รีวิว Luck Skydance

ดูหนังฟรี ช่างเป็นต้นเดือนสิงหาคมที่อัดแน่นไปด้วยโปรแกรมหนังใหม่ ๆ ลงจอเล็กสตรีมมิ่งกันอย่างดุเดือดโดยแท้ และอีกเรื่องที่ลงสนามมาประลองชัยด้วยในสัปดาห์นี้ก็คือหนังแอนิเมชั่นประเดิมเรื่องแรกของค่ายหนังที่คุ้นเคยใน “Luck” หนังผจญภัยแฟนตาซีในโลกของการผลิตโชคดีกับโชคร้าย ที่กระบวนการผลิตและขั้นตอนต่าง ๆ นั้น พร้อมที่จะให้ผู้ชมไปเสาะหาไขคำตอบกับพฤติการณ์ที่มนุษย์คาดเดาไม่ได้ในแต่ละชั่วโมงยาม รีวิว Luck Skydance ดูหนังออนไลน์

รีวิว Luck Skydance

ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022 Luck เล่าเรื่องราวของ แซม เด็กสาวจากบ้านเด็กกำพร้าที่ไม่เคยได้รับการอุปการะโดยครอบครัวไหนมาก่อน ซึ่งเธอมองว่าเพราะโชคชะตาชีวิตของมักจะใกล้ชิดกับโชคร้ายอยู่เสมอ ๆ ถึงเวลาที่เธอต้องออกมาตั้งต้นและมีชีวิตเป็นของตัวเอง แต่แซมก็ต้องเผชิญหน้ากับโชคร้ายในแต่ละนาทีของจังหวะชีวิต ทำให้เธอรู้สึกว่าจักรวาลช่างโหดร้ายกับเธอไม่สักหน่อย กระทั่งเธอมาพบกับแมวดำตาใสตัวหนึ่ง ก่อนจะพบว่ามันพูดภาษามนุษย์ได้ เธอจึงได้แอบย่องตามมันไป และพบว่าจริง ๆ มันเป็นแมวที่มาจากอีกมิติที่เธอได้หลุดเข้าตามไปด้วย รีวิวหนังฝรั่ง

หนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นงานหนังแอนิเมชั่นเรื่องแรกของ สกายแดนซ์ แอนิเมชั่น ค่ายหนังที่เราคุ้นหูกันดีที่มักจะอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของหนังบ็อกซ์บัสเตอร์ดัง ๆ มาหลายเรื่อง บัดนี้พวกเขาได้ขยายสานพานการผลิตออกมาทำหนังการ์ตูนดูบ้าง และเรื่องแรกก็ป้อนลงจอสตรีมมิ่งของ แอปเปิ้ล พลัส ที่มาพร้อมกับฝีมือการกำกับของ “เพ็กกี้ โฮล์มส์” คนเบื้องหลังมากประสบการณ์ คร่ำหวอดในวงการมาถึง 30 ปี และเธอเคยสร้างหนังการ์ตูนทิงเกอร์เบล “Secret of the Wings” ให้กับดิสนีย์มาก่อน

แน่นอนว่าการชิมลางหนังแอนิเมชั่นของค่ายนี้ ยังเป็นอะไรที่คาดเดาไม่ได้ เพราะต้องมาลุ้นกันที่หน้างานว่าจะออกหัวหรือก้อย แต่นับว่าจังหวะยังดี ที่ Luck ถือว่าเป็นหนังแอนิเมชั่นที่มีแก่นสารและแก่นเรื่องที่ค่อนข้างหนักแน่นอยู่ในระดับหนึ่ง แม้ว่าโจทย์โดยรวมในการหยิบเอาประเด็นความโชคดีและความโชคร้ายมาเป็นส่วนประกอบหลักนั้น ออกจะถูกเพ้อเจ้อไปบนพื้นฐานความเชื่อส่วนบุคคลไปสักหน่อย แต่หนังก็พยายามหยิบนำมาปรุงแต่งให้ออกมาเป็นรูปธรรมให้ได้มากที่สุด

รีวิว Luck Skydance

ไอเดียของหนังก็คือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่ง ทำให้แอบนึกถึงโครงสร้างพื้นฐานของบรรดาหนังการ์ตูนจากค่ายพิกซาร์ได้อยู่หน่อย เพราะการจับต้องประเด็นและอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับการชีวิตประจำวันของมนุษย์ และอินไซด์เจาะลึกเข้าไปในอีกระดับหนึ่ง การเล่าเรื่องของ Luck ก็ถือว่าทำออกมาได้น่าพอใจ เป็นหนังชั่วโมงเศษ ๆ ที่ดูได้เพลิน ถึงลีลาและสไตล์ต่าง ๆ ในการเล่าเรื่องจะค่อนข้างมีความเป็นเด็กสอดแทรกอยู่สักหน่อย แต่หนังก็ใส่แง่คิดในการใช้ชีวิตเข้าไปได้ดี กลายเป็นหนังที่เด็กดูได้และก็ไม่ทอดทิ้งผู้ใหญ่ไปด้วย

ทางด้านการออกแบบงานสร้างของ Luck ก็ถือว่าเป็นชิ้นงานระดับมาตรฐาน ยังไม่มีอะไรที่โดดเด่นและสร้างความแปลกตาได้ต่่างจากหนังแอนิเมชั่นจากค่ายอื่น ๆ ลักษณะเหมือนหนังยังค่อนข้างเพลย์เซฟในตัวเองไปสักหน่อย แต่ลายเส้นและงานออกแบบสามมิติต่าง ๆ นั้น ถือว่าลงรายละเอียดและสีสันได้น่าพอใจ งานออกแบบจักรวาลแห่งโชคก็คือว่าเต็มไปด้วยดีเทลมากมาย ใส่กิมมิกสนุกเล็ก ๆ น้อย ๆ ปะปนเข้าไปเป็นอรรถรส ถือว่าเป็นงานที่โอเค ไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบที่สุด แต่ก็ไม่ได้จัดว่าแย่อะไรเลย

ขณะที่ในส่วนของทีมนักแสดงพากย์เสียงของเรื่องนี้ ถือว่าได้ตัวเลือกที่ค่อนข้างน่าสนใจอยู่น้อย แม้ว่าตัวละครเอกจะได้สาวที่ค่อนข้างใหม่สักหน่อย เพราะเธอคือ “อีวา โนเบลซาดา” นักแสดงสาวดาววรุ่งที่เคยแจ้งเกิดมาจาก Miss Saigon: 25th Anniversary ที่ถือว่างานให้เสียงของเธอในครั้งนี้น่าพอใจ และยังมีจุดกับจังหวะที่เธอถนัดหยอดเข้าไปด้วย นั่นก็คือพาร์ทร้องเพลง ที่เอาจริง ๆ หนังก็ใส่เข้ามาแบบประเจิดประเจ้อไปสักหน่อยอยู่เหมือนกัน

ส่วนคนอื่น ๆ ก็หมดห่วง เพราะล้วนแต่เป็นมืออาชีพทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น “ไซมอน เพ็กก์” ที่มาพากย์เป็นแมวดำ บ๊อบ หรือจะ “เจน ฟอนดา”, “วูปี โกลด์เบิร์ก”, “โคลิน โอดอนอฮิว” หรือ “ฟลูลา บอร์ก” ที่ล้วนแต่เป็นนักแสดงมากความสามารถและวอยซ์ทาเลนท์ที่ให้เสียง และเพิ่มอรรถรสให้กับหนังเรื่องนี้ได้ดีไปตลอดทั้งเรื่อง

รีวิว Luck Skydance

โดยสรุปแล้วว่าในภาพรวมนั้น Luck ก็ถือว่าเป็นหนังแอนิเมชั่นผจญภัยที่หยอดใส่ความฟีลกู้ดเข้ามาได้บ้างประปราย เป็นหนังที่เข้าใจหาวิธีใส่คอนเซ็ปต์ได้ในระดับที่น่าพอใจ งานสร้างและงานออกแบบถือว่าใช้ได้ แม้ว่าพอมองออกเป็นภาพกว้าง ๆ ดูแล้วนั้น Luck อาจจะยังไม่ได้เป็นหนังแอนิเมชั่นที่มีเนื้อในที่โดดเด่นมากมายสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังเป็นคอนเทนท์ที่เสพง่าย เข้าถึงง่าย และอินได้ไม่ยาก จัดได้ว่าเป็นหนังแอนิเมชั่นตามมาตรฐาน ที่เหมาะกับจะเปิดดูพร้อมกันได้เลยทั้งบ้าน

เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่คอหนังให้ความสนใจกันไม่น้อย โดยเฉพาะนี่ถือเป็นผลงานการกลับมากำกับหนังจอเงินอีกครั้งอย่างเต็มตัวของ สตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก หลังจากที่เขาฝากผลงานเรื่องสุดท้ายอย่าง Side Effect ไว้เมื่อปี 2013 รวมทั้งจากหน้าหนังของ Logan Lucky นั้น ก็พาลทำให้ใครหลายคนหวนนึกถึงลายเซ็นหนังแก๊งจารกรรมรวมดาวฟอร์มเหนือเมฆใน Ocean Eleven (2001), Ocean’s Twelve (2004) Ocean’s Thirteen (2007) ที่ตอนนี้กำลังจะมีภาคต่อ Ocean’s Eight ในปีหน้าด้วย

แน่นอนว่า จากหน้าหนังที่เราได้เห็น ทุกสายตาอาจจับจ้องไปที่การพลิกบทบาทของป๋า แดเนียล เคร็ก กับการสลัดคราบเท่ขรึมของพยัคร้าย 007 มาเป็น โจ แบง ผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิด แต่ถึงอย่างนั้น มันก็คือตัวละครประเภทจิ๊กซอว์ที่จะเข้ามาเติมเต็มแผนการของ 2 พี่น้องตระกูลโลแกน ทั้ง จิมมี (แชนนิ่ง ทาทั่ม) และ ไคลด์ (อดัม ไดร์เวอร์) ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นตระกูลต้องคำสาปที่พูดง่าย ๆ ว่าทำห่าไรก็ไม่เจริญแหละ (ฮ่า ฮ่า)

พลอตเรื่องของ Logan Lucky มันเริ่มจากกราฟชีวิตที่บัดซบของ 2 พี่น้องสุดบื้อ เริ่มจากจิมมี พี่ชายขาเป๋อดีตนักฟุตบอลดาวรุ่งพุ่งแรงที่โชคชะตาเล่นตลกให้เขาต้องตกงาน แถมเมียเก่าก็กำลังจะย้ายบ้านไปอยู่อีกเมืองหนึ่งตาม มูดดี้ สามีใหม่ไป พร้อมกับหอบเอา ซาดี้ (ฟาร่าห์ แม็คเคนซีย์) ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขาไปด้วย ขณะที่น้องชาย ไคลด์ ผู้เสียแขนไปข้างหนึ่งจากสมรภูมิรบที่อิรัก ก็ต้องกลับมาเป็นบาร์เทนเดอร์ต๊อกต๋อยที่ใช้ชีวิตในบาร์ไปวัน ๆ

และแน่นอนว่าเมื่อชีวิตมันเดินมาถึงจุดบัดซบที่สุดแล้ว เป็นบาร์เทนเดอร์ชาตินี้คงไม่รวย สองพี่น้องโลแกนก็เลยคิดโปรเจ็กต์ปล้นเงินรางวัลในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบชื่อก้องอย่าง NASCAR ในรายการ Coca-Cola 600โดยหวังว่าเงินมหาศาลนี้จะทำให้เปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล

แน่นอนว่าจะทำกาารใหญ่ ลำพังพี่น้องเฉิ่ม ๆ 2 คน คงไปไม่รอด แต่พวกเขาก็ฉลาดพอที่จะรู้จักฟอร์มทีมขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น เมลลี (ไรลีย์ คีโอห์ ) น้องสาวสุดเอ็กซ์ที่เป็นช่างทำผม, และ โจ แบง ผู้ซึ่งเป็นคนเดียวที่รู้วิธีระเบิดตู้เซฟยักษ์ที่เก็บเงินรางวัลของการแข่งขันไว้ ผู้ซึ่งทำให้สองพี่น้องต้องลงทุนไปชวนมาร่วมทีมถึงในคุก รีวิว Luck Skydance

ต้องบอกว่า Logan Lucky มาในฟอร์มที่ผิดคาดไปจากหนังตลกบริโภคสายแดกด่วนเลย มันเป็นหนังที่มีความครบเครื่องแต่ยังคุมโทนของความเป็น heist comedy ผสมผสานกับความเป็นคันทรีอย่างออกรสออกชาติ และโดยเฉพาะมุกตลกร้ายแนวเสียดสีสังคมอเมริกันที่ขยันยิงมาเป็นระยะ ไล่ตั้งแต่มุกบ้าน ๆ ที่มีความคัลต์มาก ๆ การแซะสวัสดิการรัฐบาลสหรัฐฯ การทำงานของข้าราชการในเรือนจำ ทำให้ผมแอบนึกถึง Prison Break ไปด้วย ยิ่งมองดูบรรดาเจ้าหน้าที่เรือนจำ รวมทั้งพัสดีของเรื่องนี้ก็สันดานคล้ายกับ ผู้คุมเรือนจำ เบลลิค ยังไงยังงั้น!

จุดแข็งของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ การร้อยเรียงหยิบจับประเด็นเล็ก ๆ ยิบย่อยออกมาพูดได้หมดครบถ้วน และทำได้ลงตัวดีชนิดเก็บรายละเอียดทุกเม็ด ตัวละครหลัก ๆ ทุกตัวมีมิติ ชั้นเชิงการเล่าก็ดูสดใหม่ น่าสนใจ เดายาก มีหักมุมระหว่างทาง คนดูไม่รู้ว่าพี่น้องโลแกนหรือว่าโจ แบง คิดจะทำอะไรต่อไป สิ่งเหล่านี้ทำให้มันดูมีอะไรน่าค้นหาและสนุกกับการเดาทางหนังไปได้เรื่อย ๆ

แต่อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเส้นบาง ๆ ระหว่างความครบเครื่องและความน่าเบื่อ เพราะด้วยความที่มันกระจายประเด็นที่จะเล่าออกมามาก ทำให้เมสเซจไม้ตายของหนังมันไม่ชัดเจน แถมยังเดินเรื่องอิืดยืดยาดตามสไตล์ผู้กำกับด้วย ซึ่งสุ่มเสี่ยงกับการหลับในระหว่างทางอย่างมาก แต่ยังดีที่หนังขยันยิงมุกให้ฮาครืนมาได้เป็นระยะ และเป็นมุกที่ถือเป็นลายเซ็นต์ของหนังดี

อีกจุดหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ แดเนียล เคร็ก ในบทบาทขรึม ๆ ปนฮาของ โจ แบง ก็ปรากฏว่าเอาอยู่ ซึ่งจะว่าไปตัวละครของมหาโจรสมองเพชรตัวนี้ก็มีส่วนคล้ายกับ เจมส์ บอนด์ อยู่ไม่น้อย เรียกว่าไม่ถึงกับพลิกบทบาทมากนัก

เป็นแคแรคเตอร์ในแนวทางที่เขาเล่นได้สบาย แต่เป็นมิติใหม่ ๆ ที่คนดูจะได้เห็น แดเนียล เคร็ก ในบทบาทที่ต่างออกไป ซึ่งแม้ว่าในเรื่องนี้น้ำหนักจะเทไปทางฝั่งพี่น้องโลแกนเสียส่วนใหญ่ แต่พี่แกก็โผล่มาขโมยซีนได้เป็นระยะ

Logan Lucky เป็นหนัง comedy ที่มีครบทุกรสจนสามารถพาดพิงไปถึงหนัง genre อื่นแต่ยังคุมความเป็น comedy ได้น่าทึ่ง มันคือเชฟระดับภัตตาคารที่หยิบจับวัตถุดิบมากมายมาทำให้กลมกล่อมได้ในจานเดียว ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจไม่ใช่รสชาติสำหรับของคนดูกลุ่มแมสเสียทีเดียว ยังมีจุดสะดุดนิดหนึ่งตรงการเดินเรื่องที่ค่อนข้างจะอืดอาดยืดยาดไปหน่อย บางมุกก็ niche มาก ๆ สำหรับคนบางกลุ่ม แต่ถึงอย่างนั้น หากให้กลับมาดูใหม่

ก็ถือว่ายังน่าดู และถือว่ากำไรของคนดูคือได้เห็นดาราเยอะมากโผล่มาแจมอย่างละนิดอย่างละหน่อย ไม่ว่าจะเป็น ฮิลลารี สแวงค์ นางเอกดีกรีสองรางวัลออสการ์ (Boys Don’t Cry และ Million Dollar Baby),

เซบาสเตียน สแตน (Captain America: Civil War) หรือ แคทเธอรีน เวเตอร์สตัน ( Fantastic Beasts and Where to Find Them) กับบทบาทคุณหมอสาว

อย่างไรก็ตาม Logan Lucky คือการกลับมาที่ยอดเยี่ยมสมการรอคอยของ สตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก กับงานที่มีลายเซ็นชัด มีความแสบคันในการกัดจิก ตอตนิดตอดหน่อยในสังคมอเมริกัน ที่ทำออกมามาได้โคตรเก๋า เหมาะมากสำหรับใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศไปดูหนังจารกรรมแบบ western อันมีสเน่ห์เฉพาะตัวเปี่ยมล้น Logan Lucky ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *