู้มาก่อนเลย คือมาร์ค รับบทคนเป็นออทิสติค ซึ่งตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่า คนประเภทพิเศษ จะสามารถทำภารกิจได้อย่างไร ซึ่งเอาจริงๆ หนังก็ไม่ได้สื่ออะไรตรงนี้มากนัก เพียงแต่สื่อออกมาให้คนดูรู้แค่ว่า คนๆ นี้ไม่ใช่คนธณรมดา ซึ่งจริงๆ แล้วอาจจะไม่ต้องนำเสนอก็ได้ แต่ มาร์ค ก็แสดงออกมาได้ดีทีเดียว

บทหนังเล่าออกมาได้ค่อนข้างเข้มข้นจัดจ้านมาก สามารถตรึงคนดูให้ซีเรียสกับสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อได้อย่างอยู่หมัด คนดูจะต้องคอยนั่งลุ้นตลอดว่า ทีมโอเวอร์วอทช์ จะสามารถผ่านอุปสรรคนานัปการไปจนรอดได้รึเปล่า ซึ่งหนังมีการหักมุมซิกแซ็กเพิ่มเป็นรสชาติให้กับหนังอยู่เรื่อยๆ เอาจริงๆ ก็ไม่ได้เซอร์ไพร์สอะไรมาก แต่ก็ดูมีสีสันดี

ตัวละครมันก็เลยมีความสมจริงในแบบทหาร คือพวกบ้าบอที่ตีกันโดยไม่สนใจเหตุผลไปกว่าการช่วยเหลือตัวเอง แก้แค้น และสนุกกับการต่อสู้ หนังก็เลยไปไม่ไกลเท่าไหร่ในเชิงการเมือง แต่กลับเข้าใกล้ความเป็นมนุษย์แสนน้อยของหน่วยทหารต่างๆ ถึงจะไม่ได้สำรวจความเป็นมนุษย์ที่เหลืออยู่แบบหนังสงครามเรื่องอื่น แต่ความเย็นชาของตัวละครก็ทำให้เรารับรู้ถึงภาวะกดดัน และการทำตามคำสั่งของตัวละครในทหาร ตัดสินใจในรูปแบบไหน ทำไมเขาถึงกลายเป็นแบบนั้น ทำไมถึงไม่ได้สนใจปรัชญาหรืออะไรเลย

รีวิว Mile 22

ตอนจบที่ดีทำให้หนังเรื่องนี้ก้าวไปไกลกว่าที่มันควรได้รับ ตอนจบที่ดีของมันทำให้หนังมีมิติ และจัดการโยนทิ้ง “Heroism” กับ ทฤษฏีก่อการร้ายแบบ “สงครามโลกครั้งที่ 3” ลงทิ้งถังขยะไป ซึ่งเป็นการจัดการที่น่าชื่นชมนะ และจะทำได้ก็เพราะได้ทุนจีนนี่แหละ เพราะเมื่อหนังเป็นเรื่องราวระหว่าง อเมริกา รัสเซีย อินโดนีเซีย จากทุนจีน ไอ้ฮีโร่อเมริกา หรือผู้ร้ายรัสเซียเลยไม่มีอยู่จริง และทำให้หนังน่าสนใจแบบแปลกๆ นั่นแหละ

Mile 22 เป็นหนังเอามันส์ ที่คุณภาพถึงขั้น อาจเวียนหัวกับการตัดต่อแบบบ้าคลั่ง แต่เสียงปืนแน่นๆ ฉากแอคชั่นโหดๆก็ทำให้หนังทำหน้าที่ของมันได้ตลอดรอดฝั่ง และด้วยตอนจบแบบนั้นทำให้หนังคุ้มค่าในการรับชมในโรงนะครับ

