รีวิว สงครามอสูรเหล็ก

รีวิวหนังฝรั่ง ในปัจจุบันได้ผลิตออกมาเป็นภาพยนตร์แล้ว จำนวน 2 ภาคด้วยกัน ซึ่งภาคล่าสุดฉายในปี 2018 ที่ผ่านมา การกลับมาในครั้งนี้คงทำให้แฟนๆ หนังเรื่องนี้ได้หายคิดถึงกัน โดยที่นำมาทำเป็นแอนิเมชันดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ ซึ่งขณะนี้กำลังฉายอยู่บน Netflix ด้วยความปังขนาดนี้ทำให้ติด

สร้างภาคต่อมาได้ แต่ Netflix สตรีมมิงเจ้าใหญ่ ได้เล็งเห็นโอกาสนั้น และลงทุนสานต่อเรื่องราวในจักรวาล Pacific Rim ต่อมาในรูปแบบแอนิเมชันเพื่อลงสตรีมมิงแอนิเมชันนี้ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ เนื้อเรื่องเราจะได้พบกับการต่อสู้ของหุ่นยนต์เยเกอร์กับไคจู เรื่องมีอยู่ว่าคู่พี่น้อง

เทยเลอร์กับเฮย์ลีย์ ทั้งสองอพยพออกจากเมืองที่ตอนนั้นถูกคุกคามโดยไคจูพ่อแม่ของทั้งสองได้พาไปหลบซ่อนอยู่ในหุบเขากับคนอื่นๆ และพวกเขาก็ออกไปขอความช่วยเหลือ เวลาผ่านไป 5 ปี พ่อแม่ของพวกเขาก็ยังไม่กลับมา ระหว่างนั้นเฮย์ลีย์ได้ค้นพบหุ่นยนต์เยเกอร์ฝึกหัด นี่อาจจะเป็นหนทางเดียวที่พวกเขาจะได้ตามหาและได้พบกับพ่อแม่อีกครั้งหนึ่ง

รีวิว สงครามอสูรเหล็ก

หากพูดถึงภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นไซไฟ เชื่อว่าไม่มีใครคงไม่รู้จัก Pacific Rim เรื่องราวของการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของมนุษย์โลกระหว่างหุ่นยนต์ยักษ์นามว่า “เยเกอร์” กับสัตว์ประหลาดที่ต้องการยึดครองโลกนามว่า “ไคจู”

Pacific Rim: The Black – สงครามอสูรเหล็ก สมรภูมิมืด แม้ว่า Pacific Rim ทั้ง 2 ภาค (2013-2018) ที่สร้างโดย Legendary Pictures สตูดิโอผู้สร้างเดียวกันกับ Godzilla vs. Kong จะได้รับคำชมจากภาคแรกไปพอสมควร แต่รายได้ของทั้ง 2 ภาคก็ยังไม่เข้าเป้าขนาดจะ TOP 1 ใน 10 ไปแล้วในหลายประเทศ ดูหนัง

รีวิว สงครามอสูรเหล็ก

อนิเมะที่ต่อยอดจากหนังแปซิฟิคริมมาเป็นภาคแยกเส้นเรื่องใหม่ โดยมีเรื่องราวเชื่อมโยงกับภาคแรกปะปนอยู่ (ยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาค 2) เมื่อฝูงไคจูปรากฎตัวอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นออสเตรเลีย และรอยแยกปรากฎบนผิวดินแทนใต้ทะเล

พี่น้องเทย์เลอร์และเฮย์ลี เด็กน้อยที่มีพ่อกับแม่เป็นนักขับเยเกอร์ที่ออกไปต่อสู้กับไคจูแล้วไม่กลับมา จนเวลาผ่านไปพวกเขาเติบโตขึ้นและบังเอิญได้พบกับหุ่นเยเกอร์สำหรับฝึกหัดที่ถูกทิ้งไว้ในฐานแห่งหนึ่ง พวกเขาจึงขับเยเกอร์ออกเดินทางตามหาพ่อแม่ที่หายสาบสูญไป

ต้องบอกว่าที่อเนิเมะเว็บหนัง HDแปซิฟิคริมเรื่องนี้ถูกนำมาสร้างได้อีกครั้ง หลังจากหนังภาคสองที่ได้ทุนจากจีนมาช่วยถือว่าล้มเหลว ทำรายได้ไปเพียง 290 ล้านทั่วโลกจากทุนสร้างเกิน 150 ล้าน และเชื่อว่าแฟนแปซิฟิกริมเองก็ไม่ได้อยากจะจดจำภาคสองไว้เลยด้วย

รีวิว สงครามอสูรเหล็ก

เพราะนอกจากจะขาดเสน่ห์ในแบบภาคแรกที่มีหลายอย่าง ตัวละครหลักในภาคแรกก็ถูกตัดหายหรือนำมาฆ่าทิ้งกันง่ายๆ จนแทบไม่เหลืออะไรดีงามในภาค 2 เลย แต่ทุกคนก็ยังอยากดูเรื่องราวของไคจูกับเยเกอร์อยู่อีกจากเสน่ห์กลิ่นอายของภาคแรกที่ทำออกมาได้ดีจริงๆ ดังนั้นในอนิเมะเรื่องนี้จึงพยายามจะนำสิ่งเหล่านั้นกลับมา พร้อมทั้งเชื่อมต่อเรื่องราวหากันโดยตรงอีกด้วย

เรื่องราวในภาคนี้ตอนแรกไม่ได้มีบอกช่วงเวลาใดๆ เลย แต่เรารู้ว่าน่าจะเป็นช่วงหลังจากจบภาคแรก โดยไม่มีภาคสองมาเกี่ยวเพราะเทคโนโลยีในเรื่องยังเทียบเคียงพอๆ กับภาคแรกอยู่ ไคจูที่ปรากฎตัวในภาคนี้ก็อยู่ที่ระดับ 3-4 พอๆ กับภาคแรก (ภาคสองเว่อร์เกินไปหลายระดับมาก)

โดยเดินเรื่องผ่านการเดินทางไปเรื่อยๆ ของพี่น้องตัวเอกคู่นี้ โดยมีไคจูคู่ปรับระดับ 4 ตามราวีตลอดเรื่องเป็นช่วงๆ เหตุที่สู้กันไม่จบก็เพราะหุ่นที่พวกเขาใช้ไม่มีอาวุธ เลยต้องต่อยกันดุ้นๆ ทำให้ไคจูตัวนี้ไม่ตายสักที ฉากแอ็กชั่นจึงไม่ได้มีอะไรมาเร้ามากตามไปด้วย ดูหนังออนไลน์

รีวิว สงครามอสูรเหล็ก

รีวิว สงครามอสูรเหล็ก เรียกว่าดูแบบจืดๆ ไม่ได้สนุกมันส์อะไรมาก ดนตรีประกอบก็ไม่ได้นำที่ติดหูจากภาคแรกมาใช้ด้วย ซึ่งทำให้เสน่ห์ของเรื่องดั้งเดิมหดหายไปมากทีเดียว มีแค่ตอนประสานเข้ากับเยเกอร์ที่ยังพอทำให้รู้สึกแบบนั้นได้เท่านั้น

จุดเชื่อมโยงกับตัวละครนักขับเยเกอร์ภาคแรก

เมื่อถึงช่วงกลางเรื่องจะเผยให้เห็นจุดเชื่อมโยงกับตัวละครนักขับเยเกอร์ภาคแรก ซึ่งก็ถือว่าเป็นการเซอร์วิสแฟนๆ ได้นิดนึง เพราะเอาจริงๆ ก็แค่หยิบชื่อกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาใช้กับตัวละครใหม่ ว่ามีฝีมือถึงขั้นสูงเท่าตัวละครในภาคแรก

แม้จะเป็นเด็กวัยรุ่นทั้งเรื่องตามสูตรอนิเมะญี่ปุ่นอันนี้เราไม่ว่ากัน เพราะเรื่องก็พยายามปูแล้วว่าตัวเอกเทย์เลอร์เป็นนักขับที่สอบผ่านการควบคุมมาแล้วสมัยที่พ่อแม่กับแม่ยังอยู่ แต่ยังไม่มีหุ่นเป็นของตัวเองเท่านั้น ส่วนน้องสาวเฮย์ลีก็อาศัยกฎที่ว่านักขับเยเกอร์สองคนต้องประสานซิงโครทางความทรงจำให้ได้ 100% ถึงจะขับ

พอเป็นพี่น้องกันก็เลยสามารถขับหุ่นเยเกอร์ได้เลย และในเรื่องนี้ก็มีคนอื่นที่ขับเยเกอร์ได้อีกปรากฎออกมา พร้อมกับนำเรื่องปมความทรงจำเจ็บปวดที่ซ่อนไว้แต่ต้องเปิดเผยให้คู่ขาขับหุ่นรู้มาใช้ตามแบบภาคแรก

จุดสำคัญเชื่อมโยงกับตอนจบภาคแรกแต่เรื่องมีจุดสำคัญเชื่อมโยงกับตอนจบภาคแรกเพิ่มมาในตอนท้าย EP 6 (มี 7 EP จบซีซั่นแรก) ซึ่งจุดนี้เป็นอะไรที่ไม่เข้าท่ามาก จนทำให้เรื่องดูกลายเป็นสไตล์การ์ตูนญี่ปุ่นจ๋า แบบเด็กน้อยมีพลังลึกลับยิ่งใหญ่ กับหุ่นเยเกอร์ที่ได้อิทธิพลมาจากอีวานแกเลี่ยนโหมดคลั่งเต็มๆ ซึ่งมุกนี้มันเก่าแล้ว ดูหนังฟรี

และก็ทำให้เรื่องดูออกทะเลไปในทันที อีกทั้งยังเอาแนวทางเกมร็อคแมนเปลี่ยนแขนที่ขาดก็ได้อาวุธใหม่มาใช้อีก ซึ่งมันดูง่ายเกินไป แถมที่มาของอาวุธก็ออกจะตลกมาก เรียกว่าพอมาถึงจุดนี้เรื่องราวกลายเป็นแนวการ์ตูนญี่ปุ่นทั่วไปโม้แตกที่นึกอยากให้มีอะไรก็มีไปแล้ว

และในตอนต่อมาหนังใหม่เต็มเรื่อง ก็เละเทะขึ้นไปอีกจริงๆ แบบกู่ไม่กลับ แม้จะมีฉากต่อสู้ไคลแม็กซ์กับไคจูตัวร้ายที่ตามมาตลอดที่คราวนี้พระเอกมีเยเกอร์ติดอาวุธแล้ว ซึ่งก็โอเคได้อารมณ์สนุกกว่าช่วงแรกที่ไม่มีอาวุธ แต่กลับมีตัวละครเว่อร์ๆ มาร่วมวงเพิ่มด้วยอีก

พร้อมกับเหตุผลในตอนจบที่ฟังแล้วส่ายหน้าจริงๆ เชื่อเลยว่าแปซิฟิกริมภาคนี้ถ้าทำต่อไปก็คงเละเทะไม่ต่างอะไรจากภาค 2 เป็นแน่แท้ (แต่ก็คงตามดูอยู่ดี)

แต่ที่จริงเรื่องนี้ก็ส่อแววออกทะเลตั้งแต่ตอนแรกแล้วที่มีหมาไคจูปรากฎขึ้นมาไล่ตามตัวเอกในเมืองร้าง ให้ความรู้สึกเหมือนหมาใน Resident Evil แบบชัดเจน แต่ช่วงนั้นมีแค่สั้นๆ แล้วก็ไม่มีหมาพวกนี้โผล่มาอีกจนตอนจบถึงโผล่มาอีกครั้ง

โดยรวม

งานสร้างแอนิเมชั่นเรื่องนี้อยู่ภายใต้สตูดิโอ Polygon Pictures ซึ่งก็มีผลงานจาก Godzilla: Planet of the Monsters (2017) ที่ทำเป็นไตรภาคลงโรง แอนิเมชั่นถือว่าไม่มีอะไรเสียหาย ดูลื่นไหลแบบอนิเมะ 3D ปกติ ไม่ใช่งานทุนต่ำ เว็บดูหนัง

รับรู้ความรู้สึกซึ่งกันและกัน

รีวิว สงครามอสูรเหล็ก แต่งานออกแบบไคจูในเรื่องออกจะดูซ้ำๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ฝ่ายเยเกอร์มีหุ่นแค่ 2 ตัว แต่ยังไงดูแล้ว Netflix ก็คงตั้งเป้าให้เป็นแฟรนไชนส์อนิเมะใหม่ที่ดังไปทั่วโลก ซึ่งก็คงได้ทำต่อจนจบ แม้บทจะไม่ได้ดีมากก็ตามครับ (น่าจะเป็นไตรภาคจบแบบก็อดซิลล่าของสตูดิโอนี้)

ความพยายามปลุกชีพแปซิฟิคริมกลับมาอีกครั้ง แต่มาในรูปอนิเมะ ซึ่งถ้าเป็นแฟนแปซิฟิคริมก็คงต้องดูต่อ (เพราะไม่มีหนังให้ดูแล้ว) อยู่ในเกณฑ์แค่พอดูได้ อย่าหวังอะไรมาก แต่ถ้าไม่ใช่แฟนก็ข้ามไปได้เลย เพราะเรื่องแม้จะพยายามเชื่อมต่อกับหนังภาคแรก แต่สุดท้ายก็กลายเป็นออกทะเล

เลอะเทอะมากในตอนจบ บอกตรงๆว่าสิ่งแรกที่ทำให้สนใจหนังเรื่องนี้คือชื่อผู้ กำกับGuillermodel Toro ( Hellboy , Pan’s Labyrinth)เพราะเป็นผู้กำกับที่เคยมีเอี่ยวกับ โปรเจค TheHobbit มาพักใหญ่ (แต่ด้วยปัญหาหลายประการทำให้ในที่สุดก็ถอนตัวออกไปแต่ยังมีชื่อในฐานะทีม เขียน

บทภาพยนตร์)และการการกำกับหนังในสไตล์ดาร์ค สตอรี่(โดยเฉพาะเรื่องPan’s Labyrinth นี่คงไม่ต้องพูดถึงความมืดหม่นของสไตล์ดาร์คแฟนตาซีที่เราไม่ค่อยได้พบ เห็นบ่อยนัก)

มาพูดถึงตัวหนังกันบ้างเนื้อเรื่องย่อก็ประมาณว่า วันหนึ่งก็มีสัตว์ประหลาดมาบุกโลกที่เรียกกันว่า “ไคจู” มาบุกโลก มนุษย์จึงต้องสร้างเทคโนโลยีหุ่นยนต์ขั้นสูงขึ้นมาเพื่อใช้ต่อกรกับสัตว์ ประหลาดโดยใช้ชื่อว่าเยเกอร์ ซึ่งการทำงานของ เยเกอร์ จะต้องใช้นักขับหุ่น 2 คนเพื่อคานพลังที่มีมาก

จนไม่สามารถขับได้ด้วยตัวคนเดียวของหุ่นยนต์ หนังเปิดเรื่องมาด้วยฉากการเข้ารุกรานโลกของเหล่าสัตว์ประหลาด ซึ่งนั่นทำให้กำแพงแห่งบางๆที่แบ่งกั้นมนุษยชาติโดยเชื้อชาติ ศาสนาฯลฯ ถูกทำลายลงทุกประเทศต้องจับมือเป็นพันธมิตรกันเพื่อหาทางปราบเจ้าสัตว์ ประหลาดร้าย และหลัง

จากที่สูญเสียเมืองใหญ่ไปหลายเมืองในที่สุด เทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่เรียกว่า เยเกอร์ ก็ถูกสร้างขึ้น เพื่อปราบไคจู แน่นอนว่าในระยะแรกเหล่าไคจูก็ถูกปราบได้อย่างง่ายดาย โดยกองกำลังหุ่นยนต์ แต่ต่อมาเหล่าไคจูเริ่มมีวิวัฒนาการความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น Raleigh Becket พระเอกของเรื่อง

ที่อยู่ในฐานะพลขับร่วมกับพี่ชายก็ได้ออกร่วมปฏิบัติการ แต่ทว่าเสียท่าให้กับ ไคจู จนพี่ชายของเขาต้องเสียชีวิตทั้งที่ยังอยู่ในสภาวะการเชื่อมต่ออยู่ (ขออธิบายเล็กน้อยถึงหลักการทำงานของ เยเกอร์คือ การใช้สมองของมนุษย์สองคนเชื่อมต่อกันเพื่อควบคุมตัวหุ่นยนต์ ซึ่งนั่นหมายความว่า

ทั้งสองฝ่ายจะสามารถมองเห็นความทรงจำของกันและกัน รับรู้ความรู้สึกซึ่งกันและกัน ) ซึ่งถึงท้ายที่สุดเขาจะสามารถเอาตัวรอดกลับมาได้ แต่ในสภาวะที่ต้องรับรู้ความรู้สึก เจ็บปวดและหวาดกลัวของพี่ชายตนก่อนที่จะตาย ทำให้เขาตัดสินใจหันหลังให้กับกองกำลัง และไปใช้ชีวิตในฐานะ

คนงานสร้างกำแพง เพื่อป้องกันไคจู เวลาผ่านไปหลังจากที่ไคจูเริ่มมีวิวัฒนาการ เหล่ากองกำลังหุ่นยนต์ก็เริ่มพบกับความพ่ายแพ้บ่อยขึ้นจนในที่สุด เหล่าผู้ บริหารก็มีมติให้ เวลาอีก 8 เดือนหากไม่สามารถพัฒนากองทัพให้แข็งแกร่งได้จะทำการยุบกองกำลังนี้โดยเลือก ที่จะสร้างกำแพง

และอพยพคนไปให้ห่างจากชายฝั่ง 300 กิโลเมตร เพราะเขาคิดว่านั่นเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดหัวหน้ากองกำลัง Stacker Pentecost จึงได้พยายามสร้างทีมที่แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมาซึ่งแน่นอนว่าตามไปรับพระเอก กลับ มาเข้าร่วมทีมด้วย ต่อจากนั้น เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรก็ลองหาแผ่น DVD มาชมกันได้นะคะ ส่วนตัวขอยกนิ้วให้กับฉากเปิดเรื่องมากค่ะทำได้สุดยอดจริงๆกับฉาก ดวลเดือดระหว่าง ไคจู กับหุ่นยนต์รบ สนุก ตื่นเต้นสมจริง

อย่างที่สุดประหนึ่งเราเข้าไปนั่งร่วมชมอยู่ในเหตุการณ์แถว หน้าโดยเฉพาะตอนที่ฝ่ายพระเอกเสียท่า จนพี่ชายที่เป็นพลขับร่วมต้องตายไปบรรยากาศที่ยังอยู่ในระหว่างการเชื่อมต่อ ความเจ็บปวด ความหวาดกลัวทุกอย่างสื่ออกมาได้อย่างสมจริงมากแต่หลังจากนั้นรู้สึกพลังใน เรื่องจะ

ดร็อปลงไปนิดหน่อย โดยเฉพาะในระหว่างการปูเนื้อเรื่องรู้สึกได้ถึงเคมีที่ไม่เข้ากันของพระนาง แต่ก็ประทับใจพอสมควรกับฉากความสัมพันธ์ ระหว่างหัวหน้ากองกำลังหน่วยปฏิบัติการ Stacker Pentecost และนางเอก Mako Mori ที่สื่ออกมาถึงจะไม่ดีนักแต่ก็ไม่แย่ ส่วนในส่วนท้ายของ

เรื่องแน่นอนว่าฉากการต่อสู้ยังทำได้อย่างยอดเยี่ยมแต่การ แสดงของนักแสดงนั่นแหละที่ทำให้จากที่อารมณ์ร่วมในหนังควรจะเต็ม 10กลับเหลือแค่ 8 หรือ 7 ในหลายๆซีน เว็บดูหนังฟรี

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *