รีวิว All of Us Are Dead มัธยมซอมบี้ – เรื่องราวการเอาชีวิตรอดในโรงเรียนมัธยม
ต้องบอกตามตรงว่าเรา รีวิวหนังฝรั่ง เป็นส่วนมาก วันนี้จึงขอโอกาสเปลี่ยนแนว มารีวิวซีรีส์ผีดิบเกาหลี เรื่อง All of Us Are Dead 2022 มัธยมซอมบี้ ดัดแปลงจากเว็บคอมมิคชื่อเดียวกันของเว็บตูน ชื่อภาษาไทย ตอนนี้…โรงเรียนของเรา โดยสำหรับใน All of Us Are Dead Season 1 จะเป็ยเรื่องของเหล่านักเรียนที่ถูกขังอยู่ในโรงเรียนมัธยมฮโยซาน ขณะมีการแพร่กระจายของไวรัสซอมบี้ พวกเขาต้องช่วยกันเอาชีวิตรอดจนกว่าความช่วยเหลือจะมาถึงโดยไม่กลายเป็นพวกเดียวกับมันไปเสียก่อน นำแสดงโดย พัคจีฮู, ยุนชานยอง,ยู อิน-ซู, พัคโซโลมอน, ชเวอีฮยอน และอียูมี ซีรีส์มีความยาวมากถึง 12 ตอน ตอนละเกือบ ๆ 1 ชั่วโมง และปูเรื่องในช่วงแรกได้น่าสนใจดี โดยขยายความจากเรื่องการกลั่นแกล้งกันในโรงเรียน จนหนึ่งในผู้ปกครองเด็กที่ถูกรังแกทนดูไม่ได้ที่ลูกอยากฆ่าตัวตายมากกว่าอยากจะลุกขึ้นสู้ จึงช่วยเหลือด้วยการฉีดสารกระตุ้นที่สกัดจากหนูทดลองที่จนตรอกให้กับลูกชาย และกลายสภาพเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือธรรมชาติที่เราคุ้นเคยอย่างซอมบี้เพื่อไปล้างแค้นโลกที่มันบิดเบี้ยวนี้ หากคุณกำลังหา ดูหนังใหม่ คลิกที่นี่
รีวิว All of Us Are Dead มัธยมซอมบี้ ไม่วิ่งก็ไม่รอด!
เหตุการณ์ประหลาดอันน่าสยดสยองได้เกิดขึ้นในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองฮโยซาน เมื่อเด็กหญิงคนหนึ่งที่หายตัวไปในโรงเรียนกลับปรากฏตัวขึ้นในห้องเรียนและเข้าทำร้ายคนในโรงเรียน
ไม่นานทั้งโรงเรียนก็เต็มไปฝูงคนคลั่งหรือซอมบี้ที่สามารถแพร่เชื้อไวรัสได้จากการกัดและการมีบาดแผล ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน หรือเพราะอะไร เหล่าวัยรุ่นมัธยมที่เหลือรอดที่นำโดย นัมอนโจ, ชองซาน, นัมรา, ซูฮยอก และคนอื่น ๆ
ต่างต้องเผชิญกับปมปัญหาภายในใจที่ทำให้พวกเขาต้องเรียนรู้ถึงมิตรภาพและการเอาชีวิตรอด ก่อนที่จะตกเป็นเหมือนพวกมัน แต่ทว่าไม่นานนักจากการแพร่เชื้อของไวรัสภายในโรงเรียนก็กลายเป็นระดับชาติ
ความหวังเริ่มริบหรี่และความเป็นจริงอันโหดร้ายทำให้พวกเขารู้ว่าในวันล้างโลกแบบนี้ ความหวังและความสามัคคีไม่เพียงพอจะทำให้พวกเขาสามารถผ่านวิกฤติได้ นอกซะจากต้องเรียนรู้สัญชาตญาณการเอาตัวรอดในแบบที่พวกเขาคาดไม่ถึง หรือสุดท้ายในที่สุด ทุกคนจะตายกันหมด ไม่มีความหวังเหลือแล้ว
ซีรีส์แนวซอมบี้ที่จะพาคุณเข้าสู่รั้วโรงเรียน
All Of Us Are Dead จะพาคุณเข้าสู่รั้วโรงเรียนที่หากไม่กัดฟันวิ่งก็ไม่รอด กับซีรีส์แนวซอมบี้เอาชีวิตรอด ที่หยิบยกเอาประเด็นทางสังคมที่เหล่าเยาวชนซึ่งเป็นความหวังของชาติต้องเจอ มาตีแผ่ผ่านเรื่องราวสุดระทึกในการเอาชีวิตรอดจากซอมบี้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อน เป็นครู และเป็นพ่อแม่ของตัวเอง
ในเช้าวันหนึ่ง นักเรียนทุกคนต่างมุ่งหน้าไปทิศทางเดียวกัน ให้ทันเข้าเรียนตามปกติ ใครที่รู้ตัวว่ากำลังจะสายก็วิ่งหน้าตั้งให้ทันประตูที่กำลังจะปิด เพื่อเข้าไปใช้ชีวิตในโรงเรียนยามเช้าที่อบอลวนไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม
แต่ใครจะคิดล่ะว่า นั่นอาจจะเป็นรอยยิ้มสุดท้ายที่ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขาก็ได้… เพื่อนที่เคยนั่งข้าง ๆ กัน เพื่อนที่เคยเดินผ่านในโรงเรียน คุณครูที่เคยสอนในวิชาสุดหฤโหด จากที่เคยยกมือทักทาย กลับเป็นวิ่งไล่กัดกันอย่างบ้าระห่ำ พวกเขาที่ยังมีชีวิตอยู่รอด จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางออกไปจากโรงเรียนที่กลายเป็นนรกแห่งนี้ให้ได้
การเล่าเรื่องจนขยายเส้นเรื่องไปได้ทั้งในโรงเรียน
แม้จะมีเวลามากมายในการเล่าเรื่องจนขยายเส้นเรื่องไปได้ทั้งในโรงเรียนและภายนอกโรงเรียน มีตัวละครหลายกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วม สามารถปั้นดราม่าหรือฉากที่น่าจดจำได้มากมาย แต่เอาเข้าจริงแล้วมันก็พอจูงเราให้สนุกได้ถึงราวประมาณตอนที่ 5 หรือเกือบครึ่งทางเท่านั้น ก่อนจะเริ่มรู้สึกว่าตัวซีรีส์ไม่ได้พาทิศทางใหม่ ๆ ให้น่าจดจำเลย
เมื่อความตื่นตาตื่นใจในเหล่าซอมบี้เริ่มจืดจางเอียนตา (ขนาดว่าช่วงหนึ่งแทบรู้สึกว่าเลิกสะพานโค้งสักทีเถอะ มันออกจะน่าขำมากกว่าแล้ว) และฝั่งดราม่าก็ไม่มีความน่าสนใจมากพอ ภาพรวมของซีรีส์จึงเป็นความรู้สึกว่าใช้เวลาได้ไม่คุ้มค่าในการเล่าเรื่อง และขาดการพัฒนากราฟความสนุกที่ดี กลายเป็นว่ายิ่งดูยิ่งรู้สึกร่วมน้อยลงเรื่อย ๆ
และหลายครั้งตัวซีรีส์ก็ไม่สามารถก้าวข้ามความน่าหงุดหงิดในการตัดสินใจของตัวละครที่ดูไม่สมจริงในแต่ละสถานการณ์ ความเฉยชาเกินปกติ หรือแม้แต่ลำดับเวลาในเรื่องก็เหมือนจะดูสับสนเมื่อมีการขยายความออกไปนอกพื้นที่โรงเรียน ระดับการรับมือกับเรื่องราวดูไม่ค่อยสมจริงนัก
ถ้าไม่มากไปก็ดูน้อยไปในหลายครั้ง รวมถึงการวางกฎของซอมบี้ในเรื่องก็ชวนสับสน ในบางช่วงการติดต่อดูง่ายดายแค่เลือดโดนแผลก็ติด แต่บางช่วงเลือดท่วมใส่หน้าใส่ตาดันไม่ติด หรือการฆ่าซอมบี้เหมือนจะต้องใช้มีดแทงคอเท่านั้นถึงจะตาย แต่บางช่วงยิงหัวก็ตายได้ หาความแน่นอนไม่ได้
ซีรี่ส์ที่สร้างตามจากฉบับเว็บตูนแทบจะทุกตารางนิ้ว
All of Us Are Dead WEBTOON ถือว่าซีรีส์ถอดแบบจากฉบับเว็บตูนแทบจะทุกตารางนิ้ว มีการเล่าขยาย สลับมุมมองของมูลเหตุและโทนเรื่องที่จริงจังมากขึ้น โหดเลือดสาดเห็นไส้เห็นพุงเห็นรอยกัด มีความขยี้ดราม่าเพื่อให้เหมาะและปูตัวละคร การเล่าเรื่องเป็นเส้นตรงสลับไปมาระหว่างหลายมุมมอง
มากกว่าเพียงให้เราได้เห็นมิติและการกระทำน่าเชื่อถือ เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วยประเด็นทางสังคมที่ขยายออกไปมากกว่าแค่การเอาตัวรอด พล็อตก็ตามสูตรซอมบี้เอาชีวิตรอดทั่วไป แต่ยังมีพล็อตรองที่บางอันก็น่าสนใจ บางอันก็เรียกว่าน่าเบื่อปะปนกัน โดยเฉพาะความพยายามใส่ฉากโรแมนติกเข้ามา
ทำให้บางครั้งคนจะรู้สึกเอียนกับความพยายามรักสามเส้าแบบซีรีส์เกาหลีในช่วงเวลาแบบนี้ บางฉากก็มีให้ลุ้นว่าตัวละครจะรอดไปได้มั้ย แม้ซีรีส์จะพยายามบอกสถานการณ์ของตัวละครว่าพวกเขากำลังเจอซอมบี้ และมีการตัดสินใจที่เด็ดขาดและชาญฉลาดที่ทำให้เรารู้สึกเออ มันสมเหตุสมผลตามวัยรุ่นคือไม่โง่
ไม่ได้สิ้นหวังและเชื่อได้ว่าในชีวิตจริงจะต้องทำยังไง แต่จะมีบางตัวละครก็ยังทำตัวเหมือนหลุดออกมาจากหนังซอมบี้สูตรสำเร็จแบบตะวันตกยุค 90 ที่วอนหาเรื่องให้ทีมซวยตลอด แต่ที่ชื่นชมคือเดาไม่ออกเลยว่าใครจะตาย ใครจะรอด
เพราะบางคนที่รอดมากว่าสิบตอนก็ยังสามารถมาตายเท่ ๆ หรือโง่ ๆ ได้เหมือนกัน ดูเป็นเรื่องปกติดี ตอนจบเรื่องเหมือนจะสรุปทุกอย่าง แต่กลับทิ้งท้ายบางอย่างแบบงง ๆ เหมือนจะทำต่อหรือเปล่าก็ไม่รู้
ซีรีส์พยายามเล่ากระจายไปอย่างสุด ๆ และไม่ได้โฟกัสแค่กับเพียงโรงเรียนมัธยมเหมือนชื่อเรื่องแปลภาษาไทย แต่ตัวละครหลัก ๆ ที่โดดเด่นกว่าใคร คงเป็นสี่ตัวละครหลัก นัมอนโจ ตัวละครเอกหญิงที่มีปมเรื่องตัวเองเรียนไม่เก่ง แต่ก็เชี่ยวชาญในการเอาตัวรอดจากพ่อที่เป็นนักดับเพลิงและตกหลุมรักซูฮยอก
หนุ่มหล่อที่ดูเหมือนว่าเขาจะกลายเป็นกำลังสำคัญในการเอาชีวิตรอด ชองซาน เด็กหนุ่มเป็นมิตร เพื่อนสนิทของอนโจที่คิดกับเธอมากกว่าเพื่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็คือฮีโร่ที่ช่วยทุกคนแม้จะหวาดกลัว ชเวนัมรา เด็กหญิงผู้เพอร์เฟ็คและเป็นหัวหน้าห้องของอนโจ ผู้ตัดขาดจากโลกภายนอกที่ทำให้เธอนั้นนิ่งและมีสติที่สุดในกลุ่ม
และค่อย ๆ เห็นความดีและมิตรภาพและทำให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเอง กวีนัม อันธพาลนิสัยแย่ที่เคยเป็นเบ๊รังแกคนไม่มีทางสู้ ที่แม้แต่ซอมบี้ก็ไม่อาจหยุดความบ้าคลั่งของเขาได้ สลับกับมุมมองของกลุ่มรุ่นพี่เด็กมีปัญหาที่ในยามคับขันก็สามารถเป็นกำลังสำคัญในการเอาตัวรอดของพวกเขา
รีวิว All of Us Are Dead มัธยมซอมบี้ สิ่งที่น่าสนใจในซีรีส์เรื่องนี้
มีประเด็นหลายอย่างในซีรีส์เรื่องนี้ที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องการกลั่นแกล้งในโรงเรียนที่ไม่เคยได้รับการแก้ปัญหาและนำไปสู่ปัญหาสังคมที่ใหญ่กว่าเกินจะแก้ ไม่ว่าจะเรื่องการทำร้ายร่างกาย การล่วงละเมิดทางเพศ
และผู้ใหญ่ก็ไม่เคยเลยที่จะแก้ปัญหา ทำให้บางครั้งมันก็นำไปสู่ความสูญเสีย แต่ถ้าความสูญเสียมันทำให้ความคลั่งหรือความแค้นมันพุ่ง มันอาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายที่ไม่มีใครคาดถึง เรื่องของอำนาจชนชั้นที่แปรผันเพราะซอมบี้ คนที่ไม่เคยมีทางจะต่อรองเพราถูกกดหัว แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน
บางครั้งเหยื่อก็กลายเป็นผู้ล่า ความเห็นแก่ตัวและห่วงใยก็นำมาซึ่งความเดือดร้อนแก่คนรอบข้าง เหมือนกับตัวละครในเรื่องที่ยามเข้าตาจนก็พร้อมจะทอดทิ้งแม้แต่คนที่สนิทหรือครอบครัวไปได้อย่างหน้าตาเฉย
ประเด็นเรื่องของชีวิตเพื่อให้กำเนิดผ่านตัวละครหญิงที่ท้องในวัยเรียนที่ต้องพยายามปกป้องลูกด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่อย่างสุดความสามารถ ความรักของพ่อลูกที่ทำทุกทางเพื่อให้ได้เจอกัน ความแค้นของอันธพาลที่ดิ้นรนเพื่อทำร้ายคนอื่น แม้แต่ภาครัฐหรือทหารที่พร้อมตัดสินใจหลาย ๆ อย่าง
แม้ว่าจะหมายถึงการทำลายล้างชีวิตอีกมากมายก็ตาม วัยรุ่นที่เริ่มตั้งคำถามถึงการมีตัวตนในสังคมและอคติที่มีต่อกันและกัน การเป็นคนนอกหรือคนที่ถูกทิ้ง ความหวังที่ถูกทำลายเพราะคนเป็นผู้ใหญ่ที่ห่วงแต่ตัวเอง
ความฉลาดของวัยรุ่นที่ทำทุกทางเพื่อเอาชีวิตรอดด้วยความรู้ความสามารถและความสามัคคี แม้จะมีทะเลาะกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยทิ้งความหวัง หรือแม้แต่ความรักที่พร้อมจะเสียสละทุกอย่างเพื่อให้คนที่รักได้มีชีวิตรอด
ซึ่งมันก็ตามสูตรของหนังซอมบี้ แต่การขยี้ความดราม่ามากไปหน่อยจนกลายเป็นเวิ่นเว้อและแอบน่ารำคาญ สะท้อนสังคมของมนุษย์ที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี
องค์ประกอบโดยรวมคือสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดใน All of Us Are Dead
ในส่วนขององค์ประกอบยอมรับเลยว่าฉากซอมบี้ถล่มไล่กัดในช่วงต้น ๆ แล้วมุมกล้องเผยให้เห็นแบบกว้างเหมือนหนังฝรั่งคือดีมาก ๆ มันลองเทคให้เห็นความวุ่นวาย และมีอยู่หลายตอน โปรดักชั่นของเกาหลีนี่น่าชื่นชมจริง ๆ
เพราะตลอดทั้งสิบสองตอนมีมุมกล้องที่หลากหลายมีซูม มีความกระจาย และก็โชว์ความโหดร้ายของโลกได้อย่างสมจริง อ้างอิงจากเหตุการณ์โควิดแล้วทำให้เรื่องราวนั้นดูน่าเชื่อถือ แต่ซีจีแอบลอยไปหน่อยในหลายฉาก
ในด้านการออกแบบซอมบี้ที่อาจจะไม่ได้แปลกใหม่ไปจากเรื่องอืน ๆ แต่ก็มีเอกลักษณ์และมีความโหดที่แตกต่างกันออกไป แถมยังดูน่าเชื่อถือเพราะ All of Us Are Dead Min Eun-ji นักแสดงมีการเคลื่อนไหวที่เห็นแล้วใครไม่วิ่งก็คือตาย เพราะมันทั้งไวและกัดไม่กี่นาทีคนก็กลายเป็นแบบมัน
นักแสดงนำแสดงได้ดีทั้ง ยุนชานยองในบทตัวเอกชายคนแรกที่ตอนต้นเรื่องอาจจะดูไม่ค่อยน่าสนใจ แต่พอในช่วงซอมบี้บุกเขากลับมีเสน่ห์และแสดงได้ดีมาก พัคจีฮูในบทตัวเอกหญิงที่เล่นดี สวย น่ารัก แต่บทที่บอกว่าฉลาดมีอยู่แค่ต้นเรื่อง ที่เหลือคือซุ่มซ่าม ไม่ห่วงตัวเอง ห่วงผู้ชาย อยู่ในรักสามเศร้าที่ชวนปวดหัว
ตัวละครรองลงมา ชเวอีฮยอนจึงกลายเป็นตัวละครที่เล่นดีกว่า บทดีกว่าเพราะบทของเธอต้องไต่ระดับจากความเฉยชาให้กลายเป็นความคลั่งสุด แต่ก็มีความสวย สง่าและเคมีเข้ากับ พัคโซโลมอน ที่น่าจะเป็นตัวละครที่รำคาญน้อยที่สุด เพราะในบรรดาตัวละครผู้ชาย เขาคือคนที่พาผู้รอดชีวิตข้ามผ่านวิกฤติไปได้
แม้บางครั้งเขาจะแอบทำอะไรโง่ ๆ ไปบ้าง แต่ด้วยความฉลาดและมีฝีมือ ทุกคนน่าจะหลงรักเขาได้ ยู อิน-ซู ในบทนักเลงอันธพาลโรคจิตที่สุดขีดคลั่งเมื่อซอมบี้ถล่มและเขาก็ทำให้ตัวละครนี้ทั้งน่ากลัวและน่าโมโห
สมทบที่เหลือก็แสดงกันเอาเป็นเอาตาย น่ารำคาญก็สุด น่าสงสารก็สุด โรแมนติกก็ได้เหมือนกันแต่มันค่อนข้างผิดเวลา ไหนจะได้ อียูมี เจ้าของสาวเสียลูกแก้วให้เพื่อนจนน้ำตาตกใน Squid Game คราวนี้เธอจะมาทำให้ทุกคนต้องอุทานลั่นในทุกครั้งที่เธอปรากฏตัว นอกนั้นแล้วผมก็คิดว่าดีงามตามมาตรฐานของซีรีส์เน็ตฟลิกซ์
ส่วนดนตรีประกอบก็บิ๊วอารมณ์แทบจะทุกตอน ทั้งตอนเศร้า ตอนลุ้น ตอนน่ากลัว ซึ่งยกระดับอารมณ์ให้คนซาบซึ้งและหวาดระแวงได้ไม่ต่างกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ชั้นดีเลย สุดท้ายนี้ขอแนะนำบทความ รีวิว The Moon ปฏิบัติการพิชิตจันทร์