Mile 22 คนมหากาฬ เดือดมหา

หนังเปิดเรื่องแบบหนังแอ็คชั่นพิมพ์นิยม ดูหนังออนไลน์ คือโชว์ปฏิบัติการของทีมพระเอกเป็นการแนะนำตัวและแสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจน่าทึ่ง ก็เป็นการให้เราได้รู้จักสมาชิกภาคพื้นดินของทีม ที่ประสานงานกับทีมโอเวอร์วอตช์กองบัญชาการที่มีบิช็อปเป็นผู้บัญชาการ คอยทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาจากภายนอกให้ ด้วยความสามารถของทีมโอเวอร์วอตช์ก็นับว่าเป็นสีสันอย่างหนึ่งของหนัง แต่เป็นสีสันที่มากับความโม้มาก เพราะทีมนี้สามารถย้ายหน่วยบัญชาการไปที่ไหนก็ได้ แล้วคอมพิวเตอร์ของพวกเขาก็สามารถเข้าควบคุมระบบไฟฟ้าได้ทุกอาคาร มองเห็นภาพกล้องวงจรปิดได้ทุกตัว และถึงขั้นควบคุมสัญญาณจราจรในประเทศนั้น ๆ ได้ด้วย เหมือนยกระบบสอดแนมอัจฉริยะมาจากหนัง Eagle Eyes (2008)

Mile 22 คนมหากาฬ เดือดมหาประลัย ผสมผสานระหว่างฉากแอ๊คชั่นแบบยุทธการทางทหารและฉากบู๊ด้วยศิลปะการต่อสู้ ฉากไล่ล่าสาดกระสุนกันแบบไม่ยั้ง ระเบิดกันสนั่นเมือง ถึงฉากแอ๊คชั่นจะมันสะใจ แต่ในด้านการเล่าเรื่องแบบตัดสลับไปมาดูแล้วงงไม่ประติดประต่อ แม้ว่าจะเป็นแนวหนังที่มีอยู่ทั่วไปแต่ก็มีจุดหักมุมที่น่าสนใจอยู่บ้าง

ปฏิบัติการโคตรมันส์ไมล์ต่อไมล์ “มาร์ค วาห์ลเบิร์ก” นำทีมโอเวอร์วอทช์ฝ่าห่ากระสุนศัตรู พาตัวสายลับที่ล่วงรู้ความลับอันตรายระดับชาติ ไปส่งยังสนามบินที่อยู่ห่างออกไป “ทีมโอเวอร์วอทช์” หน่วยงานลับของซีไอเอ พวกเขาถูกฝึกมาให้ลุยภารกิจที่ลับที่สุด และยากที่สุด แต่กลับต้องเปิดเผยตัวตนให้น้อยที่สุด

ร่วมลุ้นระทึกสุดขีดไมล์ต่อไมล์ของปฏิบัติการทีมโอเวอร์วอทช์ใน “Mile 22 คนมหากาฬ เดือดมหาประลัย” เตรียมเข้าฉายให้คอหนังแอคชั่นเมืองไทยได้มันส์ไปพร้อมกัน 30 สิงหาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

รีวิว Mile 22

หนังระห่ำ แอคชั่นแบบเจ็บจริงตายจริงจากทุนสร้างหลากเชื้อชาติ โดยเฉพาะประเทศจีนแต่ผู้กำกับฮอลลี่วู๊ด ทำให้หนังมีกลิ่นอายแปลกๆ ที่ผสมผสานหลายหลักความคิดเข้าด้วยกัน แต่จากการที่มันเป็นหนังแอคชั่นที่เน้นความมันส์ เสียงปืนแน่นๆ ตัดต่อกระชากรวดเร็ว ทำให้หลักความคิดนั้นผสมแค่เจือจางพอสมควร ถึงกระนั้นหนังก็ทำได้ดีในฐานะหนังแอคชั่นรุนแรงที่มีความสมจริงแบบโม้อยู่หน่อยๆ และในตอนจบที่หักมุมระดับหนึ่ง ทำให้ Mile 22 ควรค่าที่แต่การดูเอามันส์แบบตั้งใจ

ไมล์ 22 เป็นระยะทางในอินโดนีเซียที่หน่วย Overwatch ดูหนัง 4k หน่วยทหารลับอเมริกานอกกฏหมายที่จะรับทำงานที่ในเครื่องแบบทำไม่ได้เท่านั้น ส่งมอบสายลับสองหน้า ลี นัวร์ที่ถือฮาร์ดิสก์ที่กุมความลับที่อยู่ของผงขีปนาวุธที่หายไปมายอมสวามิภักด์ แลกกับการที่ตัวเองอพยพไปอเมริกา ซึ่งลีนัวร์จะถูกตามล่าจากองกรณ์ระดับประเทศตลอดระยะเวลาดังกล่าวเพื่อชิงตัว หรือฆ่าลี นัวร์ทิ้ง

หนังขนความมันส์ เสียงปืนแรงๆ ระเบิดอัดหน้า ในระดับที่สัมผัสใกล้ชิด และใช้ตัดต่อกับภาพแบบระยะใกล้เหวี่ยงรุนแรง ทำให้ได้แอคชั่นที่มีความโหด สมจริง ลุ้นกันสนุก แต่น่าเวียนหัว และตามทันยาก ซึ่งถ้าชื่นชอบยุทธวิธีการทหาร แบบโม้นิดหน่อย สมจริงมากหน่อย หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์ได้อย่างดี

สิ่งที่ชอบอีกอย่างหนึ่งคือ “เหตุผล” ของสนามรบ ซึ่งในหนังเกือบจะละทิ้งแนวคิดนี้ไปแล้ว แต่ก็อยู่ในการพูดพล่ามของซีเวียที่มีปัญหาด้านควบคุมอารมณ์ ทว่ามันก็เป็นการพล่ามพูดแบบไร้สาระ แบบที่คนไม่ค่อยอยากจะฟังกันนัก เป็นการจิกกัดที่โดนใจดี ที่เราชอบเพราะหนังเรื่องนี้ไม่ได้เข้าไปสำรวจความคิดของมนุษย์ คือผู้กำกับคงเข้าใจว่าหน้าที่ของหนังเรื่องนี้คืออะไร ก็เลยจับเอาแต่เบี้ยมากในการดำเนินเรื่อง ตัวทหารเองก็ไม่ได้มีความคิดที่ขัดแย้ง พวกเขาแค่ทำตามคำสั่งไปเหมือนหุ่นยนตร์ ไม่คิดมากมายไปกว่าจับปืนยิง และหาเงินกินข้าว

รีวิว Mile 22

โดยรวมแล้วกหนังดูสนุกและตื่นเต้นพอสมควร ถึงหนังจะดูซีเรียสแต่ก็ไม่จืดชืด มีอะไรสอดแทรกมาให้หนังน่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง จุดด้อยก็มีบ้าง แต่ถ้าไม่ไปยึดติดอะไรกับจุดเหล่านั้น หนังก็ถือว่าเป็นหนังที่ดูสนุกเรื่องนึงเลยล่ะ

สรุป
Mile 22 คนมหากาฬ เดือดมหาประลัย เป็นภาพยนตร์แอ๊คชั่นที่มีส่วนผสมระหว่างฉากแอ๊คชั่นตามยุทธวิธีทางการทหารและคิวบู๊ด้วยศิลปะการต่อสู้ได้อย่างลงตัว แม้การดำเนินเรื่องบางช่วงจะมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่ถึงยังหนังเรื่องนี้ก็ยังเป็นหนังแอ๊คชั่นที่บู๊สนุกมันสะใจคอหุนังแอ็คชั่นอย่างแน่นอน ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้คะแนนจากเราไป 7.5/10!!

“ปีเตอร์ เบิร์ก” ได้แรงบันดาลใจการสร้าง “โอเวอร์วอทช์” จากหน่วยรบของกองทัพสหรัฐฯ ดูหนังออนไลน์ 4k ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่จริงอย่าง “หน่วยกรีนเบเรต์” ที่มีหน้าที่ช่วยเหลือทหารหน่วยอื่นที่ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน เหมือนกับที่แฟนหนังเคยรับรู้จากภาพยนตร์เรื่อง 12 STRONG

เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงและผู้กำกับคู่บุญกันจริงๆสำหรับ มาร์ก วอห์ลเบิร์ก (Mark Wahlberg) และ ปีเตอร์ เบิร์ก (Peter Berg) หลังจากที่ร่วมงานมาด้วยกันหลายเรื่อง ซี๊ย่ำปึ๊กกันขนาดนี้แน่นอนว่าในอนาคตก็ยังมีโปรเจกต์ร่วมกันอีก เช่นเดียวกับหนังแอคชั่น Mile 22 คนมหากาฬ เดือดมหาประลัย

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *