รีวิว Taxi Driver – ซีรีส์เกาหลี แนว แอ็กชัน อาชญากรรม สุดระทึก

รีวิวหนังฝรั่ง Taxi Driver เมื่อกฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่จริง กระบวนการยุติธรรมไม่สามารถทวงคืนความเป็นคนคืนให้พวกเขาได้ เสียงกรีดร้องและความทุกข์ทรมาณที่ไม่มีใครได้ยิน ความเจ็บปวดที่เดินทางมาถึงจุดสูงสุดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่แล้วแสงสว่างหนึ่งเดียวท่ามกลางชีวิตที่มืดมนก็ได้ปรากฎขึ้น Rainbow taxi company “อย่าตาย แก้แค้นสิ เราจัดการให้เอง” ฮีโร่สายดาร์กจะมาช่วยคุณปิดบัญชีแค้นให้อย่างสาสม Taxi Driver Season 1 ติดตาม ดูหนังใหม่ คลิกที่นี่

รีวิว Taxi Driver - ซีรีส์เกาหลี แนว แอ็กชัน อาชญากรรม สุดระทึก

รีวิว Taxi Driver – ซีรีส์เกาหลี แนว แอ็กชัน อาชญากรรม สุดระทึก

รีวิว Taxi Driver ซีรีส์เกาหลี แนว แอ็กชัน อาชญากรรม สุดระทึก กับการแก้แค้นสุดมันส์ เรื่อง Taxi Driver แท็กซี่ชำระแค้น (2021) เป็นซีรีส์เกาหลีที่สร้างมาจาก Webtoon ชื่อว่า โมบอมเท็กชี (모범택시) ผลงานของนักเขียนคาร์ลอส และนักวาดอีแจจิน กลายเป็นซีรีส์สุดมันส์ ได้ผู้กำกับอย่าง พัคจุนอู จากซีรีส์เรื่อง Doctor Detective มาร่วมทีมในการรังสรรค์ Taxi driver (1976 Netflix) ให้ออกมาพรีเมี่ยมที่สุด

เปิดหัวมาอย่างเข้มเมื่ออาชญากรตัวเอ้กำลังพ้นโทษและถูกปล่อยตัวท่ามกลางเสียงสาปแช่งของมหาชนคนเกาหลีมุงและกองทัพนักข่าวอีกเป็นโขยง แต่แล้วก็มีแท็กซี่วีไอพีมารับตัวไปและหลังจากนั้นก็คือปฏิบัติการหลบสายตานักข่าว และนี่คือการลักพาตัวโดยภารกิจแท็กซี่วีไอพีที่อยู่ในการบริหารของ ผอ.จางซองชอล (คิมอึยซอง) แห่งมูลนิธินกสีฟ้าที่คอยช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมโดยได้รับการสนับสนุนจากทางสำนักงานอัยการ และ ผอ.จาง ก็มีบริษัทแท็กซี่ในนามขนส่งสายรุ้งแต่เบื้องหลังเขาคือหัวหน้าขบวนการกลุ่มแท็กซี่วีไอพีที่ให้บริการแก้แค้นจากการถูกกระทำที่ไร้ความยุติธรรมโดยมีสมาชิกคือคิมโดกี (อีเจฮุน) อดีตทหารผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้เป็นคนขับรถและลุยกับเหล่าร้าย อันโกอึน (พโยเยจิน) หญิงสาวเซียนคอมพิวเตอร์จอมแฮ็กผู้คอยสนับสนุน ร่วมด้วยชเวคยองกู (จางฮยอกจิน) ช่างเครื่องและพัคจินอุน (แบยูรัม) วิศวกร

รีวิว Taxi Driver - ซีรีส์เกาหลี แนว แอ็กชัน อาชญากรรม สุดระทึก

เรื่องย่อ

taxi driver เรื่องย่อ pantip เนื้อเรื่องคือ พระเอก “คิมโดกี” (Lee Jehoon) ทำงานเป็นคนขับแท็กซี่วีไอพีของบริษัทแท็กซี่สีรุ้ง ซึ่งบริษัทนี้ก็ไม่ใช่บริษัทแท็กซี่ทั่วไป แต่แอบมีบริการแท็กซี่วีไอพีคันพิเศษที่เอาไว้รับผู้โดยสารที่แค้นสุมอกโดยเฉพาะ ขอแค่ผู้โดยสารเอ่ยมาว่าอยากไปแก้แค้นใคร คิมโดกีและทีมงานก็พร้อมบุกตะลุยไปทุกที่ ขนเครื่องไม้เครื่องมือและสกิลหมัดมวยไปพร้อม

แต่ด้วยความที่แท็กซี่วีไอพีนี้ใช้วิธีจัดการอาชญากรรมแบบนอกกฎหมาย ได้ตัวคนร้ายมาแล้วก็เอาไปขังไว้ในคุกเถื่อนต่างหาก ความลึกลับที่ว่า “ไอ้ฆาตกรนั่นหายหัวไปไหนวะ” จึงเตะตาอัยการสาวไฟแรงอย่าง “คังฮานา” (Esom) เข้าจัง ๆ คังฮานาเลยเข้ามาคอยสืบสวนและค้นหาความจริงซึ่งเกี่ยวโยงไปกับแท็กซี่ของพระเอก

จึงกลายเป็นว่า นอกจากทีมพระเอกจะต้องจัดการคนร้ายในแต่ละเคสอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ สายตากฎหมายแล้ว ก็ยังต้องคอยหาทางพลิกตัวหนีอัยการฝีมือทองที่พยายามจะมาเปิดโปงพวกเขาด้วย นี่ยังไม่รวมมิตรที่หันกลับมาแทงข้างหลังในช่วงท้าย ๆ ของซีรีส์อีก

รีวิว Taxi Driver - ซีรีส์เกาหลี แนว แอ็กชัน อาชญากรรม สุดระทึก

เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดซีรีส์เกาหลี Taxi Driver

เรื่องราวของกลุ่มคนที่เคยตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมและยังคงได้รับผลกระทบทางจิตใจมาตลอดตั้งแต่นั้น อันประกอบไปด้วย จางซองชอล (ประธาน), คิมโดกี (คนขับรถ), อันโกอึน (ฝ่าย IT), ชเวคยองกู (ช่างเครื่องยนต์) และ พัคจินออน (ช่างเทคนิค) โดยกลุ่มคนเหล่านี้ได้จัดตั้งบริษัทที่ชื่อว่า Rainbow Taxi ขึ้นมาเพื่อเปิดให้บริการ Taxi VIP ซึ่งบริการแท็กซี่นี้จะไม่ได้รับ-ส่งผู้โดยสารทั่วไป แต่จะรับเฉพาะผู้โดยสารที่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมทุกรูปแบบ แต่ไม่เคยได้รับความเป็นธรรมจากทางกฎหมายหรือสังคมเลย โดย Taxi VIP จะรับฟังปัญหาของเหยื่อที่ได้รับผลกระทบมา และหากเหยื่อต้องการที่จะแก้แค้นเหล่าคนที่ร่วมกระทำอาชญากรรมเหล่านั้นต่อเหยื่อ ทาง Taxi VIP จะดำเนินการทำหน้าที่นี้แทนให้อย่างสาสม

รีวิว Taxi Driver - ซีรีส์เกาหลี แนว แอ็กชัน อาชญากรรม สุดระทึก

การดำเนินเรื่อง

การดำเนินเรื่องของเรื่องนี้ไม่มีการมาเกริ่นนำเอื่อยๆ เฉื่อยๆแน่นอนค่ะเพราะเปิดตัวมาตอนแรกก็พาเราดำดิ่งไปกับเคสแรกสุดสะเทือนใจทันที เรื่องราวของ มาเรีย ผู้พิการที่บกพร่องทางสติปัญญาระดับ 3 ที่ถูกนักสังคมสงเคราะห์หลอกให้ไปทำงานในโรงงานอาหารทะเลที่เบื้องหน้าบอกว่าเป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการจ้างงานคนพิการ แต่แท้จริงแล้วมาเรียและคนงานอื่นๆกลับถูกทรมาณสารพัด นอกจากนี้เธอยังถูกล่วงละเมิดทางเพศและถูกยักยอกเงินจากการถูกให้ทำประกันชีวิตไว้กับนักสงคมสงเคราะห์อีกด้วย ไม่ว่าเธอจะพยายามหนีออกไปเท่าไหร่ก็ไม่มีทางที่เธอจะหนีออกจากนรกแห่งนี้ได้เลย แม้แต่ตำรวจในท้องที่ก็เป็นพวกเดียวกันหมด ทางออกสุดท้ายที่เหลืออยู่เธอจึงเลือกที่จะฆ่าตัวตายแต่แล้วเธอก็ได้เห็นนามบัตรของ Rainbow taxi เข้าการแก้แค้นจึงเริ่มต้นขึ้น

โดยที่เมื่อมีการแก้แค้นให้กับลูกค้าแล้วพวกเขาจะจับตัวคนที่กฎหมายเอื้อมไม่ถึงไปขังในคุกลับที่ดูแลโดยประธานแบคซองมี (ชาจียอน) ที่มีเบื้องหลังน่ากังขา ขณะเดียวกันมือกฎหมายที่สงสัยการหายตัวไปของอาชญากรที่ถูกบอกเล่าว่าหลบหนีไปได้ก็พยายามสืบหาให้ได้เพราะความสงสัยบางอย่างก็คืออัยการคังฮานา (อีซม) ที่พยายามใช้กฎหมายมาปราบอาชญากรแต่บางครั้งกฎหมายก็เอื้อมไม่ถึงคนบางคนจึงต้องมีบริการแท็กซี่วีไอพี แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นจนในที่สุดเรื่องทั้งหมดก็ตามมาทันทีมแท็กซี่และพวกเขาต้องเอาตัวรอดไปให้ได้พร้อมกับจัดการอาชญากรตัวแม่ และถ้ายังไม่ยุ่งพอเส้นแบ่งระหว่างกฎหมายกับศาลเตี้ยก็มาตัดกันเพื่อให้ต้องตัดสินใจส่วนบทสรุปนั้นไม่ต้องเดา เพราะมันเป็นไปตามครรลองของมันไม่มีพลิกผันในบั้นปลายเพียงแต่ที่พาเรื่องมาถึงจุดนี้ได้เพราะระหว่างทางทั้งมันส์และสะใจเหลือเกิน

ส่วนหนึ่งที่เป็นตัวช่วยให้พลังของเครื่องยนต์ไหลลื่นก็คือประเด็นรองหรือเรื่องราวย่อยรายทางที่ต้องผ่าน ด้วยความมั่นใจผู้เขียนจะฟันธงว่าทุกเรื่องที่เล่ามามีเค้าโครงเป็นเรื่องจริงหรือเป็นปัญหาของสังคมบ้านเขาที่แก้ไม่หายและได้ถูกตีแผ่ออกมา เพื่อกระตุกให้สังคมมองเห็นและจับจ้องแทนที่จะมองเป็นเรื่องธรรมดาในโลกที่วุ่นวายและความที่มันคือเรื่องจริงที่มาคาบเกี่ยวกับเรื่องในจินตนาการเลยทำให้ละครที่ดูออกว่าเป็นการ์ตูนในคาแร็คเตอร์ของเรื่องนี้ไม่หลุดจากโลกความเป็นจริง เพราะทุกเรื่องที่บอกกล่าวมีพลังและได้ใจคนดูไปเต็มที่นั่นหมายความว่าอารมณ์ร่วมของคนดูจะสูง ด้วยชั้นเชิงง่ายๆแบบเปิดก่อนแล้วย้อนมาเฉลยการสลับช่วงเวลาเล่าในต่างมุมมองการทำให้รู้สึกสงสารเห็นใจผู้ถูกกระทำ รังเกียจชิงชังคนที่กระทำต่อคนไม่มีทางสู้ชี้นำให้จนมุมไปกับตัวละครเมื่อมองไม่เห็นทางออก และความฉลาดในการพาอารมณ์ให้เจ็บแค้นกระทั่งกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ทางสังคมก็ช่วยไม่ได้ ที่พึ่งสุดท้ายก็คือใช้บริการศาลเตี้ยแล้วมันดันถึงใจทุกเรื่องเมื่อศาลเตี้ยได้คืนความยุติธรรมให้อย่างสาสมแต่นั่นคือโลกแห่งจินตนาการ

รีวิว Taxi Driver – ซีรีส์เกาหลี แนว แอ็กชัน อาชญากรรม สุดระทึก

เมื่อโลกแห่งความจริงยังคงต้องมีกฎหมายเลยต้องมีตัวละครอย่างอัยการคังฮานามาถ่วงดุลด้วยความชัดและสัตย์ซื่อต่อหน้าที่และกฎหมาย จนกระทั่งวันที่เธออับจนสิ้นหนทางเธอจะเลือกทางไหนระหว่างใช้กฎหมายกับการแก้แค้น แล้วเมื่อลองคิดดูเธอเองที่มองเห็นข้อกฎหมายอย่างทะลุเธอก็มีทางเลือกของเธอที่อาจดูหลุดโลกไปบ้างแต่นี่คือสิ่งที่เรื่องต้องการสร้างทางแยกให้สมองและหัวใจ ซึ่งก็คือการขีดเส้นแบ่งระหว่างข้อกฎหมายและศีลธรรมคือการสร้างทางแยกของมโนธรรมว่าถ้าเราอยู่ในฐานะผู้ถูกกระทำเราจะเลือกทางไหน แต่น่าเสียดายที่เส้นแบ่งนี้ไม่สมดุลเมื่อคนดูคงจะตัดสินใจเลือกทางที่ไม่มีกฎหมายเป็นส่วนร่วมอย่างน่าเสียดายเมื่อเริ่มต้นด้วยความท้าทายมโนสำนึกที่เข้มข้นแต่ลงท้ายไปในทางเชื่อในการแก้แค้นทำให้เรื่องตอนสุดท้ายกลายเป็นหลุดออกไป แต่ก็ว่าไม่ได้เพราะเป็นการเปิดปลายให้ขยายต่อแค่เสียดายที่ตั้งการคำถามต่อสมองและหัวใจจัดจ้านแบบนี้มันต้องสมดุลและยากที่จะตัดสินใจ แต่เมื่อสุดท้ายลงเอยด้วยความเลือกข้างใดข้างหนึ่งโดยไม่ลังเลมันก็แค่เสียดายที่น่าจะไปให้สุดได้ในมิติของหัวใจเท่านั้น

ในทุกเคสซีรีส์จะพาเราเข้าไปสำรวจปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นจริงในสังคมทีละมิติ รวมไปถึงการลงลึกถึงความเจ็บปวดและความทรมาณของเหยื่อที่ถูกกระทำ ทำให้คนดูอินตามได้ไม่ยากทุกบทพูดล้วนเป็นเหมือนค้อนที่ทุบลงบนใจคนได้ฟังอย่างเจ็บแสบ เพราะประเด็นที่ถูกหยิบมาเล่ามันไม่ใช่ประเด็นไกลตัวเราเลย บางครั้งเราก็เมินเฉยต่อความรุนแรงเพียงเพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง บางครั้งเราก็ถูกเมินเฉยจากผู้รักษากฎหมายของประเทศเพียงเพราะเรื่องของเราดูไม่รุนแรงพอ บางครั้งชีวิตก็ได้เผชิญกับความไม่ยุติธรรมจนต้องร้องไห้ออกมา เพราะสังคมในปัจจุบันเต็มไปด้วยความโหดร้าย ซีรีส์สายดาร์กนี้จึงตอบโจทย์คนดูเป็นอย่างมาก

นี่คือการยำใหญ่เอาความเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่มาใส่ดราม่าและแปลงมาเป็นบริบททางสังคมเกาหลีหรือจะเรียกว่าเป็นละครซูเปอร์ฮีโร่เกาหลีก็คงไม่ผิด แต่ความที่เล่าเรื่องปัญหาสังคมที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริงจึงเลือกเสนอให้ออกมากึ่งจริงกึ่งการ์ตูนไม่หลุดโลกมากมาย และสิ่งที่ทำให้เรื่องมีพลังแรงก็คือพลังของการแสดงอย่างไม่ต้องสงสัยด้วยบทและตัวตนของตัวละครที่แยกดีร้ายชัดและคาแร็คเตอร์ของแต่ละคนก็ชัดมีความเป็นตัวตนของแต่ละตัวละคร แต่ที่เป็นเสาหลักของเรื่องคือตัวฮีโร่คิมโดกีของอีเจฮุนและตัวร้ายที่เป็นตัวบอสคือประธานแบคซองมีของชาจียอนที่เชือดเฉือนกันในเกมหลักซึ่งคนทั้งสองที่อยู่คนละฝั่งก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่มีที่ติ อีเจฮุนมาในลุคพระเอกที่ขายความเท่ทั้งดุและดิบ เต็มไปด้วยความแค้น และเขาก็น่าเชื่อถือในบทอดีตทหารที่มีปมในใจของความสูญเสีย (บรู๊ซ เวย์น ใช่ไหม) แต่ถ้าจะมองด้วยความเป็นธรรมกลายเป็นบทประธานแบคของชาจียอนที่ขโมยซีนเป็นพักๆด้วยความร้ายลึกดูฉลาดและเจ้าเล่ห์กับเมคอัพที่น่าเกรงขามปนมีเสน่ห์ลึกลับ และบทนี้ทำให้เธอกลายเป็นตัวร้ายที่น่าจดจำโดยไม่ต้องแอ็คชั่นมากมาย

ส่วนรายที่เป็นตัวแปรและเป็นตัวละครที่ตั้งคำถามต่อสมองคนดูอย่างอัยการคังฮานาของอีซมนั้นถ้าว่ากันแบบเอาใจก็คือเธอรับผิดชอบได้ตามหน้าที่และบทที่ตั้งธงไว้แล้ว แม้จะดูขัดเขินในช่วงต้นแต่ก็มีพัฒนาการและมีความโดดเด่นเป็นของตัวเอง แต่ถ้าจะเอาจริงก็คือการแสดงในเรื่องนี้มีเงาของแบดูนาทั้งสีหน้าแววตาภาษากายกระทั่งบุคลิกชนิดที่ฉากที่ไม่เห็นหน้าชัดๆอาจเผลอคิดไปว่านี่คืออัยการฮันยอจินจาก Stranger 2 ส่วนคนอื่นๆที่มีบทสมทบทั้งทีมผู้อยู่เบื้องหลังคนขับแท็กซี่หรือสมุนคู่ใจของตัวร้ายประธานแบคก็คือตัวสนับสนุนชั้นดีที่น่าเชื่อถือรับผิดชอบหน้าที่ได้ดีและมีนาทีที่น่าจดจำทุกคนอาจมีความเป็นการ์ตูนที่ดูล้นออกมาบ้างก็เพราะทางของเรื่องต้องเป็น ด้วยงานด้านภาพที่ออกมาโทนมืดทำให้นึกถึงอัศวินรัตติกาลอยู่บ้างกับเพลงประกอบเพราะๆที่เร่งเร้าอะดรีนาลีนทำให้ฉากแอ็คชั่นออกมาเร้าใจ จนทำให้งานนี้แม้จะเหมือนเป็นผ้าขาวที่มีรอยด่างและความขาวก็ยังขาวไม่สุดแต่ก็คืองานอยู่ในระดับเหนือธรรมดาถ้าว่ากันที่อารมณ์ของคนดู

ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์ Taxi Driver

สำหรับเรื่องนี้นั้นใครชอบแนวบู๊แอ็กชั่นน่าจะถูกใจ เพราะซีรีส์จัดเต็มให้แบบตั้งแต่ต้นยันจบเลยจริง ๆ มีทั้งฉากต่อสู้ตัวต่อตัว สู้แบบร้อยรุมหนึ่ง หรือจะแอ็กชั่นบนท้องถนนก็ทำโปรดักชั่นออกมาได้ดี ไม่ต้องใส่ซีจีอะไรมากมายก็สนุกได้ นอกจากฉากแอ็กชั่นที่ทำได้ดีแล้ว ฉากดราม่าซีรีส์ก็ถ่ายทอดได้ชวนให้เศร้าน้ำตาคลอ เพราะตัวละครล้วนแล้วแต่เสียคนที่รักไป ใครจะทำใจได้ พอซีรีส์เล่นวนฉากเหล่านี้เราก็เจ็บปวดไปพร้อมตัวละคร ยิ่งทำให้มีอารมณ์ร่วมกับภารกิจของพวกเค้ามากขึ้น

และแน่นอนว่าอีกอารมณ์ที่มาช่วยเสริมให้ซีรีส์กลมกล่อมขึ้นก็คือมุมตลก ๆ โดยเฉพาะตอนที่พระเอกของเราต้องปลอมตัวไปเป็นคนนู้นคนนี้เพื่อแก้แค้น จากพระเอกหน้าตายก็จะกลายเป็นแป๊ะยิ้มบ้าง เป็นอาเสี่ยบ้าง นี่ยังไม่รวมตัวละครเสริมทีมอย่างวิศวกรสองหนุ่มที่เป็นสีสัน ทำงานเป็นนักแสดงจำเป็นนอกเหนือบทบาทวิศวกรไปพร้อม ๆ กับพระเอก เป็นตัวละครที่เติมเข้ามาเบรกความจริงจังของหนังได้ดี

อย่างเดียวที่ขาดไปของซีรีส์คือเรื่องความโรแมนติก บอกได้เลยว่านับเป็นศูนย์ คือแม้จะมีตัวเอกหญิงถึง 2 คนอย่างคังฮานาและอันโกอึน (Pyo Ye-Jin) เพื่อนร่วมทีมของพระเอก แต่ก็ไม่ได้มีมุมกุ๊กกิ๊กกับพระเอกเลยแม้แต่น้อย เป็นเหมือนเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมวงการกันมากกว่า ฉะนั้นใครที่เป็นสายเสพฉากฟิน คงไม่ชอบเรื่องนี้เท่าไร แต่ถ้าใครชอบแบบเนื้อเรื่องเน้น ๆ เนื้อ ๆ ไม่ต้องมีซีนหวาน ๆ ก็น่าจะถูกใจ

สิ่งที่น่าสนใจของซีรีส์คือการปะทะกันระหว่างสองแนวคิด ระหว่างการผดุงความยุติธรรมนอกกฎหมายที่รวดเร็วทันใจ กับการทำทุกอย่างตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ก็แสนจะล่าช้าเหลือเกิน ทีมพระเอกนั้นพร้อมที่จะช่วยเหลือเหยื่อ ทวงคืนความยุติธรรมให้ โดยไม่สนวิธีการ ไม่สนกฎหมายหน้าไหน พวกเขาใช้วิธีของเขา รวดเร็วทันใจ กรรมตามทันแบบติดจรวด ไม่ต้องง้อตำรวจ อัยการ หรือศาลให้มาตัดสิน พวกเขาจะเป็นคนตัดสินและลงโทษเอง

ส่วนทีมของอัยการนั้นก็เป็นตัวแทนของผู้ผดุงความถูกต้องทั่ว ๆ ไป อยากให้ทุกอย่างอยู่ในกฎระเบียบ เพราะมองว่าวิธีของพระเอกนั้นดูยังไง ๆ ก็ไม่ต่างจากอาชญากรรมแม้ว่าจะหวังดีกับเหยื่อก็ตาม ข้อเสียคือขั้นตอนทางกฎหมายนั้นแสนจะล่าช้า บางครั้งก็มีช่องโหว่ที่ทำให้อาชญากรลอยหน้าลอยตาต่อไปทั้ง ๆ ที่เห็นกันเต็ม ๆ ตาว่าทำผิด นี่เป็นการปะทะกันที่น่าติดตามมาก อยากรู้ว่าสุดท้ายฝ่ายไหนจะเป็นคนยอม ซึ่งซีรีส์ก็เพิ่มความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการให้ทั้งสองฝั่งเริ่มเห็นจุดผิดพลาดของวิธีตัวเอง ทำให้ต้องกลับมาพิจารณาแนวทางของตัวเองอีกครั้ง ว่ามันใช่วิธีที่ดีที่สุดจริง ๆ มั้ย

ทีมอัยการพร้อมที่จะปล่อยอาชญากร 100 คนไป เพียงเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์คนเดียว ในขณะที่ทีมพระเอกนั้นช่วยเหลือเหยื่อที่เกิดจากอาชญากร 100 คนนั้นให้ได้รับความยุติธรรม ความสนุกคือที่เราจะค่อย ๆ เริ่มเห็นสองขั้วที่ต่างกันนี้ประสานกันมากขึ้นเรื่อย ๆ

สิ่งที่ Drive ตัวละครชัด ๆ เลยก็คือ “ความแค้น” ไม่ว่าจะเป็นคิมโดกีที่สั่งสมความแค้นเอาไว้หลังแม่โดนฆาตกรรม ประธาน “จางซองชอล” (Eui-sung Kim) เจ้าของบริษัทแท็กซี่สีรุ้ง และประธานมูลนิธินกสีฟ้าเพื่อช่วยเหลือเหยื่ออาชญากร ก็ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาจากความแค้นส่วนตัวเช่นกัน นี่ยังไม่รวมถึงเหยื่อของอาชญากรรมต่าง ๆ ที่มาขอความช่วยเหลือจากแท็กซี่ ก็ล้วนแล้วแต่มีความแค้นฝังอก ต้องการเอาคืนคนที่ทำให้ตนต้องทุรนทุราย

แม้การแก้แค้นจะทำให้สะใจในระยะสั้น แต่ตัวละครก็ได้เรียนรู้ตอนท้ายว่าการแก้แค้นนั้นไม่ใช่หนทางจบสิ้นทุกอย่าง เพราะการแก้แค้นนึงก็มักจะส่งผลให้เกิดการแก้แค้นต่อ ๆ ไปไม่หยุดหย่อน เหมือนลูกโซ่ที่เชื่อมต่อกันไปเรื่อย ๆ และเมื่อแท็กซี่สีรุ้งโดนแก้แค้นซะเอง พวกเขาจึงตระหนักได้ว่า หนทางของการหยุดวงจรอุบาทว์นี้ก็คือการยอมตัดจบ และใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่มีสิ่งติดค้างในใจต่างหาก นี่แหละคืออิสรภาพที่แท้จริง

รีวิว Rugal รูกัล ตำรวจกลคนเหนือมนุษย์ | ตํารวจ vs องค์กรอาชญากรรม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *