รีวิว Godzilla vs Kong

เป็นอีกเรื่องที่โดนมรสุมโควิด – 19 แต่ก็ยังดีกว่าเรื่องอื่น ตรงที่เลื่อนมาแค่ครั้งเดียว รีวิว Godzilla vs Kong จากกำหนดเดิมวางไว้ว่าเป็นพฤศจิกายน มาเป็นมีนาคม 2021 เมื่อได้ดูก็เห็นพ้องว่าสมแล้วกับที่วอร์เนอร์และค่ายเลเจนดารี่มั่นอกมั่นใจว่าอย่างไรก็ตาม หนังฉันจะต้องฉายโรงเท่านั้น ไม่ยอมเอาลงช่องสตรีมมิง

รีวิว Godzilla vs Kong

ก็ต้องชื่นชมวอร์เนอร์และทีมงาน ที่สามารถหยิบข้อผิดพลาดจาก Godzilla: King of the Monsters (2019) มาแก้ไขรอยแผลต่าง ๆ ได้อย่างหมดจดโดยเฉพาะ เรื่องราวทางฝั่งมนุษย์ที่เป็นปัญหามาตลอดในหนังตระกูล Monsterverse ใน Godzilla vs Kong ก็เลยลดเวลาบนจอของเหล่ามนุษย์ทั้งหลายลงไป แล้วเพิ่มเวลาบนจอของก็อดซิลลา และ คิงคอง ให้อย่างจุใจ แต่ถ้าดูชื่อของผู้กำกับ อดัม วินการ์ด (Adam Wingard) แล้ว ก็ยังมองว่า วอร์เนอร์นี่ก็ยังกล้าเสี่ยงกับผู้กำกับหนังสยองขวัญเกรดบี อยู่อีกนะ เพราะภาษีของ อดัม วินการ์ด นี่ก็ไม่ได้เครดิตดีไปกว่า ไมเคิล โดเฮอร์ตี้ (Michael Dougherty) จาก Godzilla: King of the Monsters เท่าไหร่เลย เคยกำกับแต่หนังทุนสร้างไม่ถึง 10 ล้าน อยู่ดี ๆ ก็ก้าวกระโดดมาคุมหนังทุนสร้าง 200 ล้านกันเลยทีเดียว แต่ก็ถือว่าโชคดีที่วอร์เนอร์ไม่พลาดซ้ำสอง Monsterverse ยังได้มีอนาคตไปต่อ
และอีกอย่างจากที่ผ่านมา เนื้อหาของเหล่ามนุษย์ก็มักจะวนเวียนเกี่ยวกับอดีตสามี-ภรรยา หรือดราม่าครอบครัว พ่อแม่ลูก ใน Godzilla vs Kong นี่ยิ้มได้เลยครับ ไม่มีดราม่าเหล่านี้ให้เห็นอีกต่อไป บทหนังวางหน้าที่ของตัวละครฝ่ายมนุษย์ได้ดีในภาคนี้ ด้วยการทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงปริศนาการปรากฏของก็อดซิลลา กับภารกิจจำเป็นของคิงคอง และแผนการร้ายขององค์กร APEX รีวิวหนังฝรั่ง
รีวิว Godzilla vs Kong
อีกจุดหนึ่งที่หนังทำหน้าที่เอาใจผู้ชมได้ดีก็คือ รอบนี้ไม่ต้องรอไปอีก 20 – 30 นาที กว่าจะได้เห็นคิงคอง หรือ ก็อดซิลลา อีกแล้ว เพราะคราวนี้เราได้เห็นหน้าคิงคองก่อนมนุษย์เสียอีก แม้ชื่อหนังจะเอา Godzilla ขึ้นนำ แต่เอาเข้าจริง ๆ เลย พูดได้เต็มปากเต็มคำล่ะว่าคิงคองดูมีความเป็น ‘พระเอก’ อย่างเด่นชัด เพราะหนังเล่าเรื่องโดยมีคิงคองเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง ส่วนก็อดซิลลาก็โผล่มาพะบู๊ด้วยเป็นพัก ๆ ถ้าวิเคราะห์ตามแล้ว จากหนัง King Kong และ Godzilla ที่ผ่านมานั้น จะให้คนดูเชียร์ก็อดซิลลามากกว่าก็คงทำได้ยากล่ะนะ เพราะด้วยพื้นฐานที่เป็นลิง แสดงสีหน้าสายตาสื่ออารมณ์ได้ หน้าตาก็ดูเป็นมิตรกว่าก็อดซิลลา และที่สำคัญคนดูตั้งแต่อดีตจดจำความรู้สึกว่าคิงคองถูกมนุษย์รังควาญและรังแกมาโดยตลอด แม้กระทั่งภาคนี้ก็เหอะนะ เดี๋ยวก็ลากคองไปนู่นไปนี่ ไม่ถามมันซักคำว่าอยากไปมั้ย
ถึงแม้ว่าคิงคองจะได้เปรียบในเรื่องได้ใจคนดูเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ขอชื่นชมทีมเขียนบทอีกที ที่ฉลาดในการวางสถานะของ ‘ก็อดซิลลา’ ที่แม้ไม่ได้เป็นพระเอกจ๋าแบบคิงคอง แต่ก็ไม่ใช่ผู้ร้ายเสียทีเดียว แม้เห็นหน้าแล้วจะให้ทำใจเชื่อว่าเป็นสัตว์ยักษ์ฝ่ายดีได้ยากเต็มทีเหอะนะ ก็อดซิลลานี่ก็ประมาณเจ้าพ่อขาเก๋าที่ขี้หงุดหงิดประมาณนั้นล่ะ ก็ค่อยไปดูแล้วกันว่าบทหนังพลิกสถานะก็อดซิลลาให้กลับมาเท่ได้อย่างไร เว็บดูหนังฟรี
ถึงแม้ว่าบทหนังจะมีการปรับเรื่องราวฝั่งมนุษย์ได้ดีขึ้น แต่กระนั้นพลอตเรื่องโดยรวมก็ยังค่อนข้างเบา และดำเนินไปบนสูตรสำเร็จของหนังแนวบล็อกบัสเตอร์เอาใจตลาดอยู่ดี ฝ่ายดีก็ดีตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนฝ่ายร้ายก็ร้ายแบบชัดเจนไม่ต้องแอบแฝง เรื่องราวเดินเป็นเส้นตรงไม่มีหักมุมให้เหวอแต่อย่างใด บทหนังก็ยังคงเต็มไปด้วยช่องโหว่เต็มไปหมด ซึ่งถ้าจริงจังคิดหาเหตุผลตามก็คงหมดสนุกล่ะ เพราะเต็มไปด้วยความเวอร์วังแทบจะทุกนาที ก็ปลอบตัวเองไป ว่านี่เราดูหนังฮอลลีวูดอยู่นะ เว็บดูหนัง
ภาคนี้ตัวละครส่วนใหญ่จะเป็นหน้าใหม่ รีเบ็กก้า ฮอลล์ (rebecca Hall) มาเป็น ดร.ไอลีน แอนดรูว์ ผู้รับผิดชอบในการควบคุมดูแลคิงคองบนเกาะกะโหลก ที่ดูมีอำนาจมากมายล้นฟ้าจัง คนเดียวสามารถตัดสินใจเคลื่อนย้ายคิงคองไปไหนมาไหนได้ หนำซ้ำยังเอาเรือบรรทุกเครื่องบินลำมหึมามาร่วมขบวนได้เป็นสิบ ๆ ลำเลยด้วย ตัวละครสำคัญในภาคนี้คือ ‘เจีย’ เด็กน้อยชาวเกาะ ที่โผล่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แต่ก็ยังดีที่ดูไปสักพัก ดร.ไอลีน ก็เล่าที่ไปที่มาของหนูน้อยให้คนดูรับทราบ ‘เจีย’ ได้หนูน้อย เคย์ลี ฮอตเทิล (Kaylee Hottle) มารับบท เป็นเด็กที่หน้าตาน่ารักมากกก หน้าตาขึ้นกล้อง ทำให้หนังดูสดใสขึ้นได้เยอะเลย บทของเธอนั้นเป็นเด็กที่หูหนวก เลยต้องใช้ภาษาใบ้ และที่ชวนอึ้งก็คือน้อง เคย์ลี เธอหูหนวกตั้งแต่กำเนิดจริง ๆ หนังฟรี
ส่วนน้องหนู มิลลี บ็อบบี้ บราวน์ ในภาคนี้ทิ้งห่างจาก Godzilla: King of the Monsters แค่ 2 ปี แต่เธอดูเป็นสาวขึ้นมาก ทำเอากังวลว่าจะกลับไปเล่นเป็นสาวน้อย Eleven ใน Stranger Things ได้อยู่หรือ บทบาทของเธอในภาคนี้ถูกลดความสำคัญไปมาก เธอรับผิดชอบเนื้อหาทางฝั่งก็อดซิลลา ซึ่งตลอดเรื่อง มนุษย์ฝั่งก็อดซิลลา กับมนุษย์ฝั่งคิงคอง นี่ก็ไม่ได้มาเจอกันเลยนะ อีกคนที่ขอพูดถึงหน่อยเถอะคือ เอซา กอนซาเลซ (Eiza Gonzalez) ในบท มายา ซิมมอนด์ ลูกสาวของ วอลเทอร์ ซิมมอนด์ วายร้ายเจ้าของบริษัท Apex แม้ว่าเธอจะโผล่มาไม่นาน แต่ขอยกให้เป็นตัวละครที่เจริญตาที่สุดในเรื่องนี้แล้ว…แจ่มจริง
รีวิว Godzilla vs Kong
ย้อนกลับมาที่ คิงคอง กับ ก็อดซิลลา ก็ทำหน้าที่ตามที่เส้นเรื่องปูมาว่า ทั้งคู่เป็นสัตว์ยักษ์ในตำนานที่เป็นคู่แค้นกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ พอเจอหน้าก็ไม่ทักทาย เซย์ฮัลโหลเลย ซัดกันหนุบหนับทุกครั้งไป เป็นกำไรคนดู และจริงตามที่โฆษณาไว้ว่าภาคนี้สะใจคนดูแน่นอน เพราะ 2 บิ๊กนี่ซัดกันแต่ละทีลากยาวไม่ต่ำกว่า 10 นาที เครื่องบิน เรือรบ ตึกระฟ้าพังราบเป็นหน้ากลอง ดูแล้วไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมหนังต้องใช้ทุนสร้างถึง 200 ล้านเหรียญ หนังใหม่

รีวิว Godzilla vs Kong

งานซีจีนี่เป๊ะสุด ๆ ไม่มีแผลให้เห็นเลย โดยเฉพาะรายละเอียดบนหน้าตาคิงคอง ที่เอาหน้ามาจ่อเต็มจอให้เห็นกันจะ ๆ อยู่บ่อยครั้ง แล้วคิงคองมาครั้งนี้ มาแบบโชว์งานยาก เพราะมีทั้งลงน้ำ ลุยหิมะ คลุกดินคลุกฝุ่น คนเขียนบทนี่ก็ไม่เกรงใจคนทำซีจีกันเลย เพราะแต่ละฉากนี่เราจะได้เห็น คิงคองสะบัดขนแล้วน้ำกระจายออกจากร่าง สะบัดหิมะ สะบัดฝุ่น ถอนหายใจเป็นไอฟืดดดออกจากจมูก ยอมรับเลยว่างานซีจีได้พัฒนามาถึงขั้นสุดแล้วจริง ๆ ตอนเครดิตท้ายเรื่องนี่ชื่อคนทำซีจีอย่างเดียวน่าจะเป็นหลักพันคนเลยล่ะ แต่ที่เห็นชื่อเด่น ๆ ก็คือทีมงาน Weta นี่ล่ะ ที่น่าจะรับผิดชอบมากสุด
ใน Godzilla: King of the Monsters เราได้เห็นการต่อสู้ของบรรดาเจ้าสัตว์ยักษ์จนบ้านเมืองพังถล่มทลาย และท้ายที่สุด Godzilla ได้รับการอนุเคราะห์ังจาก Mothraื จึงสามารถเอาชนะ Ghidorah อสูรกายจากต่างดาวลงได้ จนในท้ายที่สุด ก็ได้ขึ้นเป็นราชันย์ ปกครองเหล่าอสูรยักษ์ทั้งมวล แล้วเจ้า Godzilla ก็กลับไปอยู่ในที่ ๆ ควรอยู่
ในช่วงแรกที่เราได้ยินข่าวของหนังภาคต่อว่า Kong ขวัญใจชาวอเมริกา จะมาต่อสู้กับเจ้า Godzilla ขวัญใจชาวญี่ปุ่น ทุกคนก็ตื่นตาตื่นใจ แล้วตั้งคำถามว่า เจ้า Kong นั้นจะสู้ได้หรือไม่ เพราะขนาดของตัวนั้นต่างกันเหลือเกิน แต่เมื่อเราได้เห็นตัวอย่างก็เห็นว่า Kong กลับมีร่างกายใหญ่โตที่สูสีกัน แถมยังมีอาวุธเป็นขวานหน้าตาประหลาด แถมยังต่อย Godzilla หน้าหงายอีกด้วย
ทั้งนี้ เราอาจจะได้รู้เสียทีว่าใครกันแน่คือราชันย์แห่งสัตว์ยักษ์ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไร และความสนุกจะสะใจสมการรอคอยหรือไม่ วันนี้ทา Super Review Channel จะมาขอรีวิวแบบไม่มีสปอยกันครับ
หากใครเป็นแฟนหนังสัตว์ยักษ์ต่อสู้กัน MonsterVerse ก็คงจะเข้าใจธรรมชาติของหนังแนวนี้ดีคือ หนังเน้นไปที่การต่อสู้กัน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดกับมนุษย์ หรือว่าสัปปะหลาดกับสัปหลาดด้วยกันเอง
แน่นอนว่าบ้านเมืองจะต้องพังถล่มทลาย ด้วยกันทั้งสิ้น และความสนุกมันก็มีอยู่แค่นั้น อย่าไปคาดหวังกับเนื้อเรื่องหรือความสมเหตุสมผลอะไรเลย หากเราไปใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไปอาจทำให้ดูหนังแล้วไม่สนุกได้
ซึ่งใน Godzilla vs. Kong บอกเลยว่าราชาแห่งสัตว์ประหลาดยักษ์ทั้งสองนี้สู้กันมันส์หยด เรียกได้ว่าแลกกันหมัดต่อหมัด และมันก็ค่อยทวีคูณความมันสะใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากเราดูตัวอย่างที่ Godzilla vs. Kong เอาออกมาสายนั้นมันยังไม่พอ มันยังมีอะไรซ่อนอยู่อีกเยอะ
และยิ่งช่วงไคลแมกซ์ของเรื่อง ที่มีการเฉลยตัวละครปริศนาออกมาด้วย เรียกได้ว่ามันหยดติ๋งนั่งหลังไม่ติดเบาะ แถมยังมีสัตว์ประหลาดตัวอื่นออกมาให้อีกด้วย จะรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร มีความสำคัญกับเนื้อเรื่องมากน้อยแค่ไหน ต้องไปชมเอาเอง ดูหนังฟรี
เชื่อว่าคำถามคาใจหลายคน ที่ตั้งคำถามกับการต่อสู้กันของ Godzilla vs. Kong ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาแห่งสัตว์ยักษ์ทั้งสองว่าใครจะ เป็นฝ่ายแพ้หรือชนะ หนังเรื่องนี้ในส่วนตัวของผมแล้วถือว่ามีคำตอบ แต่คำตอบนี้จะถูกใจใครหลายคนหรือเปล่านั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครชอบใคร แต่ถ้าใครชอบทั้งคู่ก็ถือว่า Win Win ดูแล้วมีความสุข
แต่ขอแอบบอกหน่อยว่า Kong โตขึ้นและเก่งขึ้น แถมยังมีขวานสายฟ้าที่เป็นสุดยอดไอเทมด้วยแล้ว บอกเลยว่าใครจะสู้ได้ ส่วนเจ้า Godzilla ที่มีพลังในการยิงลำแสงที่มีพลังมหาศาลสีฟ้า นี่ก็อึดมาก
ฉากซักนั้นเรียกได้ว่านัวเนีย ความเก่งกาจนั้นเรียกได้ว่าสมศักดิ์ศรี ไม่มีใครยอมใครไม่มีใครก็หัวให้ใคร หนังทำให้เราเห็นฉากแบบกลางวัน ท้องฟ้าสว่าง เห็นการต่อสู้แบบจะ ๆ แต่ความนัวเนียในข้างต้นที่กล่าวไปนะ ผมมองว่าทั้ง 2 ตัว สู้กันแบบมีอารยะ ไม่ได้บ้าบิ่นแบบสัตว์ประหลาดไร้สติ เรียกว่าดีงาม การสู้แต่ละครั้งก็สร้างความประทับใจให้กับคนอื่น ไม่ว่าคุณจะอยู่ฝั่ง Godzilla หรือ Kong คุณก็เชียร์ได้สนุกไม่แพ้กัน
ในส่วนตัวแล้วผมชอบโลกใต้ดิน ที่เจ้า kong พาพวกเราลงไปมาก ดูแล้วก็อดคิดถึงหนังเรื่อง Journey to the Center of the Earth ดิ่งทะลุสะดือโลก ไม่ได้แต่ Godzilla vs. Kong ทำได้สวยกว่า และอีกจุดหนึ่งก็คือในหลาย ๆ ฉาก เช่นแสงไฟ หรือบางสิ่งบางอย่าง ที่ไม่สามารถบอกได้ในที่นี้ หรือการต่อสู้ในเมือง ก็ทำให้คิดถึงหนัง Pacific Rim
อย่างไรก็ตามหนังมีประมาณ 3-4 จุดที่ดูแล้วผมมีความรู้สึกเบื่อ มีความยืดมากเกินไป เล่าเรื่องยานเกินไป อีกจุดหนึ่งที่รู้สึกว่ามันไม่เต็มอิ่มก็คือ เหล่าบรรดาสัตว์ประหลาดยักษ์ที่อยู่ในใจกลางโลกนั้นเห็นน้อยเกินไป เธอเข้าใจได้ว่าเขาต้องการจะมาโฟกัสที่ Godzilla กับ Kong มากกว่า ตัวละครหลายตัวก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีความจำเป็น ตัดทิ้งไปบ้างก็ได้เพราะเสียเวลาไปเล่าเรื่องถึง ดูหนังออนไลน์
ส่วนเรื่องทั้งหมด หากใครดูหนังใน monsterverse แบบเก็บครบตั้งแต่ Godzilla (2014), Kong: Skull Island (2017) และ Godzilla: King of the Monsters (2019) ผมว่าน่าจะดูสนุกมากขึ้น เพราะผู้กำกับใน Godzilla vs. Kong เขาได้นำประเด็นสำคัญของทุกภาคมาเป็นรายละเอียดสำคัญได้ดี
กล่าวโดยสรุป Godzilla vs. Kong เป็นภาพยนตร์การต่อสู้ของราชาแห่งสัตว์ยักษ์ มีความตระการตาในด้านฉากการต่อสู้ ความสวยงามด้านภาพ ความประทับใจในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ยักษ์ ที่ดีงาม โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบภาคนี้สนุกมากกว่าทุกภาคที่ผ่านมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *