รีวิว BLOODSHOT จักรกลเลือดดุ
หนึ่งในตัวละครการ์ตูนจากหนังสือคอมิกส์ชื่อดัง ที่ว่ากันว่ามีอิทธิพลให้กับเหล่าชายชาติทหารในกองทัพสหรัฐฯ เขาคือฮีโร่พันธุ์ขบถคนล่าสุดที่ฟืนขึ้นจากความตายและอยู่ได้เพราะเทคโนโลยีล้ำสมัย ดูหนังออนไลน์ เขาคือ “Bloodshot จักรกลเลือดดุ” ได้เวลาออกมาเผยโฉมและโชว์ความระห่ำ เป็นการเปิดฉากในหนังปฐมบทที่ทำได้สะใจ และคาดหวังไกลถึงขั้นอยากให้มีการสร้างจักรวาลขึ้นมาเป็นของตัวเองเลยทีเดียว รีวิว BLOODSHOT จักรกลเลือดดุ รีวิวหนังฝรั่ง
ดูหนังออนไลน์ฟรี 2022 นับว่าเป็นผลงานการกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกของ “เดฟ วิลสัน” ผู้ที่คร่ำหวอดกับงานออกแบบเทคนิคพิเศษในหนังฟอร์มใหญ่และวิดีโอเกมชื่อดัง เช่น Avengers: Age of Ultron หรือ BioShock Infinite โดยหยิบนำเอาตัวละครดังจากหนังสือการ์ตูนค่ายวาเลียนท์ มาดัดแปลงสร้างเป็นตำนานแอนตี้ ฮีโร่ (anti-hero) คนใหม่ ที่มีเอกลักษณ์และความสามารถแบบเฉพาะตัว ดูหนังฟรี
Bloodshot เป็นเรื่องราวของ เรย์ แกร์ริสัน นายทหารกองทัพสหรัฐฯ ที่เสียชีวิตในสนามรบ เขาถูกส่งมาปลุกชีพขึ้นมาอีกครั้งโดยบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ด้วยการใช้ “นาไนต์” แทรกซึมเข้าไปในกระแสเลือด แปรเปลี่ยนให้เขากลายเป็นซูเปอร์ฮิวแมน มีพละกำลังเหนือคน แข็งแรง-แข็งเกร่ง ซ้ำยังสามารถมีระบบฟื้นฟูตัวเองได้ในทันทีจากการถูกโจมตีด้วย
แต่การเปลี่ยนแปลงในตัวเองครั้งนี้ของเขาต้องแลกมากับการสูญเสียความทรงจำไปทั้งหมด เพราะถูกบริษัทผู้สร้างตัวตนใหม่ของเขาเขาควบคุมจิตใจและร่างกายเอาไว้ ทำให้เขาต้องค่อยๆ ค้นหาคำตอบและข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่
แน่นอนว่านี่จะเป็นหนังที่แฟนๆ ของ “วิน ดีเซล” ต้องประทับใจและชื่นชอบอีกเรื่องโดยแน่แท้ เพราะหนังเซอร์วิสฉากบู๊ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และโชว์คาแรกเตอร์เท่ๆ ของเขาได้ตั้งแต่ฉากแรกที่ปรากฏตัว เขาก็ดูเหมาะสมกับบทจักรกลเลือดดุผู้นี้อยู่ไม่น้อย ซ้ำยังเผยให้เห็นความเป็นอาชีพให้เส้นทางเจ้าพ่อหนังแอคชั่นคนปัจจุบันของวงการฮอลลิวูดได้อย่างประทับใจ
เพียงแต่น่าเสียดายนิดหน่อยตรงที่ยังไม่สามารถลบภาพจำเดิมๆ ของ วิน ดีเซล ออกไปได้ ในหนังเรื่องนี้ยังดูมีภาพลักษณ์ที่ไม่แตกต่างไปจากหนังเรื่องก่อนๆ ของเขา โดยเฉพาะภาพจากหนังแฟรนไชส์ The Fast Saga ทำให้ตลอดทั้งเรื่องของหนัง ยังอดใจคิดไม่ได้ว่า วิน ดีเซล ยังมีคราบของความเป็น “ดอมินิก” จากหนังเรื่องอื่น เพราะภาพและท่าทางยังสื่อให้ออกมาเป็นเช่นนั้น
ฉากบู๊และแอคชั่นระทึกใจยังเป็นอีกส่วนที่ดีของหนัง เห็นได้ชัดว่ามีการออกแบบฉากมาค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าจะดูจงใจไปบ้าง ภาพบางช่วงเลยออกไปในทางหนังเกรดบีไปนิด แต่เมื่อมองกลับไปยังภาพรวมก็ถือว่าเป็นหนังที่มีการถ่ายทอดฉากแอคชั่นได้น่าค่อนข้างน่าพอใจ อึกทึกครึกโครมและวินาศสันตะโรที่น่าจะสะใจคอหนังแนวนี้โดยเฉพาะ
แม้ว่าตัวหนังจะรวบรัดไปสักหน่อย และเสียเวลากับการปูเรื่องในช่วงต้นค่อนข้างนาน แต่พอหนังจุดเครื่องติดได้แล้ว ก็ชวนน่าติดตามแบบไม่ติดเก้าอี้ พร้อมกับเอาใจช่วยและลุ้นระทึกไปพร้อมๆ กับพระเอกอย่างใจจดจ่อ ถึงแม้ว่าปัญหาหลักของหนังก็คือบทภาพยนตร์ที่ยังมีข้อติดขัดในหลายจุด ขาดความสมเหตุสมผล และดูไม่ต่างไปจากหนังแอคชั่นไซไฟในทำนองที่เคยๆ ดูมาก่อน แต่หนังก็เล่าเรื่องได้ซ้ำเดิมที่ไม่ได้สดใหม่อะไรเท่าไหร่
แต่ก็ต้องยอมรับว่า ตัวหนังก็ยังพอจะมีทรัพยากรดีๆ อยู่ในมือ ที่สามารถสร้างและขยายจักรวาลเป็นของตัวเองเลยก็ได้ แต่คงจะต้องขึ้นว่าหนังจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน “ไอซา กอนซาเลซ” ที่เป็นนักแสดงนำฝ่ายหญิง เป็นอีกตัวละครที่ทรงเสน่ห์และน่าค้นหา ด้วยคาแรกเตอร์ของเธอสามารถนำเอาไปสร้างภาคแยกเฉพาะได้เลย
ขณะที่ “ลามอร์น มอร์ริส” ผู้รับบทเป็นนักวิทย์ฯ และแฮกเกอร์สมองเปรื่องกลายเป็นตัวละครที่ขโมยซีนที่สุดของเรื่อง ตัวละครนี้ก็ยังสามารถนำไปต่อยอดได้เช่นกัน งานสร้างของผู้กำกับฯ เดฟ วิลสัน อาจจะยังต้องขัดเกลาฝีมืออีกหน่อย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาทำได้ดีกับออกแบบและหยิบจับเทคนิคพิเศษใส่เข้าไปในตัวหนังได้อย่างถูกจังหวะ
โดยสรุปแล้ว Bloodshot ก็เป็นหนังแอคชั่นที่ดูสนุกแบบไม่ต้องคิดอะไร ตอบสนองด้วยความบันเทิงแบบสะใจล้วนๆ วิน ดีเซล ก็ยังทำหน้าที่เป็นราชาหนังบู๊อีกคนในวงการได้อย่างน่าพอใจ แม้ว่าจะยังติดคาแรกเตอร์เดิมๆ ของเขามาอยู่บ้างก็ตาม แต่ถ้าหากว่าใครเป็นแฟนหนังประเภทนี้…ต้องห้ามพลาดเลยทุกประการ
1. วิน ดีเซล ยังคงดูดีและเท่ตลอดกาลในหนังแนวๆ นี้ แม้ว่าหนังยังจะสลัดคาแรกเตอร์เดิมๆ ของเขาออกไปจากหัวคนดูไม่ได้ก็ตาม
2. ฉากบู๊และเทคนิคพิเศษในหนังอยู่ในระดับที่ดี ซีจีต่างๆ ไม่ลอยกระโดดออกมา ถือว่าเป็นงานสร้างที่น่าประทับใจและลื่นไหลดี
3. ผู้กำกับฯ เดฟ วิลสัน เป็นนักออกแบบเทคนิคพิเศษมาก่อน ทำให้เราได้เห็นงานออกแบบล้ำๆ ใส่เข้ามาอยู่ในหนังเรื่องๆ และเขาก็ทำได้ค่อนข้างดี
4. ไอซา กอนซาเลซ ที่กลายเป็นนางเอกของหนัง เรื่องนี้เธอมาพร้อมกับเสน่ห์ที่ทรงพลัง หนังเรื่องนี้ได้ปูทางให้อาชีพการแสดงของเธอได้ดี
5. สร้างตัวตนให้กับ บลัดช็อต ไปได้อย่างสวยงาม แต่หนังก็ยังมีตัวละครอื่นๆ ที่พอจะเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่า ที่สามารถนำไปสร้างและต่อยอดได้อีกด้วย
6. หนังสร้างมาจากตัวละครจากหนังสือการ์ตูนค่ายวาเลียนท์ ทรงอิทธิพลมาตั้งแต่ยุค 90s มียอดขายกว่า 80 ล้านเล่มทั่วโลก และยังเป็นขวัญใจแฟนๆ หลายคน
ผมว่าต้องมีหลายคนที่ไม่มั่นใจในหนังเรื่องนี้ของเฮียเหม่ง VIn Diesel เหมือนผมแน่ๆ ส่วนตัวที่ผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ เพราะหนังเฮียแกพักหลังๆ เนื้อหามันไม่ค่อยมีอะไรใหม่เลย คอนเซ็ปต์เดิมๆ เดินเรื่องราวแบบเดิมๆ จบแบบเดิมๆ และหลายเรื่องหลังๆ ก็เจ๊งแบบเดิมๆ เช่นกัน ซึ่งกับเรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้ว่ามันมีที่มาที่ไปจากการ์ตูน Comic Book ที่เหมือนเอาความสามารถพิเศษและเรื่องราวของตัวละครหลายๆ ตัวที่เราเห็นมาแล้วมารวมออกมาเป็นตัวละครที่ชื่อว่า Bloodshot
หนังเป็นเรื่องราวของ “Ray” ทหารที่เสียชีวิตจากการออกปฏิบัติการและตื่นขึ้นมาในห้องแล็บพร้อมกับความสามารถพิเศษหลายอย่างเพราะถูกปลูกถ่ายเทคโนโลยีที่เรียกว่า “นาไนต์” เข้าไปในเลือด ทำให้เขามีความเร็ว ความแข็งแกร่ง และการฟื้นตัวที่เหนือมนุษย์ ส่ิงเหล่านี้ที่เกิดขึ้นกลับต้องลแกด้วยความทรงจำที่หายไป แต่เมื่อความทรงจำเริ่มกลับมา เขาก็เริ่มรู้เบื้องลึกเบื้องหลังขององค์กรลับ และต้องตามสืบสาวเรื่องราวที่แท้จริงให้ได้ รีวิว BLOODSHOT จักรกลเลือดดุ
เอาจริงๆ พล็อตเรื่องหนังน่ะ อย่างที่บอกว่ามันค่อนข้างจะเชยสุดๆ กับทหารที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่แล้วถูกเอามาทำเป็นมนุษย์แปลง มันก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรกับหนังสไตล์นี้เลย แล้วยิ่งมาบวกกับเรื่องราวของการถูกหักหลังจากองค์กรที่ตัวเองสังกัด แล้วยิ่งกว่านั้นคือเรื่องของการโปรแกรมความทรงจำผิดๆ เข้าไปในสมองของพระเอก นี่มันแทบจะไม่ได้คิดอะไรขึ้นมาใหม่เลยใช่มั๊ยเนี่ย คือไม่ต้องเดาก็รู้อ่ะว่าหนังจะเดินไปทางไหนยังไงต่อตั้งแต่ต้นจนจบ
สำหรับหนังแอ็คชั่นเรื่องหนึ่ง ถ้าความดีงามของหนังไม่ใช่ฉากต่อสู้ ก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาขายแล้ว ซึ่งหนังเรื่องนี้มีฉากแอ็คชั่นที่ดูสนุกและดีเลยทีเดียว เพียงแต่ฉากแอ็คชั่นมันดันใส่มาน้อยไปนิด เอาจริงๆ มันมีฉากต่อสู้เจ๋งๆ ยาวๆ แค่ 3-4 ฉากแค่นั้นเองนะ แต่ว่าแต่ละฉากก็ดูมันส์ลุ้นสนุกเพลินๆ ทุกฉาก ถือว่าเป็นความดีงามของหนังแล้วล่ะเมื่อเทียบกับหนังทั้งหมด โดยเฉพาะฉากที่สู้กันบนลิฟท์นี่สนุกมาก
จุดที่หนังทำได้ไม่ดีเลย ส่วนตัวคือเอกลักษณ์ของ Ray ที่ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อ Vin Diesel เลย มันถูกสร้างมาเพื่อให้ใครแสดงก็ไม่ได้แตกต่างกัน เพียงแต่เรื่องนี้โชคดีที่ได้ Vin Diesel มารับบท มันเลยเป็นจุดขายเรียกแฟนคลับพี่เหม่งได้เพิ่มเติมอีกนิด แต่พี่เหม่งแกก็ยังสลัดภาพเดิมๆ ไม่ได้อยู่ดี มันไม่ได้ เรื่องนี้เหมือนเอาคาแรคเตอร์ของ ดอมินิค ทอเร็ตโต้ มาบวกเข้ากับ ริดดิค ออกมาเป็นนาย Ray แห่ง Bloodshot นี่เอง
ตัวละครอื่นๆ ถูกสร้างมาเพื่อเติมเต็มให้กับหนัง แต่ใช้งานไม่ค่อยคุ้ม ตัวร้ายตัวหลักอย่าง Guy Pearce ที่น่าจะมีบทบาทสำคัญอะไรมากกว่านี้ รวมไปถึงสาวสวยอย่าง Eiza González ที่บทน้อยจนน่าเสียดาย มีตัวละครตัวเดียวที่เด่นสูสีกับพระเอกคือ Sam Heughan ในบทของตัวร้ายตัวรอง แต่เก่งกว่าบอสใหญ่ ที่ค่อนข้างเด่นและเก่งพอๆ กับพระเอกและใช้คุ้มที่สุดในเรื่องละล่ะ
หนังทิ้งท้ายไว้น่าจะมีภาคต่อแน่ๆ แต่ก็คงต้องรอดูแหละว่าหนังจะไปได้สวยแค่ไหน แต่ถ้าภาคต่อไปยังพัฒนาเนื้อหาได้ไม่ดีหรือไม่สดใหม่ ก็คงเป็นแค่หนังมนุษย์ดัดแปลงธรรมดาๆ เรื่องหนึ่งที่มีจุดเด่นแค่ Vin diesel เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรน่าประทับใจหรือให้จำชื่อ Superhero คนนี้ได้เลย
เรื่องราวของ เรย์ แกร์ริสัน (รับบทโดย วิน ดีเซล) ชายผู้กลายเป็นเครื่องจักรสังหารทำภารกิจเสี่ยงตายตามคำสั่งขององค์กร ความทรงจำของเขาได้หายไป สิ่งเดียวที่เขารู้คือเขาต้องทำภารกิจช่วยเหลือคนรักของเขา และเขาไม่ใช่เพียงแค่คนธรรมดาเพราะภายในเลือดของเขาได้มีหุ่นขนาดเล็กที่เรียกว่า นาไนต์
ที่จะช่วยให้เขามีพลังเหนือมนุษย์ธรรมดาและมีพลังในการเยียวยารักษาสูง แทบพูดได้เลยว่าเขานั้นเหมือนจะเป็นเครื่องจักรสังหารอมตะ เป็นแฟรงค์เกนสไตน์ในยุคปัจจุบัน แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งความผิดปกติบางอย่างมันก็ทำให้เขารู้ว่า เขากำลังถูกองค์กรนี้หลอกใช้ และคอยลบความทรงจำ หลอกลวงเขาให้ทำภารกิจเสี่ยงตายเพื่อผลประโยชน์ขององค์กรอยู่เสมอ
ซูเปอร์ฮีโรยังเป็นแนวหนังที่ขายดิบขายดีที่ทุกค่ายหนังอยากมีแฟรนไชส์ฮิตของตัวเองที่ขายกินได้ยาว ๆ เช่นเดียวกับหนังมาร์เวล และสำหรับ Bloodshot ก็เป็นฮีโรจากค่ายโซนี่ที่มีองค์ประกอบดี ๆ หลายอย่างในการตั้งต้นเป็นแฟรนไชส์ดังได้ ทั้ง
คุมการผลิตโดยค่ายโซนี่ที่มีประสบการณ์ทำหนังฮีโรอย่าง Spider-Man และสายดาร์กอย่าง Venom มาแล้ว ซึ่งก็ดูจะทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
คือการได้ร่วมงานกับ วิน ดีเซล พระเอกนักบู๊ขายดีที่มีแฟรนไชส์ของตัวเองแข็งแรงมาก ๆ อย่างหนังแข่งรถตระกูล Fast และเอาใกล้เคียงกับเรื่องนี้ก็ยังมี Riddick
เป็นการนำคอมิกจากค่าย Valiant Comics ที่ จิม ชูตเตอร์ อดีตบรรณาธิการของมาร์เวลเป็นผู้ก่อตั้ง ทั้งยังมียอดขายรวมกว่า 80 ล้านฉบับ และมีจักรวาลฮีโรของตัวเองที่น่าสนใจไม่แพ้ค่ายอื่น ๆ โดย Bloodshot จะเป็นตัวละครแรกจากค่ายนี้ที่จะได้ขึ้นจอเป็นตัวแรก
ได้ทีมเขียนบทอย่าง เจฟ วาดโลว์ จากหนัง Kick-Ass 2 (2013) มาจับมือกับ อีริก ไฮเซอเรอร์ ที่เคยเข้าชิงบทออสการ์ยอดเยี่ยมจากหนัง Arrival (2016)
นี่เป็นการกำกับหนังยาวครั้งแรกของ เดฟ วิลสัน มือวิชวลเอฟเฟกต์ที่ผ่านงานใหญ่อย่าง Avengers: Age of Ultron (2015) และมีผลงานแอนิเมชันที่น่าสนใจสุด ๆ ในโพรเจกต์ Love, Death & Robots ทางเน็ตฟลิกซ์ในตอน Sonnie’s Edge ซึ่งผลงานน่าสนใจมาก ๆ และน่าจะเหมาะกับฮีโรสายดาร์กเท่ ๆ ด้วย
เอาจริงว่าด้วยตัวพลอตของตัวคอมิกนั้นก็ให้อารมณ์ ผสมระหว่าง Captain America (ทหารที่ถูกทดลองซูเปอร์โซลเยอร์ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2) Winter Soldier (ถูกลบความทรงจำและสร้างความทรงจำปลอมเพื่อให้ปฏิบัติภารกิจให้องค์กร) Wolverine (พลังในการฟื้นฟูร่างกายแบบเหนือโลก) Iron Man (ดีไซน์ศูนย์รวมพลังงานเป็นวงกลมอยู่ที่หน้าอก) แต่ก็ต้องชื่นชมว่าพอเอามาทำหนังก็ให้อารมณืผสมผสานหลากหลายฮีโรแต่ก็เอามาเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้เหมือนกัน ทั้งภาพการฟื้นตัวที่โคตรเท่แบบเซลล์ค่อย ๆ ประสานกลับมาเหมือนรีเวิร์ส หรือพวกดีไซน์ของพวกอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ไฮเทคไม่แพ้พวก GI Jo ยิ่งรองบอสตอนเสริมพลังแล้วนี่ให้อารมณ์แบบ ด็อกเตอร์ออกโตปุส ใน Spider-Man 2 เลย จะบอกลอกการบ้านชาวบ้านมาทำก็ไม่เชิง น่าจะเรียกว่าการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องแล้วเขียนตำราตัวเองมากกว่า
สิ่งที่ดีงามมากเลยคืองาน ซีจี ที่เจ้าพ่อกราฟิกอย่างผู้กำกับ เดฟ วิลสัน ดูแลออกมาได้สมความคาดหวัง สวย เนี้ยบ และกล้าเล่นใหญ่ ตัวนักแสดงไล่ไปอย่าง วิน ดีเซล ก็จะเรียกแสดงดีไหมก็เรียกว่าแสดงเป็นตัวเองตามแบบมาตรฐานมากกว่า ถ้าตัดพลังพิเศษออกพี่แกก็เป็นดอมในหนังรถแข่ง ริดดิกในหนังอวกาศ สายลับในหนัง xXx ดีนะถ้าแกพากย์กรูทให้เป็นวิน ดีเซล ด้วยคงเทพสุดแล้วล่ะ ก็เลยไม่มีอะไรต้องวิจารณืใครชอบสไตล์นิ่งดุ มีซีนอบอุ่นแบบขรึม ๆ
ก็น่าจะชอบการแสดงของแก ส่วนตัวร้ายหลักอย่าง กาย เพียส ที่มาเล่นหนังเกี่ยวกับความทรงจำก็ชวนให้นึกถึงหนัง Memento ของโนแลน ที่แกเคยเล่นไว้เหมือนกัน ชอบตรงบางฉากแกทำให้เราหวั่นไหวได้เหมือนกันนะว่าหรือแกไม่ใช่ตัวร้ายหว่า คือดูมีมิติที่ห่วงพระเอกจริง ๆ ซึ่งก็อีกตัวที่ทำให้รู้สึกแบบนี้ได้คือรองบอสที่ได้ แซม ฮิวจ์แอน มาเล่น มีฉากหนึ่งที่รู้สึกว่าจริง ๆ เขาเข้าใจพระเอกดีเลยโกรธพระเอกมากที่ยังเป็นทาสขององค์กรอยู่ นักแสดงอีกคนที่อยากพูดถึงคือ ไอซา กอนซาเลส เพราะการมีอยู่ของเธอมันทำให้หนังสดใสดีจริง ๆ ส่วนตัวละครที่อาจต้องปรับหน่อยในอนาคตคือ วิแกนส์ โปรแกรมเมอร์ช่างจ้อจิตเหงาที่บทยังล้น ๆ อยู่มาก
ข้อเสียที่ชัด ๆ ของหนังก็คงเป็นความซับซ้อนในที่มาที่ไปของตัวเอกที่ต้องอาศัยเวลาปูพื้นสักพัก และจุดหักมุมในระยะแรกเรื่องพระเอกถูกลบและสร้างความทรงจำปลอมเพื่อหลอกใช้ก็ถูกเรื่องย่อสปอยล์ไปหมดละตั้งแต่ก่อนดูหนัง เลยขาดความว้าวของพลอตช่วงต้นไปหน่อย พอยิ่งหนังมีรูรั่วในบทที่ขัดความรู้สึกว่าพลังระดับซูเปอร์ฮีโรนี่คนทั้งโลกไม่รู้เรื่องเลย เป็นความขัดแย้งในองค์กรหนึ่งเท่านั้นมันเลยขาดความยิ่งใหญ่ไปหน่อย ซึ่งก็สะท้อนมาด้วยฉากแอ็กชันทั้งหลายที่ไปไม่ค่อยสุด
มาก็ไม่ได้เยอะอย่างที่หนังแนวนี้ควรอัดใส่ไม่ยั้งมีฉากโชว์ใหญ่ ๆ สักหลายฉากหน่อย แต่นี่นับ ๆ ไปก็มีฉากซัดจริงจังสัก 3 ฉาก และเป็นฉากที่ติดตาจริง ๆ แค่ฉากลิฟต์ร่วงตอนท้ายเท่านั้นเอง ก็ต้องยอมรับล่ะว่าด้วยความเป็นหนังภาคแรกเลยต้องแบ่งที่ให้การเล่าเรื่องเยอะหน่อย ก็เป็นความน่าเสียดาย แต่อีกใจก็เห็นแววเลยว่าถ้ามีภาคต่อได้ จะเป็นหนังระเบิดระเบ้อไม่แพ้หนังรถแข่งของวิน ดีเซล แน่ ๆ เป็นแฟรนไชส์ที่มีอนาคตพอสมควรเลยล่ะ และที่สำคัญหนังน่าจะโหดเอาเรต R ได้เลยแต่ก็เหมือนยั้ง ๆ ไว้พอควร น่าจะลองคิดเล่นกลุ่มผู้ใหญ่ไปเลยอาจดีกว่า
สรุป ก็เป็นหนังที่น่าจะเหมาะคนชอบอะไรที่ไฮเทค ไซไฟ ซีจี แบบนั้น แอ็กชันก็มี ตลกก็แซม ๆ พลอตหักมุมก็ได้ การแสดงจัดว่าโอเคกับหนังแนวนี้ ก็เป็นหนังที่ดูได้เรื่องหนึ่งเลยสำหรับสายซูเปอร์ฮีโร และขอเชียร์ให้มีภาคต่อเพราะเห็นแววความวินาศสันตะโรได้สนั่นโลกาแน่ ๆ